เปิดตัว สนามทดสอบ ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี เอเชีย แปซิฟิค ปราจีนบุรี ( Honda R&D Asia Pacific Prachinburi Proving Ground ) มีคลิป
สนามทดสอบ ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี เอเชีย แปซิฟิค ปราจีนบุรี เป็นสนามทดสอบแบบครบวงจรที่มีเอกลักษณ์ และได้รับการออกแบบมาสำหรับภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียโดยเฉพาะ ด้วยเงินลงทุน 1,700 ล้านบาท สำหรับการก่อสร้างสนามทดสอบ ที่ประกอบด้วย 8 สนาม บนพื้นที่กว่า 500 ไร่ (หรือประมาณ 800,000 ตร.ม.)
ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี เอเชีย แปซิฟิค ปราจีนบุรี
(Honda R&D Asia Pacific Prachinburi Proving Ground)
ถือเป็นโอกาสอันดีงามมากๆ ที่ทีมงาน iAmcar ของเราได้มีโอกาสไปร่วมพิธีเปิดสนามทดสอบ ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี เอเชีย แปซิฟิค ที่ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งถ้านับกันในโลก สนามที่ประเทศไทยแห่งนี้ก็เป็นสนามที่ 3 ต่อจากประเทศญี่ปุ่น และประเทศสหรัฐอเมริกา และพวกเราเองก็ถือเป็นคณะสื่อมวลชนกลุ่มแรกที่ได้มาสัมผัสกับสนามแห่งนี้ อีกทั้งยังได้รับโอกาสจากฮอนด้า ให้ไปออนแทรคอย่างใกล้ชิด (แบบนี้จะไม่ให้ภูมิใจได้ยังไงไหวววว) .. แล้วจะช้าอยู่ทำไมล่ะคร๊ะ มาทำความรู้จักสนามทดสอบแห่งนี้กันเรยยยย! ว่าจะสุดยอดขนาดไหน ???
สนามทดสอบ ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี เอเชีย แปซิฟิค ปราจีนบุรี เป็นสนามทดสอบแบบครบวงจรที่มีเอกลักษณ์ และได้รับการออกแบบมาสำหรับภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียโดยเฉพาะ ด้วยเงินลงทุน 1,700 ล้านบาท สำหรับการก่อสร้างสนามทดสอบ ที่ประกอบด้วย 8 สนาม บนพื้นที่กว่า 500 ไร่ (หรือประมาณ 800,000 ตร.ม.) โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 ที่มีสนามทดสอบของฮอนด้า ต่อจากประเทศญี่ปุ่น และประเทศสหรัฐอเมริกา
สนามทดสอบแห่งใหม่นี้ ใช้สำหรับการทดสอบรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ โดยจะมีการทดสอบในหลายรูปแบบ เช่น การควบคุมรถ การทรงตัว และสมรรถนะโดยรวม เพื่อนำผลทดสอบไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่จะจำหน่ายในภูมิภาคนี้ สนามทดสอบแห่งใหม่นี้ จึงมีส่วนสำคัญในการยกระดับศักยภาพการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ฮอนด้าในประเทศไทย และในตลาดเอเชียและโอเชียเนีย ในอนาคต ทางฮอนด้ายังมีแผนที่จะนำยานยนต์จากภูมิภาคอื่นมาทดสอบที่นี่ด้วยเช่นกัน
สนามทดสอบ ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี เอเชีย แปซิฟิค ปราจีนบุรี แห่งนี้ ประกอบด้วยสนามทดสอบที่จำลองสภาพถนนและลักษณะภูมิประเทศในรูปแบบต่างๆ 8 สนาม โดยความยาวรวมประมาณ 8 กิโลเมตร ซึ่งแบ่งเป็นสนามทดสอบรูปแบบต่างๆ ดังนี้
1) สนามทดสอบรูปวงรี (Oval Course):
สนามทดสอบรูปวงรีความยาว 2.18 กิโลเมตร ใช้ทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ในขณะขับด้วยความเร็วสูง รวมถึงการทดสอบอื่นๆ เช่น ระดับเสียงของลมที่เข้ามาในห้องผู้โดยสาร และการควบคุมพวงมาลัย
2) สนามทดสอบทางโค้ง (Winding Course):
สนามทดสอบทางโค้งความยาว 1.38 กิโลเมตร ใช้ทดสอบสมรรถนะโดยทั่วไป รวมถึง การทดสอบประสิทธิภาพของระบบเบรก และการควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง สนามทดสอบทางโค้งนี้มีการจำลองถนนที่มีการขึ้น-ลง และถนนที่มีมุมอับสายตา รวมมีทางโค้งทั้งหมด 17 โค้ง
3) สนามทดสอบไดนามิกส์ (Vehicle Dynamics Area):
สนามทดสอบที่เชื่อมต่อกับสนามทดสอบรูปวงรี ใช้ทดสอบการควบคุมการทรงตัวของรถ ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง และทดสอบประสิทธิภาพของการเบรก ขณะเข้าทางโค้งแบบหักศอก
4) สนามทดสอบที่มีน้ำท่วมขัง (Wet Course):
สนามทดสอบที่จำลองสภาพถนนที่เปียกและลื่น ใช้ทดสอบผลกระทบของน้ำท่วมขังที่มีต่อสมรรถนะของรถยนต์ ประกอบด้วย Pool Road, Splash Road, Wet Brake Road โดยสนามนี้สามารถปรับระดับความลึกของน้ำได้ตั้งแต่ 0-1,000 มิลลิเมตร เพื่อจำลองสถานการณ์น้ำท่วม ที่อาจเกิดขึ้นได้บ่อยในทวีปเอเชีย โดยเป็นการทดสอบการกันน้ำและผลกระทบต่อห้องเครื่องยนต์
5) สนามทดสอบสภาพพื้นผิวถนนในรูปแบบต่างๆ (Ride Road Course):
สนามทดสอบนี้จำลองสภาพพื้นผิวถนนของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ใช้ทดสอบสมรรถนะทั่วไปบนพื้นผิวถนนที่แตกต่างกัน โดยมีถนนลักษณะต่างๆ ถึง 8 รูปแบบด้วยกัน อาทิ ถนนคอนกรีต (Concrete Highway) ถนนยางมะตอยที่มีพื้นผิวชำรุด (Noise Road) และถนนลาดเอียง (Camber Road)
6) สนามทดสอบที่มีพื้นผิวพิเศษ (Special Surface Courses):
สนามทดสอบนี้ได้รับการออกแบบและสร้างด้วยเทคโนโลยี 3 มิติ เพื่อจำลองพื้นผิวถนนที่ขรุขระ ใช้ทดสอบความทนทานของช่วงล่างรถยนต์ โดยมีพื้นผิวถนนลักษณะต่างๆ ถึง 8 รูปแบบด้วยกัน อาทิ ถนนที่จำลองลูกระนาด (Speed Breaker) และถนนคอนกรีตที่มีพื้นผิวขรุขระ (Concrete Rough Road)
7) สนามทดสอบทางลาดชัน (Slope Course):
สนามทดสอบทางลาดชัน ใช้ทดสอบความแข็งแกร่งของเครื่องยนต์ และประสิทธิภาพของระบบเบรก
8) สนามทดสอบทางตรง (Straight Course):
สนามทดสอบทางตรงความยาว 1.2 กิโลเมตร ใช้ทดสอบอัตราการประหยัดน้ำมัน และอัตราการเร่งความเร็วหลังจากออกตัว