รีวิว : รับลมหนาวเขาใหญ่ กับ Honda City e:HEV และ Honda City Hatchback (มี Clip)
หลังจากเปิดตัวแบบรวดเร็วเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา … ในที่สุดก็ถึงเวลาที่หมายเชิญจาก บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จะถูกร่อนอย่างเป็นทางการเพื่อ “เชิญลองของใหม่” Honda City e:HEV และ Honda City Hatchback บนเส้นทาง กรุงเทพฯ – เขาใหญ่ ระยะทางไป-กลับระดับ 400 กม. ซึ่งมากพอให้รถทั้ง 2 รุ่นได้นำเสนอ “ความต่าง” และ “ความน่าสนใจ” … จนเราอยากเอามาเล่าให้ฟัง
เดินทาง “ไม้แรก” แบบสบายๆ กับ Honda City e:HEV
สำหรับ Honda City e:HEV นั้นมากับพื้นฐานของตัวถังแบบ Sedan และทำตลาดเพียงหนึ่งเดียวในรุ่น คือ เวอร์ชั่น RS เพราะงั้นมั่นใจได้ถึง “สไตล์” ที่เรียกว่านำเสนออารมณ์ความสปอร์ต รวมไปถึงออพชั่นแบบเต็มขั้น โดยมีจุดเด่นที่หลายคนให้ความสนใจ คือ ระบบขับเคลื่อน ซึ่งทางฮอนด้าเรียกว่า Sport Hybrid i-MMD (Intelligent Multi-Mode Drive) ที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ Atkinson Cycle ขนาด 1.5 ลิตร i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ซึ่งแบ่งหน้าที่เป็น Generator ปั่นไฟ 1 ตัว และขับเคลื่อนรถอีก 1 ตัว โดยมีชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT รับหน้าที่ถ่ายทอดกำลัง
พร้อมแป้น Paddle Shift หลังพวงมาลัย แต่ไม่ได้เอาไว้ทำหน้าที่ปรับเปลี่ยนเกียร์ หากแต่เป็นระบบที่เรียกว่า Deceleration Selector สำหรับปรับระดับการชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่เมื่อชะลอความเร็ว หรือเบรก ซึ่งเลือกได้ถึง 3 ระดับ ทั้งในตำแหน่งเกียร์ D และตำแหน่งเกียร์ B โดยนอกจากจะทำหน้าที่ชาร์ไฟกลับเข้าแบตเตอรี่แล้ว ข้อดีอีกอีกอย่างก็คือสามารถลดภาระให้กับระบบเบรกได้ จากการช่วยหน่วงความเร็วนั่นเอง
ด้านอารมณ์ของการขับขี่ นั้นต้องบอกเลยว่าแปลกใจกับภาพรวมที่แสดงออกถึงความเป็นรถขนาดกลางด้วยการมอบความรู้สึก “สบาย” อย่างชัดเจน จากกำลังเครื่องยนต์ที่เพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งถ่ายทอดออกมาด้วยความต่อเนื่อง นุ่มนวล มากกว่าอารมณ์สปอร์ต เพราะเมื่อเราลองกระแทกคันเร่ง Kick Down สุด สิ่งที่พบก็คือ รอบเครื่องที่กวาดสูงขึ้น และเสียงที่แผดกร้าว ขณะที่ระดับความเร็วนั้นไม่ได้เกรี้ยวกราดตามเสียงเท่าไหร่
แต่หากลองใช้การขับแบบค่อยๆ เพิ่มความเร็ว กลับรู้สึกได้ถึงความต่อเนื่องของเรี่ยวแรงที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้ดีกว่า รวมถึงการเร่งแซงก็สามารถทำได้ในระดับที่มั่นใจ เพียงแค่เพิ่มน้ำหนักเท้าขวาให้มากขึ้น ฉะนั้นเราจึงรู้สึกชอบการขับขี่ในสไตล์ไม่รีบ ไม่ร้อน ตลอดจนการเร่งแซงที่ไม่กระชั้นชิดมากกว่า เพราะนอกจากไม่สร้างภาระให้กับเครื่องยนต์ แล้วคบขับก็ยังไม่ต้องมานั่งเครียด นั่งพะวงอีกด้วย แล้วก็ยังรวมไปถึงความประหยัดที่จะได้มาเราขับแบบไม่ได้ตั้งใจ “สร้าง” ยังทำตัวเลขได้ถึงราวๆ 23 กม./ลิตร เลยทีเดียว
อีกหนึ่งจุดที่น่าจะโดนใจสายครอบครัวไม่น้อย ก็คือ ระบบช่วงล่างที่มีการปรับเซ็ทใหม่ให้รองรับกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ได้สร้างความนุ่มแน่นในการขับขี่อย่างเห็นได้ชัด และดูดซับแรงสั่นเทือนได้ดี รวมไปถึงการให้ความมั่นใจในการเดินทาง ทั้งในความเร็วต่ำ และความเร็วเดินทาง เช่นเดียวกับน้ำหนักของพวงมาลัยที่อยู่ในระดับสมดุล มีความคล่องตัวในความเร็วต่ำ และหน่วงเพิ่มความเร็วมากขึ้นในความเร็วสูง จนรู้สึกว่าไม่ต้องใช้สมาธิมากในการควบคุม ตลอดจนเรื่องของระบบเบรก ซึ่งบอกเลยว่าครั้งนี้ทำได้ดีเกินคาด ด้วยความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับรถปกติทั่วไป ต่างจากอารมณ์เบรกรถ Hybrid ของฮอนด้าในเจนเนอเรชั่นก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด หากใครยังจำได้
เดินทางกลับ ด้วยอารมณ์สปอร์ตจาก Honda City Hatchback
วันรุ่งขึ้นเราเดินทางกลับ ด้วยการเปลี่ยนไป “ลองของ” ใหม่สไตล์วัยรุ่นกับ Honda City Hatchback ซึ่งเป็นรุ่นย่อยท็อปสุด RS เช่นกัน ฉะนั้นเรื่องรูปลักษณ์บอกเลยว่าอารมณ์สปอร์ตมาเต็ม ตั้งแต่รูปร่างแบบ Hatchback ที่ไม่ใช่หล่อเหลาเร้าใจเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยอรรถประโยชน์ใช้สอย ด้วยบานประตูท้ายที่เปิดได้กว้าง และสามารถปรับพับเบาะนั่งแถวหลังได้แบบ 60:40
ส่วนในเรื่องสมรรถนะนั้นมาจากเครื่องยนต์บล็อกที่คุ้นเคยจากเวอร์ชั่น Sedan ซึ่งนั่นก็คือ ขุมพลังเบนซิน ขนาด 1.0 ลิตร แบบ 3 สูบ 12 วาล์ว พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift 7 สปีด และระบบช่วงล่างที่มากับการปรับเซ็ทใหม่ให้รับกับน้ำหนักที่มากขึ้นกว่าเวอร์ชั่น Sedan เช่นกัน
โดยเมื่อเทียบกับอารมณ์ของ Honda City Hatchback RS นั้นต่างจากรุ่น e:HEV เอามากๆ เรียกได้ว่าเป็นสไตล์ที่ใกล้เคียงกับเวอร์ชั่น Sedan แต่ดีงามมากกว่าด้วยเรื่องของดีไซน์ที่นำเสนอความสปอร์ตออกมาได้อย่างเต็มเม็ด เต็มหน่วย ที่รวมไปถึงเรื่องของอารมณ์การขับขี่ที่กระชับ เฉียบคม เล่นสนุกกับโค้งได้ทั้งในความเร็วต่ำ และความเร็วสูง
ขณะที่พละกำลังนั้นก็มีให้ใช้แบบเหลือๆ ในทุกรอบเครื่องยนต์ และตอบโจทย์ได้ดีแม้กับคนขับรถเท้าหนัก ฉะนั้นการเร่งแซงในจังหวะปกติ หรือจังหวะฉุกเฉินจึงทำได้อย่างมั่นใจ ทั้งยังมีทัพเสริมเป็น Paddle Shift ไว้ให้สนุกกับการขับขี่ได้อีกระดับ รวมถึงเพิ่มความปลอดภัยจากการใช้ Engine Brake เพื่อช่วยลดภาระระบบเบรกได้อีกด้วย
ด้านระบบช่วงล่างมีข้อมูลมาว่าทั้ง Hatchback และ e:HEV นั้นใช้พื้นฐานเดียวกัน และปรับแต่งมาคล้ายๆ กัน แต่จากทั้งเสียง และสัมผัส ตลอดจนอารมณ์รวมๆ ที่ได้รับจากการขับขี่ ซึ่งทั้ง 2 รุ่นแสดงออกมานั้น กลับต่างกันอย่างชัดเจนด้วยอารณ์สปอร์ตที่โดดเด่นในเวอร์ชั่น Hatchback และความสบายในเวอร์ชั่น e:HEV
ราวกับทั้ง 2 รุ่นของ Honda City ได้ทำการแบ่งกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งใครสนใจรุ่นไหน เราแนะนำให้ไปลองขับดูจะเป็นการดีกว่า เพราะความชัดเจนในบุคลิก และอารมณ์การขับขี่ของทั้ง 2 รุ่น น่าจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=lKMzJLd8ugI[/embedyt]
ราคารถใหม่
Honda City รุ่น e:HEV RS ราคา 839,000 บาท
Honda City Hatchback รุ่น S+ ราคา 599,000 บาท
Honda City Hatchback รุ่น SV ราคา 675,000 บาท
Honda City Hatchback รุ่น RS ราคา 749,000 บาท