รีวิว : LEXUS CT200h ( เลกซัส ซีที200เอช ) เส้นทางการทดสอบจากกรุงเทพฯ – หัวหิน
กลิ่นอายของงานเปิดตัว LEXUS CT200h ( เลกซัส ซีที200เอช ) ยังไม่ทันจางหาย กิจกรรมการทดสอบสมรรถนะของก็เริ่มต้นขึ้น โดยบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เลือกเส้นทางการทดสอบจากกรุงเทพฯ – หัวหิน เป็นเส้นทางการทดสอบ โดย iAMCAR VARIETY E-Magazine & www.iamcar.net ได้รับเกียรติทำการทดสอบเป็นกลุ่มแรกของคณะสื่อมวลชน
คณะสื่อมวลชนทั้ง 24 ชีวิต พร้อมหน้าพร้อมตากันที่โรงแรม เรเนอซองส์ ย่านราชประสงค์ ซึ่งก่อนทดสอบได้รับเกียรติจาก คุณวิเชียร เอมประเสริฐสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มากล่าวตอนรับด้วยตนเอง พร้อมทั้งฟังบรรยายสรุปตัวผลิตภัณฑ์ ก่อนการเดินทางซึ่งผมของเล่าถึงข้อมูลของตัวรถกันก่อนดีกว่า เอาแบบคร่าวๆ แล้วกันนะครับ
“ไฮบริดแฮทช์แบคคันแรกของโลก”
แค่ประโยคนี้ก็ทำให้ เป็นที่น่าสนใจในกลุ่มลูกค้าผู้รักความทันสมัย ใช้ชีวิตอย่างมีศิลปะ ชื่นชอบเทคโนโลยี แสวงหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับชีวิต และรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งทาง LEXUS เรียกลูกค้ากลุ่มนี้ว่า “Creative Generation” ถือได้ว่าเป็นลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ LEXUS ส่งทางเลือกมาให้สัมผัส เพราะส่วนใหญ่ผู้บริโภคที่เลือกใช้มักจะเป็นบุคคลที่มีช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป และฐานะดีพอสมควร แต่ ออกมารองรับผู้บริโภคช่วงอายุตั้งแต่เริ่มทำใบขับขี่เลยก็ว่าได้เพราะสิ่งที่ผู้บริโภครุ่นใหม่ต้องการคือรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว ความสปอร์ต ความประหยัด รักษาสิ่งแวดล้อม และราคาสมเหตุสมผล ซึ่งผมก็มองว่า น่าจะตอบโจทย์ได้ครบ มาดูรายละเอียดลงลึกต่อกันดีกว่า
เครื่องยนต์
ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง แบบ Atkinson Cycle ขนาด 1.8 ลิตร พร้อมระบบหัวฉีดอีเลคทรอนิค (EFI) และระบบปรับองศาวาล์วแปรผัน VVT-i (Variable Valve Timing-intelligent) ให้กำลังเครื่องยนต์ 99 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 2,800 – 4,400 รอบต่อนาที ซึ่งทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 650 V กำลังสูงสุด 60 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด207 นิวตัน-เมตร พอผสม 2 ระบบเข้าด้วยกันออกมาเป็น Lexus Hybrid Drive นั่นเอง และยังสามารถให้แรงม้าสูงสุดที่ 134 แรงม้า ระบบส่งกำลังแบบแปรผันต่อเนื่อง ซึ่งควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า (Electrically Controlled Continuously Variable Transmission) ทำงานร่วมกับระบบส่งกำลังของเครื่องยนต์ไฮบริด หรือเข้าใจง่ายๆ คือ “E-CVT” นั่นเอง
2 Moods 2 Modes
อีกจุดที่เน้นเหลือเกินคือ 2 Moods 2 Modes เวลาเราขับในโหมด Normal, Eco และ EV ไฟส่องสว่างหน้าปัทม์จะแสดงเป็นสีฟ้า และการขับขี่แบบสนุกสนานในโหมด Sport ไฟส่องสว่างหน้าปัทม์จะเปลี่ยนเป็นสีแดง และระบบดูดซับแรงสั่นสะเทือนในแนวขวางทั้งด้านหน้าและหลัง หรือเรียกแบบง่าย คือ การใช้ค้ำช็อคอัพ ซึ่งมีการเสริมช็อคอัพเข้าไป ขออธิบายให้เข้าใจเพิ่มอีกนิด ถ้าคุณเคยใส่ค้ำช็อคอัพแบบปกติ ซึ่งเป็นเหล็กค้ำระหว่างช็อคอัพซ้าย-ขวา จะทำให้การทรงตัวของรถดีขึ้น แต่สิ่งที่คุณเสียไปคือความกระด้างของตัวรถ LEXUS จึงคิดค้นนำช็อคอัพเข้ามาใส่เพิ่ม ทำให้เกิดการยืดยุ่น พร้อมดูดซับแรงสั่นสะเทือน เรียกได้ว่าเป็นการแก้จุดด้อยของเหล็กค้ำช็อคอัพแบบเดิม
ได้เวลาออกเดินทาง
คงได้เวลาออกเดินทางกันแล้ว แต่ในวันแรกของการทดสอบยังไม่ถึงคิวของผมได้สัมผัส LEXUS CT200h จึงต้องขับเจ้าตัวโต LEXUS RX270 ไปก่อน เส้นทางวันแรกของการเดินทางถูกวางไว้อย่างดี โดยเริ่มจากการผจญกับรถติด เพื่อให้สัมผัสกับ EV โหมด เต็มระบบ Hybrid หลังจากนั้นวิ่งชิว..ชิวกับ Eco โหมด ในเส้นทางไปราชบุรี ก่อนที่จะใช้ Power โหมด ในเส้นทางราชบุรี มุ่งหน้าสู่หัวหิน แต่ระหว่างทางที่ผมขับตามฝูงผมขอชื่นชมความสวยของภายนอกให้ฟังก่อนแล้วกันครับ การออกแบบภายใต้ปรัชญา “L-finesse” ผ่านเส้นสายของตัวถังที่ลื่นไหลไปตามหลักอากาสพลศาสตร์ ด้วยค่าสัมประสิทธ์แรงเสียดทานต่ำ (Cd) เพียง 0.29 อีกทั้ง
รูปลักษณ์ใหม่
รูปทรงของโป่งล้อที่กว้างเพื่อรองรับกับซุ้มล้อ ทำให้รถดูต่ำแนบพื้น พร้อมฝากระโปรงหน้า และประตูท้ายทำจากอลูมิเนียม ทำให้ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วง (CG) ที่ต่ำ รับกับหลังคาที่เทลาด ให้อารมณ์สปอร์ตรวมถึงการทรงตัวที่ดี กระจังหน้ารูปลักษณ์ใหม่ แบบ ‘spindle-shaped’ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากรูปแบบของลมที่ปะทะตัวรถในระหว่างที่รถวิ่งสอดรับกับแนวเส้นสายของตัวถังส่วนกระจกด้านหลังมีเส้นสายดีไซน์แบบ ‘Slingshot’ ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟ Daytime Running Lights และ ไฟหรี่แบบ LED รูปทรง L-shape ไฟท้ายและไฟเบรคใหม่ แบบ LED ให้การส่องสว่างที่ชัดเจนในยามค่ำคืน ถ้าถามผมมันสวยบาดใจเลยทีเดียว ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบความสปอร์ตผสมกับความหรูหรา LEXUS CT200h เนี่ยแหละ “ลงตัว” บรรยายมาพอสมควรก็ถึงหัวหินพอดี แต่สิ่งที่ผมบอกคุณ..คุณได้ในการทดสอบวันแรก คือผมเอา RX 270 ไล่ในช่วงการทำ Top Speed ต้องขอบอกว่า RX 270 ตัวนี้ไล่ไม่ทันครับ ต้องถือว่า CT200h แรงพอตัวเลยทีเดียว ตกเย็นคณะสื่อมวลชน รับประทานอาหารริมชายหาด พร้อมชมคอนเสิร์ตในสไตล์ “Bossa Bossa” กับ “เบล สุพล”
LEXUS CT200h
เช้าวันที่ 2 ของการทดสอบ ผมได้สัมผัสกับ LEXUS CT200h ซักที แต่เป็นระยะทางเพียง 60-70 กิโลเมตรเท่านั้น เพราะต้องแบ่งให้เพื่อนนักข่าวท่านอื่นๆขับบ้าง จากการสัมผัส LEXUS CT200h ครั้งแรกของผม สิ่งแรกที่ผมรู้สึกประทับใจ คือ การออกแบบเบาะนั่งคนขับ ที่ LEXUS คิดค้นมาอย่างดี ซึ่งสัมผัสได้ถึงความกระซับ มุมมองทัศนวิสัยด้านหน้า ด้านข้างดีมาก แต่ด้านหลังแจจะดูแคบๆ สักนิด เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของรถรูปแบบนี้ ออกเดินทางกันดีกว่า ผมต้องบอกก่อนนะครับผมมีโอกาสได้ลองใช้งานโหมดเดียวจริงๆ คือ Sport เริ่มจากการจับเวลาจากหยุดนิ่งถึง 100 กม./ชม. อยู่ประมาณ 11-12 วินาที เพราะมีผู้โดยสารอีก 2 ท่าน พร้อมสัมภาระมากมาย
ระบบช่วงล่าง
ความเร็วสูงสุดเกือบ 200 กม./ชม. เหตุเพราะถนนรถค่อนข้างเยอะครับ เลยไม่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้เต็มที่ มาดูระบบช่วงล่างดีกว่าครับ ทางตรงเยี่ยม การเข้าโค้งถือว่าดีมากเลยทีเดียว และต้องยกนิ้วให้ค้ำช็อคอัพของ LEXUS มันช่วยให้การเข้าโค้งดีขึ้น และยังลดอาการกระเด้งกระดอน ที่มักจะเกิดขึ้นในรถที่ใส่ค้ำช็อคอัพแบบเดิมๆ ทำให้เกิดเสถียรภาพในการโค้งที่แม่นยำ จุดนี้นับถือในการออกแบบเลยครับ การตอบสนองของพวงมาลัยคมกริบ แต่ถ้าคุณเคยขับ LEXUS รุ่นอื่นมาก่อน คุณก็จะมี Feeling ที่เปลี่ยนไปคือน้ำหนักพวงมาลัยจะมีน้ำหนักเบาขึ้น เอาเป็นว่าในส่วนของช่วงล่างคุณสามารถไว้วางใจได้ทุกเส้นทาง สนุกกับ LEXUS CT200h ได้แค่แป๊ปเดียวก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นคนนั่งซะแล้ว
ผมขอจบการทดสอบ LEXUS CT200h เท่านี้ก่อนแล้วกันนะครับ โอกาสหน้าผมจะนำมาทดสอบแบบเต็มรูปแบบให้ชมกันน่ะครับ จะได้บรรยายกันอย่างเต็มที ก่อนจะจากกันผมเลยเอาราคา LEXUS CT200h มาฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจสำหรับคนรัก LEXUS
ราคารถยนต์ใหม่
รุ่น Luxury 2,190,000 บาท
รุ่น F-SPORT 2,390,000 บาท
รุ่น Premium พร้อม ระบบนำทางจราจรอัจฉริยะ 2,590,000 บาท
รุ่น Premium พร้อม ระบบนำทางจราจรอัจฉริยะ และ มูนรูฟ 2,690,000 บาท
สุดท้ายขอขอบคุณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่ให้เกียรติเราได้ร่วมกิจกรรมดี..ดี เสมอมา
https://www.youtube.com/watch?v=S0DH7Rx8xd8
บทความแนะนำ
Lexus CT 200h Innovate My Driving
Grand Opening New Lexus CT 200h