รีวิวขับทดสอบสมรรถนะ “ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ปี 2023”
ในงานมอเตอร์โชว์ 2023 ที่ผ่านมา ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ได้เพิ่มความร้อนแรงของไลน์อัปเอสยูวีในประเทศไทย โดยการเปิดตัวพรีเมียมเอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุด ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ เจเนอเรชันที่ 6 ปี 2023 ซึ่งก็แรงตามคาดจริงๆ เพราะหลังเปิดตัวก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี หลังจากเปิดตัว อย่างเป็นทางการได้เพียง 7 วัน กวาดยอดจองไปแล้วกว่า 2,000 คัน
จากความปัง! ของยอดจอง ผู้เขียนเองก็เฝ้ารอวันได้ไปขับทดสอบเจ้า ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ปี 2023 อย่างใจจดจ่อกันเลยทีเดียว และแล้วก็ได้รับแจ้งนัดหมายให้ไปเข้าร่วมการขับทดสอบสมรรถนะ “ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่” บนเส้นทางที่สะท้อนคาแรกเตอร์ที่แตกต่างในจังหวัดเชียงใหม่ กับ 2 ขุมพลังการขับเคลื่อน ระบบฟูลไฮบริด e:HEV และขุมพลัง VTEC TURBO รวมระยะทางกว่า 220 กิโลเมตร ในวันที่ 30-31 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา
เริ่มต้นการเดินทาง นัดหมาย 06.00 น.ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เช็คอิน ออกเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ โดยสายการบินไทยสไมล์ ถึงจังหวัดเชียงใหม่เวลา 08.40 น. กับวันที่อากาศขมุกขมัวด้วยฝุ่น PM. 2.5 ขั้นวิกฤต … แต่ภารกิจรออยู่ข้างหน้า ถอยไม่ได้แล้ววว ……..
ทีมงานฮอนด้า พาพวกเราเดินทางออกจากสนามบินเชียงใหม่มายังโรงแรม มีเลีย เชียงใหม่ พิกัดแถวถนนเจริญประเทศ (หลายท่านอาจรู้จักในนามโรงแรมพรพิงค์เดิมนั่นเอง) ที่นี่เป็นทั้งจุดสตาร์ทการทดสอบ และที่พักของพวกเราในคืนนี้ด้วยค่ะ
ก่อนการทดสอบ มีผู้บริหารของฮอนด้า ออโตโมบิล และทีมวิศวกรผู้พัฒนาวิจัยผลิตภัณฑ์ ได้มาบรีฟให้ข้อมูลด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับเจ้า ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ปี 2023 เพื่อให้เราได้ทำความรู้จัก สร้างความคุ้นเคยกันเบื้องต้นก่อนออกไปขับทดสอบบนท้องถนน
ด้วยรอบนี้ทางฮอนด้าเปิดตัว ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ปี 2023 พร้อมกันทั้ง 2 ระบบขับเคลื่อน คือ ระบบฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว และขุมพลังเทอร์โบ เครื่องยนต์เบนซิน VTEC TURBO ขนาด 1.5 ลิตร มีให้เลือกทั้งแบบระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ (Real Time(TM) AWD with E-DPS) เส้นทางการขับทดสอบ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ปี 2023 ในวันนี้ ทางฮอนด้าจึงต้องจัดเส้นทางทดสอบเป็นสองเส้นทาง เพื่อให้สื่อมวลชนได้ทดสอบครบทั้งสองรุ่น
เส้นทางแรก ขับทดสอบฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ปี 2023 เครื่องยนต์เบนซิน VTEC TURBO ขนาด 1.5 ลิตร ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (รุ่น E 5 ที่นั่ง ราคา 1,419,000 บาท)
เราใช้เส้นทางหลักขับจากจุดสตาร์ทไปยังร้าน สายธารขุนแจกาแฟขุนลาว พิกัดด้านหน้าอุทยานแห่งชาติขุนแจ ต.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย โดย ช่วงขาไป ผู้เขียนรับหน้าที่เป็นผู้โดยสารตอนหน้า ผลประกอบการออกมาคือ นั่งสบายตลอดเส้นทางค่ะ แอร์เย็น เครื่องเสียงสุด! เบาะโอบกระชับกับร่างกายได้ดี ระยะขายืดวางได้เต็มที่
ภายในห้องโดยสารของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ปี 2023 ทันสมัย และมีความกว้างกว่าเดิมเล็กน้อย การประกอบภายในดูประณีตขึ้น ให้สัมผัสที่หรูหรา ห้องโดยสารเงียบในความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าเกินจากนั้นเริ่มมีเสียงยางเข้ามาในห้องโดยสารบ้างแล้ว ส่วนเสียงลมจะได้ยินอย่างชัดเจนในช่วงความเร็วประมาณ140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป
ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ปี 2023 มีพื้นที่วางขาของเบาะหลังเพิ่มขึ้น 0.6 นิ้ว พนักพิงหลังปรับเอนได้ 8 ระดับ (จากเดิม 2 ระดับ) และปรับเอนได้สูงสุด 10.5 องศา มีจุดยึด LATCH ที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อติดตั้งเบาะนั่งสำหรับเด็กด้านหน้าและด้านหลัง ภายในห้องโดยสารยังติดตั้งระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร (Plasma cluster) มาให้ด้วย ก็ทำให้อุ่นใจได้ระดับหนึ่งในวันที่ต้องไปเจอกับ PM25 ระดับรุนแรงที่เชียงใหม่ค่ะ
การเดินทางขากลับ ผู้เขียนรับบทเป็นผู้ขับทดสอบ ขับออกจากร้าน สายธารขุนแจกาแฟขุนลาว ไปยังจุดรับประทานอาหารกลางวัน ร้าน เว-ฬา ดี เส้นทางขับก็ยังเป็นเส้นทางขับขึ้นเขา ลงเขา ไม่ลาดชันมาก แต่เป็นเขาโค้งยาว ถนนโล่ง ทำให้ได้ลองทำความเร็วได้ ซึ่งเจ้า ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ปี 2023 ก็ไม่ทำให้ผิดหวังในเรื่องของอัตราเร่ง สั่งได้อย่างใจ ไม่มีเสียงคำรามของเครื่องยนต์ (แต่ก็ต้องแลกมากับอัตราการบริโภคน้ำมันที่หนักหน่วงเอาการ มีเลขตัวเดียวให้เห็นแทบทุกคัน) การควบคุมรถทำได้ดี เข้าโค้งเนียนกริบ การเซ็ตช่วงล่างมาของรุ่นนี้ต้องปรบมือให้ค่ะ
ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ปี 2023 มีการจัดวางเสากระจกหน้ารถแบบใหม่ ซึ่งการปรับเปลี่ยนงานดีไซน์แบบนี้ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกว่ารุ่นก่อนหน้า และด้วย ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ปี 2023 ถูกดีไซน์ให้มีกระจกรอบคันขนาดใหญ่ ช่วยเพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่ง ไม่อึดอัด เบาะนั่งคู่หน้าได้รับการออกแบบมาใหม่ (Body Stabilizing Seats) โอบรับกับสรีระได้ดี โครงเบาะด้านในตรงตำแหน่งด้านล่างของเบาะนั่ง ถูกออกแบบให้ช่วยพยุงสะโพกเพื่อลดการเคลื่อนไหว และการเปลี่ยนท่าทาง ช่วยลดความเมื่อยล้าเมื่อต้องขับขี่โดยสารระยะทางไกล แต่ในจุดที่รู้สึกไม่ลงตัวสำหรับผู้ขับขี่ที่เป็นผู้หญิง คือตำแหน่งเกียร์ เวลาใช้งานต้องยื่นสุดแขนเพื่อควบคุม ถ้าเป็นผู้หญิงตัวเล็กน่าจะลำบากในการใช้งานกันพอควรเลยค่ะ
เส้นทางที่สอง ขับทดสอบฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ปี 2023 ระบบฟูลไฮบริด e:HEV ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (รุ่น ES 5 ที่นั่ง ราคา 1,589,000 บาท)
จากร้านอาหารกลางวัน เราเปลี่ยนรุ่นรถจากฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ เครื่องยนต์เบนซิน VTEC TURBO ขนาด 1.5 ลิตร ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ รุ่น E มาเป็น ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ฟูลไฮบริด e:HEV ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ รุ่น ES ผู้เขียนรับหน้าที่พลขับต่อ พาเจ้า ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ปี 2023 ออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป คือ ร้านกาแฟ WTF Coffee Camp พิกัดบนดอยสูงของบ้านโป่งแยงใน อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
ระบบไฮบริด 2 มอเตอร์ ในรุ่น ES e:HEV เป็นการผสานการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่มีประสิทธิภาพสูง กับอัตราตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 335 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 2,000 รอบต่อนาที กับอัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมสูงสุดถึง 20.8 กม./ลิตร* (รุ่น e:HEV ES)
ในการขับขี่บนภูเขาสูงชัน และมีความคดเคี้ยวตลอดเส้นทาง ไดนามิกในขณะใช้ความเร็วสูงให้การทรงตัวที่ดี การถ่ายเทน้ำหนักในทางโค้งทำได้ดี ช่วงล่างและพวงมาลัยไฟฟ้าก็ปรับปรุงมาดีกว่ารุ่นเดิม ช่วงล่างดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว ออกมาในแนวหนึบนุ่ม รักษาอาการโคลงในการเข้าโค้งได้ดี ควบคุมรถได้ง่ายแม้จะเป็นรถคันใหญ่ ระบบช่วยเบรก ระบบเบรก ทำได้นุ่มนวล ไม่ชวนให้สะดุ้งตกใจ ให้ความมั่นใจในการหยุดที่มีประสิทธิภาพสูงในสถานการณ์ฉุกเฉิน อัตราประหยัดเชื้อเพลิงทำได้ดีกว่ารุ่น เครื่องยนต์เบนซิน VTEC TURBO ขนาด 1.5 ลิตร อย่างมีนัยยะสำคัญ
สำหรับใครที่ต้องการความประหยัด เน้นการใช้งานในชีวิตประจำวันเต็มรูปแบบ ระบบฟูลไฮบริด e:HEV ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ถือเป็นคำตอบที่น่าสนใจค่ะ
ภาพรวม ข้อมูลจำเพาะ
ระบบฟูลไฮบริด e:HEV ใน ซีอาร์-วี ใหม่
- ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่มีประสิทธิภาพสูง ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 335 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 2,000 รอบต่อนาที มอบอัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมสูงสุดถึง 20.8 กม./ลิตร* (รุ่น e:HEV ES) และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 113 กรัม/กิโลเมตร
- โดยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานได้อย่างชาญฉลาด เหมาะสมกับการขับขี่ในทุกสถานการณ์กับทั้ง3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) มาพร้อมสวิตซ์โหมดการขับขี่ (Drive Mode Switch) ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ตามสไตล์ได้อย่างง่ายดาย ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) และโหมดการขับขี่แบบประหยัด (Econ Mode)
ขับสนุก อัตราเร่งเร้าใจ สไตล์สปอร์ต กับขุมพลังเทอร์โบ
- 1.5 ลิตร Direct Injection DOHC VTEC TURBO 4 สูบ 16 วาล์ว ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Direct Injection และ Turbocharger ขับสนุก อัตราเร่งทันใจ มอบกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) และมีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 14.3 กม./ลิตร* (รุ่น E) และรองรับน้ำมัน E85
- โดยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) มีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นเพื่อลดเสียงและการสั่นสะเทือนลง รวมทั้งมีการติดตั้ง Step-shift Control
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ (Real Time(TM) AWD with E-DPS)
สมรรถนะของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ใน ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบและระบบฟูลไฮบริด e:HEV
มาพร้อมคุณค่าใหม่ในหลากหลายด้าน ทั้งการขับขี่และการควบคุมง่ายในขณะเข้าโค้ง มอบความมั่นใจสูง และสมรรถนะด้านเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือน (NV) ที่มอบความผ่อนคลาย ปราศจากเสียงและการสั่นสะเทือนรบกวนผู้โดยสารแถวหลัง
- ด้านการขับขี่และการควบคุม ให้ทั้งการขับขี่และการบังคับพวงมาลัยที่ง่าย ในขณะเข้าโค้ง โดยใช้วิธีการแบ่งการขับเคลื่อนเป็น 50:50 ซึ่งเหมาะสมกับการเข้าโค้ง แต่สามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการแบ่งการขับเคลื่อนได้ถึง 60:40 ตามลักษณะการขับขี่ต่าง ๆ เพื่อให้ได้ทั้งสมรรถนะในการลุยบนถนนที่ขรุขระและสมรรถนะการเข้าโค้งควบคู่กัน
- ด้านความมั่นใจในการขับขี่ มีการเพิ่มแรงขับเคลื่อนล้อหลังในทุกช่วงความเร็ว ทำให้ได้สมรรถนะการขับขี่ที่ให้ความมั่นใจในระดับสูง กล่าวคือ ในช่วงความเร็วต่ำจะให้การออกตัวที่ดีขึ้นมากแม้ขับขี่บนทางลาดชัน ในช่วงความเร็วปานกลาง บนถนนเปียก จะให้สมรรถนะการเร่งความเร็วที่ดีขึ้นมาก และในช่วงความเร็วสูง จะให้การทรงตัวที่ดีขึ้นอย่างมากเช่นกัน
- ด้านสมรรถนะเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือน (NV) มีการใช้ตัวหน่วงการสั่นสะเทือนเชิงบิด (Torsional Damper) ทำให้สามารถดูดซับการแกว่งของแรงบิด และการแกว่งของความเร็วรอบของเครื่องยนต์ ทำให้ได้ความเงียบที่ดีขึ้น ในช่วงความเร็วต่ำ รวมทั้งมีการใช้ชุดเพลาขับ (Constant-Velocity Joint) ที่มีขนาดเล็ก ช่วยลดการแกว่งของรอบการหมุนของเพลากลาง ส่งผลให้มีความเงียบดีขึ้นในทุกช่วงความเร็ว
ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ผสานการทำงานของกล้องด้านหน้าและเรดาร์ ในการตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ดังนี้
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ผสานการทำงานของเรดาร์และกล้องด้านหน้าในการทำงาน โดยระบบจะช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็ว เมื่อมีการตรวจจับว่ารถยนต์คันหน้า จักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนน อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนอง หรือในกรณีที่อยู่ในระยะเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ โดยระบบจะทำงานที่ความเร็วตั้งแต่ 5 กม./ชม. ขึ้นไป
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ โดยระบบจะทำงานที่ความเร็ว 72 – 180 กม./ชม.
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW) ระบบจะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติ ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร โดยระบบจะทำงานที่ความเร็ว 72 – 180 กม./ชม.
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้า
ที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) - ระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยใช้เรดาร์และกล้องด้านหน้าทำงานร่วมกันในการตรวจจับรถคันหน้า เพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง โดยระบบจะทำงานที่ความเร็ว 30 – 180 กม./ชม.
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือรถยนต์ด้านหน้า
- ครั้งแรกกับระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD) โดยระบบจะปรับการทำงานของไฟสูง-ต่ำ แยกอิสระซ้าย-ขวา อัตโนมัติ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์การขับขี่ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืนและปรับองศาของแสงไฟเพื่อลดการรบกวนรถยนต์ด้านหน้าหรือรถที่กำลังสวนทางมาโดยระบบจะทำงานที่ความเร็ว 10 – 40 กม./ชม.
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) ระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามรถคันหน้า โดยระบบจะตรวจจับรถที่หยุดด้านหน้าในระยะ 10 เมตร พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อื่นๆ* อาทิ
- ใหม่ ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) (ยกเว้นรุ่น E)
- เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV ES และ e:HEV RS 4WD)
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC)
- ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD)
- Honda LaneWatch)
- Driver Attention Monitor)
- Deceleration Paddle Selectors) (รุ่น e:HEV ES และ e:HEV RS 4WD)
- Paddle Shift) (รุ่น ES 4WD และ EL 4WD)
- ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) (ยกเว้นรุ่น E) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการทำงาน โดยมี 8 ฟังก์ชันการใช้งานหลัก ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยตลอดการเดินทาง ได้แก่
- My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ รวมทั้งการประเมินรายการอะไหล่และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น โดยจะมีการแจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป
- Car Log ข้อมูลการขับขี่จะประกอบด้วยพฤติกรรมการขับขี่ ที่สามารถแสดงผลเป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปี และ บันทึกการเดินทาง ที่สามารถเลือกทริปโปรด และแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์ อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ เป็นต้น
- Wi-Fi สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์ โดยจะใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 5 อุปกรณ์ มีระยะการส่งสัญญาณห่างจากตัวรถยนต์อยู่ที่ 40 เมตร โดยต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง
- * ลูกค้าสามารถสมัครแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเครือข่าย (เอไอเอส) โดยลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
- Airbag Deployment เมื่อเกิดอุบัติเหตุและถุงลมทำงาน กล่องอุปกรณ์ TCU จะส่งสัญญาณเตือนให้ทราบทันทีผ่านทางแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้าเพื่อทำการติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ หรือเบอร์โทรฉุกเฉินที่ลูกค้าผู้ใช้งานระบุไว้ในระบบ เพื่อทำการประสานงานให้ความช่วยเหลือขั้นต้น
- Car Status แจ้งเตือนสถานะรถยนต์ เมื่อเกิดความผิดปกติจากระบบของรถยนต์ และ แจ้งเตือนสัญญาณกันขโมย เมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก เช่น การเปิดประตู กระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้ายของรถยนต์อย่างผิดปกติ
- Remote Vehicle Control สามารถสั่งการล็อกและปลดล็อกประตูทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถสั่งสตาร์ตเครื่องยนต์ พร้อมทั้งตั้งค่าระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศในรถยนต์ และสั่งการดับเครื่องยนต์ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสั่งเปิดสัญญาณไฟ ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย โดยผู้ใช้งานจะต้องกำหนดรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลข 4 หลัก (PIN) และจะต้องป้อนรหัสส่วนตัวทุกครั้งก่อนการใช้งาน
- Geo Fence & Speed Alert สามารถกำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ และยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนดได้อีกด้วย
- Find My Car สามารถตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุด แสดงผล
บนแอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสส่วนตัว 4 หลัก (PIN) ก่อนการใช้งาน
รุ่นและราคา
ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด5 รุ่นย่อย ดังนี้
e:HEV มาพร้อม 2 รุ่นย่อย ได้แก่
e:HEV RS 4WD | 5 ที่นั่ง | ราคา 1,729,000 บาท |
e:HEV ES | 5 ที่นั่ง | ราคา 1,589,000 บาท |
เครื่องยนต์เทอร์โบ มาพร้อม 3 รุ่นย่อย ได้แก่
รุ่น EL 4WD | 7 ที่นั่ง | ราคา 1,649,000 บาท |
รุ่น ES 4WD | 5 ที่นั่ง | ราคา 1,599,000 บาท |
รุ่น E | 5 ที่นั่ง | ราคา 1,419,000 บาท |
เสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นสำหรับรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง