[ รีวิว ] : The All New MINI Countryman ( มินิ คันทรี่แมน โฉมใหม่ ) 2017 บุกป่าฝ่าดงตอบโจทย์ได้ทุกวัน พร้อม ราคา ทั้ง 3 รุ่น

โพสต์เมื่อ 22nd มิถุนายน 2017 หมวดหมู่: Test Drive by iAMCAR โดย iAMCAR Team

MINI Countryman ( มินิ คันทรี่แมน ) เผยโฉมครั้งแรกเมื่อปี 2010 ในรหัสตัวถัง R60 ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับสาวกมินิ เนื่องจากมีขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้น แต่ก็ได้รับความนิยมมาเป็นเวลาถึง 6 ปีด้วยกัน ล่าสุดในเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของ The All New MINI Countryman ( มินิ คันทรี่แมน โฉมใหม่ ) ได้เปิดตัว พร้อม ราคา ในเมืองไทยปี 2017 กับรหัสตัวถังใหม่ F60 ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด ยกเอาเทคโนโลยีของมินิในเจนเนอเรชั่นปัจจุบันบรรจุเข้าไปใน Countryman รุ่นใหม่ล่าสุด ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง MINI TwinPower Turbo โดยมีให้เลือกทั้ง MINi Cooper Countryman, MINI Cooper S Countryman และ MINI Cooper S Hightrim Countryman

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 มินิ ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมพิเศษ The All-New MINI Countryman Press Drive ให้สื่อมวลชนได้สัมผัสดีไซน์อันโดดเด่น แรงบิดอันเป็นเอกลักษณ์ กำลังขับเคลื่อนเหนือระดับ และประสบการณ์การขับขี่สนุกสนานตามแบบฉบับของมินิ ณ จ.ประจวบคีรีขันธ์

ภายนอกกว้างขึ้นแบบฉบับ MINI Countryman

The All New MINI Countryman ( มินิ คันทรี่แมน โฉมใหม่ ) มีสัดส่วนที่ใหญ่ขึ้น ด้วยขนาดความยาวที่ยาวขึ้นกว่าเดิม 20 ซม. ความกว้างที่เพิ่มขึ้นอีก 3 ซม. และฐานล้อที่ยาวขึ้นอีก 7.5 ซม.แต่ยังคงเอกลักษณ์ตามสไตล์มินิ ด้วยโครงสร้างแบบเส้นตรง หลังคาแบบ Helmet Roof ไฟหน้ามาพร้อมกับ Daytime running light แบบวงแหวนเป็นครั้งแรกของมินิกระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยม เป็นสไตล์ของคันทรีแมนมาตั้งแต่รุ่นก่อน แต่ได้เสริมเหลี่ยมมุมให้ดูสปอร์ตมากขึ้น อีกจุดที่โดดเด่นคือ กรอบไฟเลี้ยว หรือ side scuttle ที่ออกแบบใหม่ให้มีลักษณะคล้ายลูกศรพุ่งไปข้างหน้า ด้ายท้ายมีลักษณะที่ดูแข็งแกร่งบึกบึน มองรวมๆ ใกล้เคียงกับโฉมก่อน แต่ดูมีอะไรมากขึ้น

ภายในแพรวพราว

ตอบโจทย์วัยมันส์ในสไตล์มินิการตกแต่งภายในห้องโดยสารเน้นคอนเซ็ปท์สะอาดตา แต่เฉียบคม ส่งผลให้บริเวณที่นั่งคนขับดูกว้างขวาง ทันสมัยยิ่งขึ้น รวมถึงยังใช้วัสดุคุณภาพสูง พร้อมกับไฟ LED ที่ช่วยสร้างบรรยากาศ และความสุนทรีย์ยามขับขี่ โดยมีพื้นที่กว้างขวาง ช่องเก็บน้ำขนาด 1 ลิตรบริเวณข้างประตู

ฟีเจอร์ล้ำสมัยแบบทัชสกรีนแผงกลางคอนโซลถูกบรรจุด้วยหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8.8” เฉพาะในรุ่น Cooper S Countryman Hightrim โดยจะแสดงผลข้อมูลต่างๆ ทั้งข้อมูลรถ ความบันเทิง โทรศัพท์ และ Navigation MINI

Logo Projection : ในรุ่นกลาง และรุ่นท้อป ติดตั้งไฟ LED Welcome Light ไฟส่องสว่างจากใต้กระมองข้างฝั่งคนขับ ฉายลงบนพื้นเป็นโลโก้มินิ ทุกครั้งที่เปิดประตู และปิดล็อกประตูรถ

Picnic Bench : พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายของรุ่นกลาง และรุ่นท้อป จะติดตั้ง MINI Picnic Bench ซึ่งกางออกมาสำหรับเป็นที่นั่งท้ายรถได้

Automatic operation of tailgate/Comfort access system with easy opener function : ฝา กระโปรงท้ายสามารถควบคุมการเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า เพียงใช้เท้าจ่อบริเวณใต้กันชนท้าย เมื่อมีกุญแจรถอยู่กับตัว หรือสามารถเปิดด้วยปุ่มด้านประตูข้างคนขับ และปิดด้วยปุ่มที่ฝากระโปรงท้าย

เครื่องยนต์ MINI TwinPower Turbo

ใน มินิ คูเปอร์ คันทรีแมน ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบขนาด 1.5 ลิตร TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้าที่ 4,400-6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,400-4,300 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ใช้เชื้อเพลิงแก๊สโซฮอลล์ 91 อัตราสิ้นเปลืองเคลมไว้ที่ 16 กม./ลิตร และมีระดับการปล่อย CO2 เพียง 148 กรัม/กม.

3 สูบ 1.5 ลิตร 136 แรงม้า

สำหรับ มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน และ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 192 แรงม้าที่ 5,000-6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตรที่ 1,350-4,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด ใช้เชื้อเพลิงแก๊สโซฮอลล์ 91 อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 16 กม./ลิตร และมีการปล่อยไอเสียที่ 143 กรัม/กม.

4 สูบ 2.0 ลิตร 192 แรงม้า

กระด้างน้อยลง ยังคงฟีลลิ่ง โก-คาร์ท

ความน่าสนใจ ณ ขณะนี้คงอยู่ที่ความเป็นรถนำเข้าล้วนๆ ทั้ง 3 รุ่นย่อย จากประเทศเนเธอร์แลนด์ วัสดุ และการประกอบจัดได้ว่าคุณภาพอิมพอร์ตทีเดียว ทริปนี้อาจเป็นโชคดีหรือไม่ไม่ทราบได้ ผู้เขียนเองได้จับตัวท้อป จึงได้เห็นลูกเล่น และความแพรวพราวของออปชั่น ที่มินิใส่มาแบบเต็มๆ สีสันจากไฟ LED ภายในรถสร้างอารมณ์ได้มาก

การตอบสนองของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรกับรถคันเท่านี้ ทรงพลัง แค่แตะคันเร่งก็รู้ได้ถึงพละกำลังที่พร้อมจะทะยานตามน้ำหนักของเท้าขวา การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล มีเสียงเครื่องยนต์แผดออกมาให้ได้ยินอยู่เนืองๆ เร้าใจในทุกรอบ ผิวสัมผัสของหนังหุ้มพวงมาลัยรู้สึกดียามวางมือไว้บนพวงมาลัย

การทดสอบทริปนี้ ทางมินิ ประเทศไทย ไม่ได้เพียงแค่พาผู้เขียนขับอยู่บนถนนลาดยาง และคอนกรีตเท่านั้น แต่กลับพาเราลงถนนที่เป็นดินแดง พื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยหญ้าอีกต่างหาก เรียกได้ว่าอเมซซิ่งกันไปเลยกับรถขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าในครั้งนี้ ที่ไม่คิดว่าผู้จัดจะพาเราไปในที่ที่ไม่น่าจะขับเข้าไปได้

ช่วงล่างยังคงให้ความรู้สึก “Go-Kart feeling” คงความกระด้างอยู่บ้างตามสไตล์มินิ อาจจะมาจากความที่เป็นยาง RFT ด้วยมั้ง แต่ชัดเจนว่า ในบอดี้ F60 นี้ลดความกระด้างจากโฉมที่แล้วลงไปพอสมควร น่าจะเหมาะกับคำว่าคันทรีแมนมากขึ้น…นี่ล่ะมั้งมินิคงหาคาแร็กเตอร์ให้กับคันทรีแมนได้อย่างลงตัวแล้วสินะ