My Style รีวิว – Mercedes-Benz S500e กับราคา 6 ล้านหน่อยๆ และเหตุผลที่ทำไมเราเรียกเค้าว่า Dr. Jekyll and Mr. Hyde
Dr. Jekyll and Mr. Hyde คือ ตัวละครจากปลายปากกาของ Robert Louis Stevenson ซึ่งเปรียบว่า “เหรียญย่อมมีสองด้าน” เช่นเดียวกับ “มนุษย์” แต่หลังจากได้สัมผัสกับ Mercedes-Benz S500e อย่างเต็มคราบ … คุณจะเชื่อเหมือนเราว่าไม่ใช่แค่ “มนุษย์” เท่านั้นที่มี 2 ด้าน … ฉะนั้น “พวกโลกสวย” จงไปไกลๆ แต่ถ้า “ไม่” จงอ่านให้จบ เพราะนี่คือ “อีกตัวตน” ของ S500e ที่เราค้นพบ
Mercedes-Benz S500e เวอร์ชั่นล่าสุด
นี่คือ MB S500e รหัสตัวถัง W222 ที่เป็นโปรดักส์ทำตลาดในปัจจุบัน โดยแยกย่อยออกมาเป็น 3 รุ่นหลักๆ คือ Executive และพระเอกของเรา Exclusive จากนั้นจึงดันเป็นรุ่นท็อปสุด AMG Premium ซึ่งมีความต่างในเรื่องของรูปลักษณ์ และออพชั่นที่เราคงไม่เสียเวลามาร่ายยาวให้ฟัง
เพราะคุณสามารถหาดูข้อมูลได้จาก www.mercedes-benz.co.th ที่มีรายละเอียดแบบครบสูตรให้เลือกชม หรือถ้าอยากมีเก็บไว้ดู “เผื่อลืม” ก็ทำได้ เพราะมีทั้งแคตตาล็อคไฟล์ PDF ยาว 28 หน้า และ Specsheet ภาษาอังกฤษอีก 4 หน้า ให้โหลดเก็บไว้ “เสพ” กันอย่างจุใจ ฉะนั้นสิ่งที่เราจะว่ากันในหัวข้อต่อไปก็คือ “เทคโนโลยีหลัก” ที่ติดตั้งมาให้ใน S500e รุ่นนี้ดีกว่า
ความลับของ Dr. Jekyll and Mr. Hyde
MB S500e คือ ยนตรกรรม Plug – in Hybrid แบบเสียบปลั๊กชาร์จ และขับเคลื่อนด้วยการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินแบบ V6 สูบ 333 แรงม้า พร้อมกองหนุนจากมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 116 แรงม้า รวมถึงทั้งระบบ คือ ม้าศึกเยอรมันตัวล่ำทั้งหมด 442 แรงม้า ส่วนแรงบิดจากเครื่องยนต์เพียวๆ อยู่ที่ 480 นิวตันเมตรตั้งแต่ 1,600 – 4,000 รอบต่อนาที ในขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าจะเสริมแรงเข้าไปให้อีกถึง 340 นิวตันเมตร
ซึ่งด้วยสมการด้านตัวเลขจากทั้งเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ได้สร้างผลลัพธ์อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เอาไว้ที่ 5.2 วินาที เรียกว่าตัวเลขนี้ระดับ “รถสปอร์ตสมรรถนะสูงเลยทีเดียว” แต่อย่าลืมว่ามันถูกสร้างขึ้นโดย “เรือธงสุดหรู” อย่าง The S-Class นะจ๊ะ ส่วนตัวเลขท็อปสปีดสูงสุดนั้นเค้าระบุว่า 250 กม./ชม. ซึ่งจากที่ได้ลองบอกเลยว่า “โดนล็อค” เอาไว้แน่นอน เพราะเราเชื่ออย่างหมดใจว่ามัน “ไปได้อีก”
ว่าด้วยเรื่องระบบการขับขี่ 4 รูปแบบ
S500e คือ ตัวหรูแบบ Plug – in Hybrid ขับเคลื่อนด้วย 2 ขุมพลัง และโหมดการขับขี่ที่มีถึง 4 รูปแบบ ประกอบด้วย โหมด Hybird ทำงานด้วยเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีระบบประมวลผลความเหมาะสมยกเว้นโหมด S – Sport เพราะนี่คือโหมดที่ใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ต่อมาคือ E-Mode กับการใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว และทำความเร็วได้ถึงราวๆ 140 กม./ชม. หรือเป็นระยะทางประมาณ 33 กม. แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่ปริมาณของแบตเตอรี่ และความเร็วด้วยเช่นกัน … อ้อ แล้วก็น้ำหนักเท้าของคนขับด้วย เพราะถ้าไม่เนียนพอ เครื่องยนต์จะเสนอหน้าเข้ามาช่วยทันที
โหมด E-Save ในโหมดนี้ ระบบจะบันทึกระดับกระแสไฟฟ้าช่วงเวลานั้น และจะทำการรักษาไว้ พร้อมกับทำการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เป็นหลัก แต่จะกลับมาใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเมื่อจำเป็น เช่น ตอนหนีออกจากบ้านกลางดึก หลังจาก “เสียบตูดชาร์จแบตเต็ม” กว่าจะถึงหน้าหมู่บ้านระดับกระแสไฟฟ้าเหลือ 60% พอกดใช้โหมด E-Save ปุ๊บ กระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่ก็จะถูกเก็บไว้ โดยไม่ให้น้อยไปกว่านี้ และหลังจากเริงร่านอกบ้านเป็นที่เรียบร้อย ก็ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จขับเข้าบ้านด้วย E-Mode แบบเงียบๆ จากมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะปลุกใครให้ตื่น
ปิดท้ายด้วยโหมด Charge ซึ่งจะทำงานด้วยเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว พร้อมกับรักษาระดับการชาร์จไฟแบบปานกลาง โดยไม่มีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยขับเคลื่อน เพราะตามชื่อโหมดเลยครับ ว่านี่คือการชาร์จกระแสไฟเข้าอย่างเดียว โดยไม่มีการจ่ายออก
Test Drive Chapter 1 … เปิดตัว Dr. Jekyll
ยอมรับตามตรงว่าผมไม่ค่อยจะ “ประทับใจ” เท่าไหร่กับเหล่ารถ Hybrid ทั้งหลาย เพราะลึกๆ แล้วผมยังคงมีความคิดอยู่ตลอดว่ามันต้องเกิดมาเพื่อ “ความโลกสวย” ในหลายๆ ด้าน เช่น ความประหยัด และการสร้างมลพิษที่ต่ำ เรียกว่าคงไม่ต้อง “หวัง” กับเรื่องความแรง ความเร้าใจ โดยเฉพาะกับค่าย Mercedes-Benz ที่เรายังติดภาพเดิมของความเป็นแบรนด์ผู้สูงอายุ
แต่วิวัฒนาการที่เปลี่ยนไป พร้อมดีไซน์ที่ Mercedes-Benz นำเสนอผ่านยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ ได้เริ่มเปลี่ยนความคิดเรื่อง “แบรนด์” แต่กับความเป็น “ยนตรกรรมโลกสวย” ยังคงเดิม จนกระทั่งวันนี้ที่เปลี่ยนไปทันทีโดยฝีมือของ MB S500e คันนี้ ซึ่งใช่ครับ เมื่อมองจากรูปลักษณ์ภายนอกกับความ “ติดหรู” ใครๆ ดูก็คงต้องบอกว่า “โลกสวย” ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อแปะตราประทับ “Hybrid” ด้วยล่ะก็ “ชัดเจน”
เหมือนกับตัวละครที่ชื่อ Dr. Jekyll ที่มากับบุคคลิกเรียบร้อยงามสง่า ที่เดินเฉิดฉายอยู่ในสังคมชั้นสูง ก็แน่ล่ะว่านี่คือ The S-Class ราคาระดับ 6 ล้านกว่า ที่คนซื้อไม่ได้ขับ เพราะส่วนใหญ่มักจะมีสารถีเป็นผู้บังคับ ในขณะที่เจ้าของมัก “เสพสุข” อยู่เบื้องหลัง ซึ่งถ้าทำเช่นนั้นคุณจะไม่มีวันได้รู้จักอีกหนึ่ง “ตัวตน” ซ่อนเร้น ที่ชื่อ Mr. Hyde เหมือนที่เรารู้จัก
Test Drive Chapter 2 … ปลดปล่อย Mr. Hyde
Mr. Hyde คือ อีกหนึ่งบุคคลิกของ Dr. Jekyll ที่ “ดิบเถื่อน ก้าวร้าว” เกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้ เช่นเดียวกับ S500e และผมคงไม่มีวันค้นพบแน่ๆ ถ้ายัง “ยึดติด” อยู่กับภาพลักษณ์ของ The S-Class ยนตรกรรมที่เหมาะสำหรับผู้บริหาร และความเป็นรถ Hybird ที่เกิดมาเพื่อโลกสวย ซึ่งเหมือนกับบังคับให้ผมต้อง “บรรจงขับ” อย่างสุดความสามารถ
ซึ่งต้องขอบคุณ “สายโทรศัพท์” เร่งด่วนในวันนั้นรวมถึง “คำสบประมาท” จาก “รุ่นพี่” คนหนึ่งที่คิดว่ามันไม่น่าจะ “คล่องตัว” และทั้งหมดคือ “แรงกดดัน” ที่ปลดหลักเกณฑ์การทดลองขับ จนเหลือเพียงคำเดียวว่า “เอามันส์” เพื่อให้ชาวโลกรู้กันไปเลยว่า MB S500e ที่หรูหราเหมือน Dr. Jekyll ก็ซ่อนตัวตนความ “เถื่อน” แบบ Mr. Hyde เอาไว้เช่นกัน เพียงแค่รอการ “ปลดปล่อย” จากใครซักคนเหมือนที่ผมทำ
“เกรี้ยวกราด” หรือ “มาดสุภาพบุรุษ” ขึ้นอยู่กับ “เท้าขวา”
ถ้าใครมี S500e ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็แล้วแต่ เพราะพื้นฐานเครื่องยนต์เหมือนกัน ผมแนะนำให้ลองเปลี่ยนบทบาทจากเบาะนั่งด้านหลัง มาประจำการหลังพวงมาลัยดูบ้าง พร้อมกับลบล้างทัศนคติเดิมๆ เช่น ความเป็นรถหรู, รถผู้บริหาร รวมถึงความใหญ่, ความยาวของตัวรถทิ้งไป แล้วลองใส่ความ “อยากซิ่ง” และ “ทักษะการขับขี่” ที่มีลงไป ในจังหวะ “กระแทก” เพื่อรับรู้ถึงความตื่นเต้น และความสามารถของรถที่คุณควักเงินซื้อ
มันไม่ใช่รถที่ขับยากจากขนาดที่ใหญ่โต หากแต่เป็นเพราะ “ความคิด” ของคุณที่ยังมีความ “เกรงใจ” เพราะเท่าที่ผมได้ลอง “ขนาด” ของตัวรถหดเล็กลงได้ด้วย “คันเร่ง” …. ใช่ครับ ผมพูดไม่ผิดหรอก เพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณใช้ความเร็วอย่างเหมาะสม S500e จะแสดงความคล่องตัวออกมาให้เห็นราวกับเป็นรถสปอร์ต และไม่ได้สร้างปัญหาใหญ่โต สำหรับการ “มุด” บนท้องถนน เพราะขนาด “โยน 4 เลน” ก็สามารถทำได้แบบไม่ต้องพะวง
ส่วนเครื่องยนต์ก็ตอบสนองได้ดีเกินคาด และเราแนะนำว่าให้ “กระแทก” คันเร่งในโหมด Hybrid เป็นหลัก เพื่อให้ทั้งเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยกันทำงาน เพราะในโหมด S-Sport ที่เครื่องยนต์ทำงานเพียงอย่างเดียวมันไม่เร้าใจมากพอ โดยนอกจากพละกำลังที่มีให้ใช้แล้ว Paddle Shift หลังพวงมาลัยก็เป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขที่ทำให้ “มันส์” ไปกับ S500e ได้เช่นกัน ด้วยหลักการเดียวกับเกียร์ธรรมดา โดยเฉพาะจังหวะลากรอบขึ้นมาเพื่อ “รอ” การกระแทกคันเร่งซ้ำ สำหรับการปลดปล่อยพละกำลังระดับ “สัตว์ประหลาด” ออกมา
เอาไงก็บอก … จอดออกก็ได้
S500e ไม่ได้ “มีดี” แค่จังหวะลอยลำเท่านั้น เพราะจังหวะออกตัวจากจุดหยุดนิ่งก็ทำให้ อะดรีนาลีนหลั่งได้ไม่ยาก แม้ตัวเลขซึ่งเคลม 0-100 กม./ชม. ใน 5.2 วินาที จะจริงหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้ก็คือ “รถซิ่งมีหนาว” ถ้าสาวคันเร่งจากไฟแดงพร้อมกัน เพราะ S500e มีกำลังให้ใช้มากพอที่ “กด” จนหลังจมเบาะ ชนิดที่จะสิ้นสุดก็เมื่อผม “ยกเท้า” จากคันเร่ง
และนั่นไม่ใช่แค่จาก 0-100 กม./ชม. เท่านั้น เพราะมันสามารถลากยาวๆ ไปด้วยความ “นิ่ง” จนน่าแปลกใจ แบบถ้าไม่ชำเลืองมองความเร็วก็ไม่รู้ตัว เหมือนที่ผม “จุ่ม” จนทะลุ 200 กม./ชม. แบบเพลินๆ สบายๆ ทั้งในโหมดช่วงล่างแบบ Comfort ก่อนจะยกคันเร่งลงมา และเติมไปอีกนิด พร้อมกับเปลี่ยนโหมดช่วงล่างเป็น Sport เพื่อเติมอรรถรสการขับให้เต็มเหนี่ยว
Comment by … หนุงหนิง สวิงแรง
บทสุดท้ายคงไม่มีอะไรมากนอกจากฝากบอกเหล่าเจ้าของ S500e ทั้งหลายในเมืองไทยว่า อย่าคิดว่ารถหรูระดับขึ้นหิ้งอย่าง The S-Class จะ “ผู้ดี” เกินจนรองรับการ “กระทืบคันเร่งไม่ได้” เพราะฉะนั้นกลับบ้านไปแอบคนขับรถ “ลองซะ … ถ้าไม่อยากเสียดายภายหลัง” เพราะตราบใดที่คุณยังอยู่ในบทผู้บริหาร คุณก็จะติดอยู่ภาพลักษณ์เดิมๆ ของ Dr. Jekyll ที่วันๆ รู้จักแต่ความหรูหรา และสังคมชั้นสูง
โดยแอบซ่อนความรู้สึก ดิบเถือน, สนุกสนาน หรือ “ความบ้า” ของตัวเองไว้ภายใน … และอย่าปฏิเสธว่าคุณไม่มีสิ่งเหล่านั้นอยู่ในตัว เพราะ S500e มีความสามารถระดับนั้น และตอบสนองให้ได้ “ถ้าใจคุณกล้าพอ”
เพราะอย่างที่ผมกล่าวไว้ตั้งแต่ตอน “จั่วหัว” ล่ะครับ ว่า “เหรียญมี 2 ด้านเสมอ” รวมถึง “มนุษย์” และ “S500e” รุ่นนี้ด้วยเช่นกัน
ชมคลิป EP1
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=m1PQ7BMVxyQ[/embedyt]
ชมคลิป EP2
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=BLBw415VaTg[/embedyt]
ราคารถใหม่ Mercedes-Benz S500e
Mercedes-Benz รุ่น S500e Executive ราคา 5,990,000 บาท
Mercedes-Benz รุ่น S500e Exclusive ราคา 6,460,000 บาท
Mercedes-Benz รุ่น S500e AMG Premium ราคา 6,990,000 บาท