รีวิว : New Mitsubishi Attrage ( มิตซูบิชิ แอททราจ ใหม่ ) เวอร์ชั่นอัพเกรดใน ราคา เพียง 4.7 แสน กับการลองขับเบาๆ กรุงเทพฯ – ระยอง

โพสต์เมื่อ 30th มิถุนายน 2017 หมวดหมู่: Test Drive by iAMCAR โดย iAMCAR Team

หลังจาก “ปล่อยของ” ใหม่ ไปไม่นาน บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ก็ร่อนหมายเชิญร่วมสัมผัส Eco Car แนวคิดใหม่ในทันที โดยทริปนี้มีทั้ง New Mitsubishi Mirage ( มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ ) และ New Mitsubishi Attrage ( มิตซูบิชิ แอททราจ ใหม่ ) ซึ่งมี ราคา เปิดตัวเบาๆเพียง 4.7 แสนบาทเท่านั้น ให้ได้สัมผัสกัน และ iAMCAR ครองตำแหน่งขับ Eco Car ตัวถังซีดานอย่าง New Mitsubishi Attrage ( มิตซูบิชิ แอททราจใหม่ ) เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ร่วมกับพี่ๆ สื่ออีก 3 ท่านร่วมเดินทางไปพร้อมกัน โดยการผลัดกันขับ

อัพเกรดฟังค์ชั่น และงานดีไซน์

รูปลักษณ์ของ มิตซูบิชิ แอททราจ ใหม่ ที่เราได้ประจำการนั้นมากับความโดดเด่นภายนอกด้วยชุดกันชนท้าย และไฟท้ายแบบใหม่ ในขณะที่ภายในนั้นมากับความสปอร์ตที่เพิ่มขึ้นอีกระดับ ด้วยเบาะหนังเดินด้ายแดง พร้อมพวงมาลัย และหัวเกียร์หุ้มหนัง พร้อมกับเพิ่มความสะดวกในการใช้งานช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์ USB ด้วยการย้ายตำแหน่งมาติดตั้งที่คอลโซลเกียร์ และการเพิ่มพนักพิงศีรษะหลัง 3 ตำแหน่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย

ตามด้วยการอัพเกรดฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวก ด้วยการเป็นหนึ่งเดียวในตลาดรถยนต์ซิตี้คาร์ ที่ติดตั้งระบบ Apple CarPlay มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น GLS-LTD เพื่อเพิ่มความสะดวก และปลอดภัยในการใช้งาน iPhone ซึ่งผู้ขับขี่สามารถโทรออกพร้อมรับสายโทรศัพท์ ส่งข้อความ และฟังเพลง ไปพร้อมกับการตั้งสมาธิไปที่การขับขี่ โดยสามารถใช้งานผ่านหน้าจอสัมผัส และคำสั่งเสียงผ่านระบบ Siri รวมถึงการติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control มาให้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายมาก

ทั้งยังยกระดับความปลอดภัยมากขึ้น เช่น การติดตั้งระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ) มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรง และรวดเร็ว เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการชน เมื่อระบบตรวจพบวัตถุด้านหน้า ขณะที่มีการเหยียบคันเร่งผิดพลาด ตามด้วยการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยเบาะหลังแบบ ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง, จุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX 2 ตำแหน่ง และระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยด้านคนขับเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น

สบายๆ กับ One Day Trip

สำหรับเส้นทางการทดสอบเราออกสตาร์ทจากศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีการแวะพักในจุดต่างๆ ตามที่กำหนด พร้อมกับเที่ยวชม ชิม ผลไม้สดๆ และมื้อกลางวัน จากสวนละไม จังหวัดระยอง ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ไปยังจุดนัดภพอีกครั้ง

พร้อมกับความรู้สุกที่คุ้นเคยในเรื่องสมรรถนะจากขุมพลัง MIVEC 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบ INC (Idle Neutral Control) ที่ตัดระบบส่งกำลังไปยังเพลาขับอัตโนมัติในขณะที่รถยนต์หยุดนิ่ง และเหยียบเบรกในตำแหน่งเกียร์ ‘D’ ช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ และประหยัดเชื้อเพลิง พร้อมด้วยระบบ G-Sensor ที่ช่วยให้เปลี่ยนเกียร์บนทางลาดชันได้อย่างแม่นยำ

ซึ่งประเด็นสำคัญ คือ สิ่งที่สร้างสมรรถนะการขับขี่ที่สามารถตอบสนองได้ดั่งใจ หากเข้าใจในเรื่องของระบบเกียรอัตโนมัติ CVT เพราะนั่นคือสิ่งที่จะทำให้สามารถขับขี่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทั้งในเรื่องของสมรรถนะ และการประหยัดน้ำมัน ส่วนเรื่องความคล่องตัวในการขับขี่นั้นเราไม่เคยสงสัยไม่แต่น้อย เว้นแต่ “ขัดใจเล็กๆ” ในเรื่องของช่วงล่างที่อยากให้มีการปรับแต่งใหม่ โดยเน้นความสปอร์ตมากขึ้นอีกนิด เพื่อให้ได้อรรถรสในการขับขี่ และความมั่นใจมากยิ่งขึ้น เมื่อต้องใช้ความเร็วสูง

สำหรับคนที่ชื่นชอบกับกานั่งหลังพวงมาลัยแต่สำหรับผู้โดยสารเราเชื่อว่าจุดนี้น่าจะเป็นอะไรที่เหมาะสม โดยเฉพาะความนุ่มนวลในความเร็วต่ำกับการขับขี่ในเมือง ซึ่งช่วยเพิ่มความสบายในการโดยสารได้มากทีเดียว ประกอบกับความล้ำหน้าของออพชั่นอำนวยความสะดวกที่ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งช่วยยกระดับมาตรฐานการใช้งานขึ้นไปอีกขั้น และนั่นคือสิ่งที่ทำให้คิดว่ายนตรกรรม Eco Car จาก Mitsubishi คือ ตัวแทน “ความคุ้มค่า” ที่น่าจะถูกใจผู้บริโภคไม่น้อยในเรื่องของออพชั่นที่ติดตั้งมาให้ เทียบกับยนตรกรรมสไตล์เดียวกันในบ้านเรา