รีวิว : BMW X1 sDrive18d M Sport … น้องเล็กตัวแสบแห่งตระกูล X
BMW X1 คือ รถอเนกประสงค์ในกลุ่ม SAV หรือ Sport Activity Vehicles น้องเล็กสุดแห่งค่ายใบฟัดฟ้า-ขาว ซึ่งทำตลาดในเมืองไทยด้วบเจนเนอเรชั่นแรกกับรหัสตัวถัง E84 ก่อนจะต่อยอดกระแสนิยมอีกครั้งด้วยเจนเนอเรชั่นล่าสุดในรหัสตัวถัง F48 ที่มาพร้อมความน่าสนใจในหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะกับ BMW X1 sDrive18d M Sport รุ่นนี้
ปรับโฉมดีไซน์ BMW X1 ให้หล่อล่ำเทียบชั้นระดับรุ่นพี่
การกลับมาของ X1 ในเจนเนอเรชั่นนี้เรียกได้ว่าจัดเต็มสมฐานะของความเป็นรถ SAV (Sport Activity Vehicles) มากขึ้น ด้วยรูปทรงภายนอกที่มีระยะโอเวอร์แฮงค์สั้น และฐานล้อยาว ผสานด้วยการปรับรูปลักษณ์ใหม่ให้ดูแข็งแกร่งบึกบึนมากขึ้น จนมองผ่านๆ นึกว่าเป็นรุ่นพี่อย่าง X3 โดยสัดส่วนขนาดตัวถังนั้นอยู่ที่ความยาว 4,439 มม. ความกว้าง 1,821 มม. ความสูง 1,612 มม.
ส่วนฟังค์ชั่นที่ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานนั้นจะประกอบด้วย ไฟหน้าแบบ LED พร้อมระบบส่องสว่างขณะเข้าโค้ง และไฟตัดหมอกหน้า รวมถึงระบบไฟหน้า และที่ปัดน้ำฝนทำงานอัตโนมัติ, กระจกมองข้างพับไฟฟ้า และปรับมุมต่ำโดยอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง ตลอดจนความปลอดภัยจากเซ็นเซอร์กะระยะที่มีให้ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง พร้อมด้วยกล้องแสดงภาพด้านหลัง ตามด้วยความสะดวกสบายจากฝากระโปรงหลังเปิด – ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ทางด้านภายในห้องโดยสารยังคงรักษามาตรฐานงานออกแบบจากค่ายใบพัดฟ้า-ขาว ทั้งในเรื่องการเลือกใช้วัสดุ และงานดีไซน์ เช่น เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ต หุ้มด้วยหนัง Dakota พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งฝั่งคนขับ ตามด้วยการตกแต่งในรายละเอียดด้วยวัสดุอลูมิเนียมลาย Hexagon
ในขณะที่ฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวกก็จัดมาให้อย่างครบครัน เช่น พวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่น, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซนแยกอิสระซ้าย-ขวา, ปุ่มควบคุม iDrive และระบบสัมผัส, ระบบนำทาง Navigator, ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่ที่กระจกหน้าฝั่งคนขับ, ชุดเครื่องเสียงเกรดพรีเมี่ยม และหน้าจอขนาด 8.8 นิ้ว ซึ่งรองรับ Application สำหรับ Smart Phone และการเชื่อมต่อ Bluetooth
และที่สำคัญ BMW X1 sDrive18d ที่อยู่กับเราในวันนี้ ไม่เป็นแค่เวอร์ชั่นธรรมดา แตเป็นเวอร์ชั่นพิเศษรุ่นท็อปสุดที่มาพร้อมความหล่อเหลาในสไตล์ M Sport ที่มาพร้อมการตกแต่งด้วยชุดพาร์ท M Aerodynamics อีกด้วย ซึ่งภายในห้องโดยสารก็จะมาพร้อมกับพวงมาลัยหุ้มหนังแท้ดีไซน์ M ส่วนภายนอกนั้ยก็จะมากับชุดแต่ง M รอบคัน รวมถึงล้ออัลลอยด์ M แบบ Double – Spoke ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางซีรี่ส์ 225/50 R18 เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
สมรรถนะ “สุด” มันส์ สำหรับคนชอบความสปอร์ตโดยเฉพาะ
X1 sDrive18d M Sport สุดหล่อรุ่นนี้ มากับขุมพลังดีเซลแบบ 4 สูบ พิกัด 2.0 ลิตร พ่วงตัวช่วยอย่างระบบอัดอากาศ BMW TwinPower Turbo โดยสร้างพละกำลังสูงสุดได้ที่ 150 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุดระดับ 330 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องยนต์ต่ำเพียง 1,750 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลังเป็นแบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic Sport พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift หลังพวงมาลัย ทำหน้าที่ถ่ายทอดกำลังสู่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า โดยมาพร้อมกับโหมดการขับขี่มาตรฐาน เช่น Eco Pro, Comfort และ Sport พร้อมด้วยระบบ Auto Start Stop Function ส่วนระบบช่วงล่างนั้น มากับพื้นฐานด้านหน้าแบบอิสระ และด้านหลังแบบมัลติลิงค์
เปิดฉากบทบู๊ แบบ “สู้ยิบตา”
ในการทดลองขับ BMW X1 sDrive18d M Sport น้องเล็กตัวแสบแห่งตระกูล X ต้องเรียกว่า “ตรงรุ่นสายโหด” สำหรับผมอย่างแท้จริง ด้วยความประทับใจจากสมรรถนะอัตราเร่ง โดยเฉพาะในโหมดกรขับขี่แบบ Sport ที่ออกตัวจากจุดหยุดนิ่งแบบจุ่มคันเร่งทีเดียวมิดพรม จนล้อขับเคลื่อนคู่หน้าส่งเสียงยางบดพื้นถนนดังสนั่น
ก่อนจะกลับสู่สภาวะปกติ จนไม่แน่ใจว่าระบบ DSC ทำงาน หรือผมยกคันเร่งก่อน เพราะมัวแต่ตื่นเต้น แต่ที่แน่ๆ ก็คือ เจ้าน้องเล็กรุ่นนี้ดีกรีไม่ธรรมดา ตามมาด้วยระดับความเร็วที่ตอบสนองได้อย่างทันใจ ชนิดที่เรียกว่า “กดเป็นมา”ซึ่งในเวลาเพียงชั่วขณะผมก็ผ่านระดับความเร็ว 100 กม./ชม. ไปเป็นที่เรียบร้อย แม้จะไม่ได้จับเวลาว่าเท่าไหร่ แต่ตัวเลขโรงงานยืนยันมาให้ที่ 9.2 วินาที ซึ่งประมาณการแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด
และที่สำคัญระดับความเร็วสูงสุดจากตัวเลขโรงงาน คือ 205 กม./ชม. ผมเองก็ไปเยือน ณ จุดนั้นมาแล้วเช่นกัน ซึ่งถ้าถามว่าอาการเป็นอย่างไร ผมบอกได้เต็มปากเต็มคำว่า “ยังนิ่ง” และสามารถขับขี่ได้แบบสบายใจ แม้จะใช้ความเร็วระดับ 180 กม./ชม. ก็สามารถจับพวงมาลัยด้วยมือเดียวได้แบบไม่มีอาการหวั่นวิตก
โดยส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้กับเสถียรภาพความมั่นคง และการทรงตัวของระบบช่วงล่าง ที่ขอบอกเลยว่าเน้นความ “สปอร์ต” มากๆ แบบที่ว่าอาจะไม่ถูกโฉลกกับ “คนรักความนุ่มนวล” เลยทีเดียว ซึ่งถ้านึกภาพตามไม่ออก ผมขอบอกคร่าวๆ ว่าใกล้เคียงกับอารมณ์ของ Mini แล้วกัน น่าจะเห็นภาพชัดขึ้น
และนอกจากความสปอร์ตของช่วงล่างที่มีบุคคลิก แน่น หนึบ เฟิร์ม สุดๆ แบบนี้ แล้วมันยังมีอีกหนึ่งอาการแถมมาด้วย ซึ่งนั่นก็คือ อาการที่ผมเรียกว่า “เก็บหมด” โดย “เก็บ” ในที่นี้ผมหมายถึง “ลักษณะของพื้นถนน” ที่บิดเบี้ยว เอียงซ้าย เอียงขวา ตรงไหน ยังไงรู้หมด
คล้ายๆ กับอาการของรถที่ใส่ยางหน้ากว้าง ที่ต่อให้ถือพวงมาลัยตรงๆ มันก็ยังคงเถลไถล ไปตามพื้นผิวของถนนนั่นเอง แต่ทั้งหมด ทั้งมวลก็ถือได้ว่ายังอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ และสนุกกับอรรถรสของเจ้าตัวแสบนี้ได้อย่างมั่นใจ (ถ้าเป็นคนชอบรถสไตล์นี้)
ถ้าเป็นโหมดการขับขี่แบบปกติ ไม่ว่าจะโหมด Comfort หรือ Eco Pro ดีกรีความโหดจะลดลงมาหน่อย เนื่องจากแรงตอบสนองของเครื่องยนต์จะได้เดือดพล่านเท่าโหมด Sport … ในขณะที่ระบบช่วงล่างนั้นก็ยังคงเป็นอารมณ์เดียวกัน แต่ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับการขับขี่ได้ ถ้าใช้ความเร็วเดินทางแบบปกติชาวบ้านเค้าทำกัน และนอกเหนือกจากนั้นยังได้อัตราสิ้นเปลืองในระดับที่คุณพอใจอีกด้วย
จบทริปทดลองขับเจ้าแสบคันนี้ ผมบอกได้เลยว่าถ้ามีตังค์คงต้องหามาครอบครองซักคัน เพราะด้วยอรรถรสการขับขี่ และสมรรถนะที่เหมาะกับสไตล์ของผมแล้ว ยังมีในเรื่องของความหรู และหล่อ พร้อมประโยชน์ใช้สอยตามคุณลักษณะของรถอเนกประสงค์อีกด้วย เรียกได้ว่า “คุ้มค่า” ทีเดียวกับราคา 2,599,000 บาท
ราคารถใหม่ BMW X1
BMW X1 รุ่น sDrive18d M Sport ราคา 2,599,000 บาท