ใหม่ MG6 ( เอ็มจี 6 ) ยนตรกรรมนำร่องของแบรนด์ MG ในประเทศไทย
MG6 ( เอ็มจี 6 ) ยนตรกรรมนำร่องของแบรนด์ MG ในประเทศไทย เปิดตัวด้วยตัวถังแบบ 2 รุ่น คือ Fastback และ Sedan บนพื้นฐานแนวคิดการออกแบบที่เน้นความสนุกสนานในการขับขี่ที่เรียกว่า Brit Dynamic ซึ่งมีคุณลักษณะที่สำคัญ 4 ประการ คือ สมรรถนะ, การควบคุมรถ, การออกแบบ และระบบความปลอดภัย
รูปลักษณ์ภายนอกได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ พร้อมระบบ Air-Flow Tuner Plus เพื่อพิ่มสมรรถนะการประหยัด และความโดดเด่นจากรายละเอียด เช่น ชุดไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ซีนอน ที่มากับระบบไฟส่องสว่างด้านข้างขณะเลี้ยว (Cornering Light), ระบบหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้า (Headlight Washer) และระบบเปิด-ปิด พร้อมปรับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ ตลอดจนชุดไฟส่องสว่างขณะขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lights (DRL) ส่วนด้านหลังมากับชุดไฟท้ายแบบ LED, ไฟตัดหมอกหลัง และปลายท่อไอเสียทำจากวัสดุสแตนเลส รวมถึงระบบปรับ และพับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบไล่ฝ้า, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ส่วนในรุ่น Factback จะติดตั้งสปอยเลอร์หลังมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในขณะที่ล้ออัลลอยนั้นมีให้เลือกทั้งแบบ 16 นิ้วในรุ่นเริ่มต้น และ 17 นิ้วสำหรับรุ่นรอง และรุ่นท็อป
ภายในห้องโดยสารพิถีพิถันในเรื่องของรายละเอียดการออกแบบ และความกว้างขวางของห้องโดยสาร ซึ่งในรุ่นฟาสต์แบ็ค 5 ประตูได้เพิ่มความอเนกประสงค์ขึ้นด้วยพื้นที่บรรทุกสัมภาระ ซึ่งถูกขยายเพิ่มเป็น 472 ลิตร และมาพร้อมระบบพับเบาะที่นั่งตอนหลังหากต้องการเพิ่มพื้นที่ ในส่วนของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกของ MG6 ( เอ็มจี 6 ) ประกอบด้วยเบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าได้ถึง 6 ทิศทาง, หน้าจอแสดงผลการขับขี่อัจฉริยะ, ระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ Cruise Control และระบบจำกัดความเร็ว ASL – Active Speed Limit, ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ Push Start, กุญแจรีโมทสำหรับล็อค – ปลดล็อคประตู รวมถึงสั่งการเปิด – ปิด หน้าต่าง และเปิดฝากระโปรงท้าย, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมด้วยชุดเครื่องเสียงที่ควบคุมได้จากทั้งหน้จอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว หรือบนพวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่น ซึ่งรอบรับ AUX, USB และระบเชื่อมต่อ Bluetooth รวมถึงความล้ำสมัยของระบบ Inkanet
สปอร์ตเต็มขั้นกับขุมพลัง 1.8 เทอร์โบ
MG6 ( เอ็มจี 6 ) มากับเครื่องยนต์ TCI – TECH ความจุ 1.8 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ DVVT (Double Variable Valve Timing), ระบบจ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดมัลติพอยท์เอ็มเอฟไอ (Multipoint Fuel Injection), เทอร์โบชาร์จ และการระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำแบบรถแข่ง รวมถึงระบบการจัดการเครื่องยนต์เจนเนอเรชั่นใหม่ EMS6204 โดยจะมีกำลังสูงสุดที่ 161 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 215 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที และรองรับการใช้งานน้ำมันเชื้อเพลิง E20
ส่วนระบบส่งกำลังมากับชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แบบ Dual Clutch Transmission (DCT) พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift หลังพวงมาลัย โดยระบบเกียร์อัจฉริยะชุดนี้จะช่วยลดระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ลงเหลือเพียง 0.2 วินาทีเท่านั้น ทั้งยังมากับชุดแชสซีร์ที่ออกแบบมาโดยมุ่งเน้นความสปอร์ตด้วยมาตรฐานการขับขี่ในสไตล์ยุโรป ตามด้วยการติดตั้งช่วงล่างแบบอิสระด้านหน้าแมคเฟอร์สัน สตรัท และด้านหลังแบบมัลติลิงค์ Z – Type พร้อมเหล็กกันโคลทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ส่วนระบบเบรกนั้นมากับความพิเศษกับดิสก์เบรก พร้อมช่องระบายความร้อน และระบบทำความสะอาดทั้ง 4 ล้อ
Active Safety System Upgrade for … MG6
MG6 ( เอ็มจี 6 ) มากับการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยที่มากขึ้นอีกระดับ ตั้งแต่นวัตกรรมการออกแบบตัวถังที่เรียกว่า USD (Ultimate Stiffness Design) ซึ่ง 63% ของโครงสร้างใช้โลหะที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ และทำให้ MG6 ( เอ็มจี 6 ) มากับมาตรฐานทดสอบการชนของยุโรประดับ 5 ดาว
ทั้งยังมากับตัวช่วยสำคัญ เช่น ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และด้านข้าง, ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง, สัญญาณเตือนกะระยะถอยหลัง, กล้องมองหลัง และระบบกุญแขนิรภัยแบบ Immobilizer ในขณะที่ตัวช่วยด้านอิเล็คทรอนิกส์ซึ่งติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน จะประกอบด้วย ระบบเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่โดยลดการลื่นไถล (TCS – Traction Control System), ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว (SCS – Stability Control System), ระบบป้องกันการลื่นเมื่อเร่งความเร็ว, (MSR – Motor Control Slide Retainer), ระบบช่วยควบคุมแรงดันเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC – Cornering Brake Control), ระบบช่วยกระจายแรงเบรค (EBD – Electronic Brake Distribution), ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรคฉุกเฉิน (ABS – Anti-lock Braking System), ระบบตรวจสอบแรงดันยางรถยนต์อัจฉริยะ (ITPMS – Indirect Monitor Tire System), ระบบทำความสะอาดจานเบรคอัจฉริยะ (BDC – Brake Disc Cleaning), ระบบควบคุมการเบรคฉุกเฉิน (BA – Brake Assist) และระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS – Hill Start Assist System)
ซึ่งล่าสุด MG6 ( เอ็มจี 6 ) ยังได้อัพเกรดระบบความปลอดภัยขึ้นอีกระดับ ด้วยการเพิ่มระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง DWTC (Dynamic Wheel Torque Control), ระบบ Auto Hold, ระบบแจ้งเตือนทิศทางของพวงมาลัยหลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์ (Steering Wheel Reminder), ระบบไฟส่องสว่างด้านข้างขณะเลี้ยว เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ยามค่ำคืน (Cornering Light) และระบบปรับระดับไฟหน้าสูง – ต่ำอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้แสงจากไฟหน้ารบกวนผู้ขับขี่คันหน้าหรือผู้ขับขี่ที่สวนทางมา Auto – Leveling Headlights
“inkaNet” ความล้ำสมัยที่อัพเกรดให้กับ MG6
MG6 ( เอ็มจี 6 ) อัพเกรดความสะดวกสบายเพ่มขึ้นอีกระดับด้วยระบบเชื่อมต่อ และการสื่อสาร inkaNet เช่นดียวกับยนตรกรรมในสังกัดรุ่นใหม่ๆ ด้วยหลักการ และฟังค์ชั่นการทำงานเดียวกัน ซึ่งประกอบไปด้วย
- ระบบนำทางรถยนต์ ซึ่งนอกจากจะให้ข้อมูลผ่าน Google Maps แล้วผู้ใช้ยังสามารถเช็คตำแหน่งรถยนต์ได้ด้วยตัวเอง ตลอดจนติดตามตำแหน่งรถยนต์ผ่าน Call Centre ได้แบบ Real time ด้วยเช่นกัน
- ระบบแจ้งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในการขับรถจากพฤติกรรมการขับขี่ พร้อมแสดงผลอัตราสิ้นเปลืองโดยเปรียบเทียบเป็นค่าเฉลี่ยทั้งแบบรายสัปดาห์ และรายเดือน ทั้งยังสามารถเปรียบเทียบระหว่างรถ MG ของคุณกับรถของคนอื่น เพื่อช่วยให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และสร้างความประหยัดมากขึ้น
- ระบบเลขาฯ ส่วนตัว เพื่อสอบถามข้อมูล และขอรับคำแนะนำการช่วยเหลือเบื้องต้นต่างๆ รวมไปถึงการอำนวยความสะดวกโดยการส่งเส้นทางการเดินทาง (Point of Interest) มายังหน้าจอวิทยุรถยนต์โดยไม่ต้องค้นหา
- ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับช่วยกำหนดขอบเขตรัศมีการขับ ซึ่งสามารถกำหนดได้ตั้งแต่ 500 ม. ไปถึง 10 กม. จากศูนย์กลาง โดยในกรณีที่รถออกนอกรัศมีที่กำหนดระบบจะแจ้งเตือนผ่าน Push notification และส่ง SMS เตือน
- วางแผนการเดินทาง ด้วยการส่งแผนการเดินทางจากคอมพิวเตอร์ไปยังหน้าจอในรถยนต์
- การตรวจวิเคราะห์ หรือเตือนความผิดปกติของรถยนต์ต่างๆ ทาง Push Notification เช่น เช็คสถานะการทำงานของเครื่องยนต์, ระบบเบรก, ระบบถุงลมเบื้องต้นผ่านทางแอพพลิเคชั่น หรือติดต่อ MG Call Centre เพื่อให้ช่วยตรวจสอบความผิดปกติ และขอรับคำแนะนำการช่วยเหลือเบื้องต้น
- การตรวจสอบสถานะรถยนต์ ซึ่งจะแจ้งให้ผู้ขับขี่ทราบสถานะปัจจุบันว่าปิดอยู่หรือไม่ รวมถึงแจ้งระดับแบตเตอรี่, ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง และอุณหภูมิอากาศภายนอก
- ควบคุมการทำงานของรถยนต์ เพื่ออำนวยความสะดวกเช่นการสั่งล็อค/ปลดล็อครถระยะไกลผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน หรือ MG Call Centre ตลอดจนการค้นหาด้วยฟังชั่น Find My Car ที่ระบบจะสั่งการให้รถเปิดไฟหน้าซึ่งช่วยให้สามารถหารถในที่มืดได้ง่ายขึ้น
- การเตือนความผิดปกติของรถยนต์ ที่จะแจ้งเตือนผ่านทาง Push notification บนแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน เมื่อรถมีการเคลื่อนที่ผิดปกติ หรือรถมีการสตาร์ทเครื่องยนต์
- การโทรออกและรับสายผ่านหน้าจอวิทยุรถยนต์ โดยสามารถรับสายและโทรออก จากหน้าจอวิทยุรถยนต์ไปยังโทรศัพท์เครื่องอื่นได้ แม้มีไม่โทรศัพท์มือถืออยู่บนรถ หรือลืมพกโทรศัพท์มือถือ
- การรับและส่งข้อความผ่านหน้าจอวิทยุในรถยนต์ แม้ไม่มีโทรศัพท์มือถืออยู่บนรถ
- การแชร์สัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายผ่านหน้าจอวิทยุรถยนต์ ด้วยสัญญาณ WI-FI โดยวิทยุรถยนต์จะทำหน้าที่เสมือน WI-FI Router ให้เชื่อมต่อได้ทุกที่ทุกเวลา
Specification
รุ่น | 1.8 |
เครื่องยนต์ | I8K4G DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว Turbo TCI – TECH |
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี.) | 1,796 |
กำลังสูงสุด (แรงม้า / รอบต่อนาที) | 161 / 5,500 |
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร / รอบต่อนาที) | 215 / 2,000 – 4,500 |
ระบบส่งกำลัง | อัตโนมัติ 6 สปีด Dual Clutch Transmission (DCT) |
ระบบพวงมาลัย | พาวเวอร์ระบบไฮดรอลิค |
ระบบขับเคลื่อน | 2 ล้อหน้า FWD |
ระบบช่วงล่าง
|
|
ระบบเบรก
|
|
ล้อ | 17 นิ้ว (รุ่น 1.8T C ขนาด 16 นิ้ว) |
ยาง | 215 / 50 R17 (รุ่น 1.8T C ขนาด 215 / 55 R16) |
บทความที่เกี่ยวข้อง
NEW MG6 รถสปอร์ตพรีเมี่ยมที่ให้ผู้ขับขี่ได้รับรู้ถึงพลังของการควบคุม