DNA แห่งความสำเร็จของสุดยอดยนตรกรรมหรู Rolls-Royce

โพสต์เมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2013 เวลา 16:17 น. หมวดหมู่: ข่าวประชาสัมพันธ์ โดย ป๋าซุ่ม..ขยุ้มหัวใจ

rolls-royce-phantom

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการยนตรกรรมสุดหรู “โรลส์-รอยซ์” เตรียมเปิดดำเนินการ โชว์รูม โรลส์-รอยซ์ บูติค อย่างเป็นทางการ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ปลายเดือนมีนาคม 2013 นี้

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก หรือ Rolls-Royce Motor Cars Bangkok (RRMCB) ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ ภายใต้การดำเนินงานโดยบริษัท มิลเลียนแนร์ ออโต้ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (MGC)
โดยโรลส์-รอยซ์ทุกรุ่นที่จอดที่ โรลส์-รอยซ์ บูติคโชว์รูม ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอนและโชว์รูม ที่กรุงเทพมหานคร บนถนนพระราม 3 จะมี 8 ปัจจัย หรือที่เรียกว่า โรลส์-รอยซ์ DNA
“ภาพลักษณ์ความหรูหราของสยามพารากอน จะส่งผลให้ โชว์รูมแห่งนี้เป็นอีกสถานที่ของการรองรับลูกค้าคนสำคัญของโรลส์-รอยซ์ ผู้มีความพึงใจเลือกสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิต”ฉัตวิทัย ตันตราภรณ์ ผู้จัดการทั่วไป โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก กล่าว
“ สุดยอดแห่งความสมบูรณ์แบบ ไม่มียนตกรรมใดเทียบได้กับโรลส์-รอยซ์ ซึ่งได้รับการขนานนามจากผู้คนในวงการยานยนต์ว่าเป็นยนตรกรรมที่ดีที่สุดในโลก ด้วยสัญลักษณ์นี้ คือภาพสะท้อนตำนานความยิ่งใหญ่ ในยุค 1929 ครั้งนั้น โรลส์-รอยซ์ 40/50 hp ผลิตออกมาสู่ตลาดเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งถือเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะถูกแทนที่ด้วยการเปิดตำนานบทใหม่กับ ‘นิวแฟนธอม” ในยุคนั้น
การพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วง 8 ทศวรรษที่ผ่านมา จากความคลาสสิคของเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 7.7 ลิตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 4 สปีด ได้ถูกแทนที่ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ V 12 ซึ่งพัฒนาสู่ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ZFให้พลังแรงม้า 453 hp ที่ 5,350 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดมหาศาล 720 นิวตันเมตร 1,000-3,000 รอบต่อนาที ความเป็นเลิศด้านวิศวกรรมดังกล่าวส่งผลให้ อัตราการประหยัดเชื้อเพลิงยังดีขึ้นถึงร้อยละ 10และส่งผลให้อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงจาก 385 กรัม/กิโลเมตร เหลือเพียง 347 กรัม/กิโลเมตร ขณะที่ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราเร่งสูงสุดจาก 0-100 กิโลเมตร/ต่อชั่วโมง ด้วยระยะเวลาเพียง 5.7 วินาที
คุณฉัตวิทัย กล่าวย้ำว่า ความลงตัวแห่งนวัตกรรมยานยนต์ของโรลส์-รอยซ์ในครั้งนี้ จะเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้กลุ่มลูกค้าที่มีระดับอายุน้อย สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งนั่นคือที่สุดแห่งความเป็นเลิศทางด้านวิศวกรรมในยนตรกรรมระดับเดียวกัน พร้อมเสริมว่า เรื่อง 8 ปัจจัยแห่งโรลส์-รอยซ์DNA ซึ่งให้ความแตกต่างสุดพิเศษเมื่อเทียบกับแบรนด์รถยนต์ระดับพรีเมี่ยมด้วยกัน
ดีเอ็นเอแห่งความเป็นรถยนต์โรลส์-รอยซ์ ทั้ง 8 ประการ มีจุดกำเนิดจาก จิตวิญญาณแห่งความลุ่มลึกทรงพลัง ผ่านสัญลักษณ์ เดอะ สปีริต ออฟ เอ็กสตาซี สตรีที่ยืนโน้มตัวมาข้างหน้าโดยที่แขนทั้งสองยืดตรงไปด้านหลังของร่างกาย พร้อมกับชิ้นผ้าที่ปลิวไสวไปตลอดช่วงแขนจนถึงส่วนหลัง ดูคล้ายคลึงกับปีกที่เตรียมพร้อมทะยานก่อนขึ้นบิน ประหนึ่งนางฟ้าแห่งความเร็วที่พร้อมพุ่งทยานไปข้างหน้า ด้วยปีกที่ทรงพลังเหนือกาลเวลา
เดอะ สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี หรือในอีก3 ชื่อที่ถูกเรียกขานว่า เอมิลี่ , ซิลเวอร์เลดี้ หรือ ฟลายอิ้งเลดี้ ซึ่งผ่านการออกแบบโดย ปฏิมากรชาวอังกฤษ ชาร์ลส โรบินสัน ซีคส์ (Charles Robinson Sykes ) ในตำนานเล่าว่าแบบจำลองสำหรับโมเดลครั้งนั้น คือ เอลีนนอร์ เวลาสโก ทอนตัน (Eleanor Velasco Thornton ) ผู้ซึ่งมีรักที่ต้องซ่อนเร้นกับ จอห์น มองตากู (ลอร์ด มองตากูที่ 2 แห่ง Beaulieu) ผู้บุกเบิกวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศอังกฤษควบคู่กับการเป็นบรรณาธิการ ของนิตยสาร “The Car Illustrated ” ในช่วงปี
ค.ศ.1902) ซึ่ง เอลีนนอร์ก็คือเลขานุการของจอห์น มองตากูนั่นเอง และได้กลายเป็นโศกนาฏกรรมความรักสุดคลาสสิคในเวลาต่อมา
DNAต่อมาก็คือ กระจังหน้าแบบ Parthenon (ภาพขวา) ซึ่งนำเสนอผ่านภาพอันมีแรงบันดาลใจจาก วิหารพาร์เธนอน ที่พำนักอันเป็นนิรันดร์ของพระเจ้า คือขีดสุดแห่งความอลังการ และความงดงาม
DNAที่ 3 คือประตูโค้ช (ภาพล่าง) ซึ่งเป็นที่ตั้งร่ม Rolls-Royce ในแต่ละด้าน โดยรูปแบบของประตูนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก รถม้าแบบดั้งเดิม ซึ่งมีประตูโค้ชระบบร่มทั้ง 2ด้านอันเป็นเอกลักษณ์ของโรลส์-รอยซ์ ให้ผู้โดยสารได้ก้าวออกมาพร้อมกับความสง่างาม ภูมิฐานในแบบชนชั้นสูง
DNAที่ 4 “เส้นโค้ช”จากฝีมือการรังสรรค์อันน่าทึ่งโดย Mr. Mark Court ณ โรงงานกู๊ดวู้ด ซึ่งเป็นที่ประจักษ์แก่ลูกค้า Rolls-Royce ที่ได้เห็นทักษะการวาดภาพที่น่าทึ่งของเขาผ่านที่สุดแห่งยนตรกรรมคันงาน จนบางทีคุณไม่อาจไม่เชื่อว่าเส้นสายที่โดดเด่นนี้เกิดขึ้นจากฝีมือของมนุษย์
DNAที่ 5 เสา C ที่ยืนในอัตราส่วนสูงของ 2:1 เมื่อวัดจากความสูงของสองล้อวางซ้อนกัน อันเป็นเอกลักษณ์และความสง่างามที่ไม่มีใครเทียบ
DNAที่ 6 ถือเป็นปัจจัยชี้นำการออกแบบของ Rolls-Royce รถยนต์ เมื่อไม่ได้ใช้งานหรือหยุดนิ่ง โรลส์-รอยซ์ แฟตทอม หรือขณะใดก็ตามแต่คุณจะสัมผัสได้ถึงดีไซน์ที่ดูเหมือนจะทะยานเคลื่อนไหวไปข้างหน้า กลยุทธ์การออกแบบนี้เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ชาญฉลาด ส่งให้ โรลส์-รอยซ์ เป็นแบรนด์ที่มีสไตล์และเอกลักษณ์ที่ไม่เป็นรองใคร ขณะเดียวกันก็เพิ่มบรรยากาศอันสุนทรีย์ และความมีชีวิตชีวาให้กับรถ
DNAที่ 7 คือระยะฐานล้อยาวชึ่งส่งผลให้ช่วงหน้าของรถสั้น (Short Front Overhang) และทำให้โรลส์-รอยซ์ เป็นยนตรกรรมที่มีสมรรถนะการขับเคลื่อนได้อย่างยอดเยี่ยมที่ความเร็วสูง การตอบสนองและการเปลี่ยนเลนแบบกะทันหันทำได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ การที่ระยะฐานล้อกว้างช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในให้โอ่อ่ากว้างขวาง เป็นการออกแบบอย่างพิถีพิถันโดยทีมวิศวกรแห่ง กู๊ดวู้ด ส่งผลให้ขนาดพื้นที่บรรจุสัมภาระมากขึ้น เมื่อเทียบกับยนตรกรรมสุดหรูในระดับเดียวกัน
เอกลักษณ์ ที่ 8 ซึ่งเป็นหนึ่งใน DNA ที่สำคัญที่สุดของแบรนด์ โรลส์-รอยซ์ เป็นสิ่งใดไม่ได้นอกจากโลโก้ RR ซึ่งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่กลางวงล้อ (Self Righting Wheel Caps) และจะยังคงตั้งตรงในตำแหน่งเดิมได้แม้ขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูงอีกทั้งยังเคยเป็นเครื่องหมายการค้าของรถยนต์ โรลส์-รอยซ์ ยิ่งไปกว่านั้น DNA ที่ 8 นี้ยังแสดงถึงความเป็นศิลปะชั้นสูง ในเชิงวิศวกรรมของ โรลส์-รอยซ์
คุณฉัตวิทัยกล่าวเสริมว่า “ไม่มียนตกรรมใดเทียบได้กับโรลส์-รอยซ์ ซึ่งได้รับการขนานนามจากผู้คนในวงการยานยนต์โลกว่าเป็นยนตรกรรมที่ดีที่สุดในโลก และผมมั่นใจอย่างที่สุดว่าโรลส์-รอยซ์ จะยังดำรงตำแหน่งสุดยอดยนตรกรรมไปอีกยาวนาน”