MAZDA BT50 Pro 2.2L Double Cab 4×2 Hi-Racer
อีกหนึ่งนวัตกรรมของกระบะเมืองไทย ที่โดดเด่นออกมาเกินหน้าคู่แข่ง ทำให้ผมอดรนทนไม่ไหวที่จะพยายามแสวงหาขอมาลองสัมผัส คือเจ้า MAZDA BT50 Pro ที่สะท้อนความแตกต่างตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอก แถมยังประกาศตัวว่าเป็น “กระบะกึ่งเก๋งหรู” ที่พร้อมจะให้คุณลืมกระบะสายพันธุ์เก่าไปได้เลย แต่จะสมคำล่ำลือหรือไม่ ไปสัมผัสพร้อมกับผมครับ
ดีไซน์ตามปรัชญา “นากาเร่”
MAZDA BT50 Pro ออกตัวแรงด้วยคอนเซ็ปต์แบบฮีโร่ทำดีสุดๆ โดยคว้าหนุ่มมาดเข้มขวัญใจคนไทย ผู้พันเบิร์ด เป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมสโลแกน “ขับเคลื่อนทุกสิ่ง…ให้เป็นจริงได้” โดยอาศัยสายการผลิตในประเทศไทย เน้น “ความสง่างามดุจรถยนต์นั่งระดับหรู ลบภาพความเป็นปิกอัพแบบเดิมๆ จนหมดสิ้น” อ่านมาเท่านี้ก็อยากลองขับมากแล้ว ผมจึงไปขออุนญาต คุณอุทัย เรืองศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อนำเจ้า MAZDA BT50 Pro Double Cab 4×2 V 2.2L Hi-Racer มาทดสอบ แล้วพี่อุทัยก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง
พอได้รถมาขับ ผมออกจากที่จอดรถแถวถนนสุขุมวิท ความรู้สึกแรกคือ ทำไมมีคนมองเยอะจัง (ทำยังกับเราขับรถสปอร์ต) จึงต้องขอจอดเพื่อวิเคราะห์ดูรูปลักษณ์ภายนอกกันสักหน่อย การออกแบบเน้นให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด พริ้วไหว อ่อนช้อย ตามหลักปรัชญา “นากาเร่” ถ้ามองจากด้านหน้าตัวกระจังหน้าทรงห้าเหลี่ยมพร้อมตะแกรงรังผึ้ง ตัดด้านล่างกระจังหน้าด้วยคิ้วสีโครเมี่ยม เพื่อช่วยให้ชุดไฟหน้าแบบบูมเมอแรงดูเด่นขึ้น ส่วนการออกแบบตัวรถเน้นให้รู้สึกถึงมิติเหมือนมีมัดกล้ามขนาดใหญ่ ไล่เส้นสายด้านข้างที่ต่อ เนื่องจากซุ้มล้อขนาดใหญ่สู่ประตู ทำให้ดูมีความปราดเปรียวและสปอร์ตจรดท้าย ส่วนด้านท้ายเน้นที่การจัดวางไฟท้ายแบบแนวขวางวางมาถึงข้างตัวรถ เช่นเดียวกับรถยนต์นั่ง พร้อมมีการใส่ไฟตัดหมอกเล็กๆ ไว้ตำแหน่งมุมล่างกระบะ พร้อมกันชนโครเมี่ยมที่ซ่อนไฟส่องทะเบียนเอาไว้สวยงาม
ส่วนตัวผมเห็นรูปลักษณ์การออกแบบของ BT50 Pro ครั้งแรกในอินเตอร์เน็ตรู้ สึกว่ามันดู “เว่อร์” ไปสักหน่อยสำหรับกระบะ แต่มาเห็นตัวจริงๆ ผมปรับความคิดด้านการออกแบบไปทันที ผมรู้สึกว่าเป็นความกล้าที่จะแตกต่าง โดยใส่ “DNA MAZDA ZOOM ZOOM” ลงไปเต็มๆ ถ้านำรถ MAZDA2, MAZDA3, CX9 หรือจะเป็นสปอร์ตอย่าง RX8 จะเห็นได้เลยว่ากลมกลืนเป็นตระกูลเดียวกันอย่างลงตัว ซึ่งเมื่อนำการดีไซน์สไตล์เก๋งมาใช้ในโครงสร้างของกระบะ จะทำให้รู้สึกว่าไม่แข็งทื่อจนเกินไป แต่ MAZDA สร้างเส้นสายกับตัวรถให้เกิดมัดกล้าม จึงสามารถสะท้อนรูปลักษณ์ที่แปลกตาในสายตาผม คือ “ล้ำสมัย พริ้วไหว และแข็งแกร่ง”
รถเก๋ง..ชัดๆ
คราวนี้มาขับไป คุยไปและร่วมชื่นชมภายในกันดีกว่าครับ ห้องโดยสาร Mazda BT-50 Pro เน้นการออกแบบให้คล้ายกับรถนั่งให้มากที่สุด โดยคอนโซลหน้าเปิดกว้าง ในด้านคนนั่ง ทำให้ผู้โดยสารด้านหน้ารู้สึกสบาย และยังโอบกระชับทางด้านผู้ขับขี่เพื่อให้รู้สึกถึงความเป็นสปอร์ต โดยยังสามารถเลือกใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่าย โทนสีโดยรวมเน้นที่สีดำดัดด้วยการตกแต่งขอบคิ้วสีเงิน
จากการที่ผมสัมผัสครั้งแรก แล้วประทับใจ คือ ความกว้างและความสูงของห้องโดยสารที่มีพื้นที่มาให้มากจริงๆ เบาะนั่งกว้างนั่งสบาย การเก็บเสียงในห้องโดยสารคือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี มาดูต่อที่คอนโซลกลางบ้างเป็นที่อยู่ของวิทยุ CD- MP3 พร้อม AUX ที่สามารถต่อพ่วงผ่าน Bluetooth ไม่ต้องหาสายมาพ่วงให้วุ่นวาย พร้อมจอแสดงฟังค์ชั่นอเนกประสงค์ (Multi-Function display) ขนาด 3.5 นิ้ว แถมด้วยระบบ Bluetooth สามารถเชื่อมต่อมือถือใช้งานได้สบายๆ และยังสามารถกดเบอร์โทรออก รับสาย โชว์ชื่อคนโทรเข้าได้จากคอนโซลโดยไม่ต้องยุ่งกับมือถือเลย ผมว่าดีครับ เพราะผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตามาดูที่มือถือว่าใครโทรมาเลย ถือว่าจุดนี้ปลอดภัยดีครับ สุดท้ายเป็นเรื่องช่องเก็บสัมภาระ ที่มีมากถึง 13 จุดครับ
อัตราเร่งดุดันได้ใจ
มาถึงด้านสมรรถนะเครื่องยนต์เป็นบล็อคใหม่ Di-Thunder Pro แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ความจุกระบอกสูบ 2.2 ลิตร คอมมอลเรล ไดเรคอินเจคชั่น กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3700 รอบต่อนาที แรงบิดมาในรอบต่ำ 375 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังธรรมดา 6 สปีดซึ่งจุดนี้ผมชอบมากๆ เพราะให้การตอบสนองที่เร็วด้วยคันเกียร์สั้น ทำให้ลดระยะในการเข้าเกียร์ ที่ทำให้เบา ง่ายในการเปลี่ยนเกียร์ และแม่นยำอีกด้วย จากสมรรถนะเครื่องยนต์ด้วยบูทส์ของ Turbo ที่มาในรอบต่ำและหนักหน่วง จึงให้ความเร้าใจในการขับเอามากๆ พละกำลังของเครื่องยนต์ที่แม้จะมีความจุเพียง 2.2 ลิตร แต่ผมบอกได้เลยว่าไม่เป็นรอง 2.5 ลิตรในท้องตลาด ความเร็วปลายลองเล่นๆ เพราะรถเยอะมาก ก็ปาเข้าไป 170 กม./ชม.แล้ว ยิ่งถ้าคุณเปลี่ยนเกียร์แบบต่อเนื่องในรอบเครื่องที่เหมาะสมอาจจะทำได้ดีกว่านี้ครับ อัตราเร่งแซงหายห่วง และที่คนส่วนใหญ่ชอบถามผมว่า…เวลาขึ้นทางชันๆกำลังเครื่องแค่นี้จะพอมั๊ย? เอาเป็นว่า 2.5 ขึ้นได้ 2.2 ตัวนี้ก็ทำได้เช่นกัน
มาดูเรื่องความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 13.6 วินาที ส่วนอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ผมใช้ระยะทางทดสอบนอกเมืองความเร็ว 100-120 กม./ชม. ใช้ระยะทาง 150 กม. ประมาณ 15.8 กม./ชม. ใช้เงินไป 301 บาท (ดีเซลลิตรละ 31.37 บาท) ส่วนในเมือง ใช้ระยะทาง 150 กม. ประมาณ 7.8 กม./ชม. ใช้เงินไป 603 บาท ซึ่งถือว่าเป็นอัตราสิ้นเปลืองระดับที่ไม่ได้ขี้เหร่ เมื่อเทียบกับสมรรถนะที่เร้าใจขนาดนี้
ตามสนองได้ทุกอารมณ์สปอร์ต
ด้านช่วงล่าง Mazda BT-50 Pro มีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ตั้งแต่เอาระบบช่วงล่างเดิมแบบทอร์ชั่นบีมออกไป หันไปคว้าปีกนกอิสระ2 ชั้น ควบคุมด้วยคอยย์สปริงในแนวรถยนต์นั่ง ส่วนด้านหลังเป็นคานแข็งพร้อมชุดแหนบ และยังมีการปรับพวงมาลัยให้ตอบสนองดีขึ้น พร้อมความปลอดภัยของระบบเบรคที่มีจานเบรคขนาดใหญ่ถึง 400 มม. พร้อมปั้มเบรคหน้าลูกสูบคู่ และ ABS จากสมรรถนะเรื่องของช่วงล่างลดอาการโคลงของตัวรถลงจากรุ่นเดิมเยอะมาก ความนิ่งในการเข้าโค้งตอบสนองได้ดี แต่พวงมาลัยที่แปรผันในความเร็วสูง ผมรู้สึกว่ามากไปนิด จึงทำให้เวลาใช้ความเร็วสูงๆ ความมั่นใจอาจจะน้อยลงนิด แต่ข้อดีของน้ำหนักพวงมาลัยแบบนี้ทำให้มีความคล่องตัวเวลาขับขี่มาก ความแม่นยำของพวงมาลัยถือว่าดี เรื่องความนิ่มนวลของช่วงล่างดีกว่ารุ่นเก่า แต่จังหวะการคืนตัวหลังจากจังหวะช่วงล่างด้านหลังยุบจะดีดคืนเร็วไปนิด ทำให้มีความกระเด้งอยู่บ้าง แต่ผมมองว่าวิศวกรทำแบบนี้ เพื่อเอาไว้ขนของด้านท้ายกระบะ เพราะถ้ามีการบรรทุกด้านหลังน่าจะอยู่ในระดับที่สมดุลครับ
MAZDA BT50 Pro Double Cab 4×2 V 2.2L Hi-Racer ในราคา 715,000 บาท ผมถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ของกระบะเมืองไทย ที่ให้ออฟชั่นและสไตล์การขับขี่ในรูปแบบของรถยนต์นั่ง พร้อมทั้งความเร้าใจ ดุดันในการขับขี่ตามสไตล์ที่เราเรียกว่า “ZOOM ZOOM”
GALLERY
{phocagallery view=category|categoryid=460|limitstart=0|limitcount=0}