ทีเอสแอลนำเข้ายนตรกรรมหรู The New S300 BlueTec Hybrid AMG
บริษัท ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยนตรกรรมชั้นนำจากต่างประเทศแบบครบวงจร ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของตลาดรถยนต์นำเข้าอิสระด้วยการเผยโฉม The New S300 BlueTec Hybrid AMG ยนตรกรรมสุดหรูระดับพรีเมียม โดยเน้นจุดขายที่การสัมผัสรถยนต์คันจริงได้พร้อมด้วยแคมเปญสุดพิเศษ ซึ่ง The New S300 BlueTec Hybrid AMG คันนี้โดดเด่นด้วยชุดแต่ง AMG แบบรอบคันช่วยเพิ่มอารมณ์แห่งความเป็นสปอร์ตให้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ
คุณสุรีย์ภรณ์ อุดมผลวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “ทีเอสแอลได้นำเข้า The New S300 BlueTec Hybrid AMG รุ่นใหม่ล่าสุดเข้ามาจำหน่าย เพื่อตอบสนองความต้องการกลุ่มลูกค้าของทีเอสแอลที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักธุรกิจ สำหรับ The New S-Class คันนี้เป็นโมเดลเชนจ์ของ เอส-คลาสที่มาพร้อมกับรหัสตัวถังใหม่ W222 ซึ่งพกพารูปลักษณ์ปราดเปรียวแบบ 4 ประตูมาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริดที่ช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงและลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับสภาพแวดล้อมอีกด้วย ขณะที่การดีไซน์ภายนอกของตัวรถเป็นการรวมตัวกันของรูปแบบที่ทันสมัยและความงดงามในสไตล์สปอร์ตอย่างกลมกลืน สะท้อนให้เห็นถึงความหรูหราและสง่างามด้วยเส้นสายของการดีไซน์จากชุดแต่ง AMG Sport Package รอบคัน”
ขณะเดียวกัน The New S300 BlueTec Hybrid AMG ยังเสริมความโดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ 3 มิติที่มีขนาดใหญ่ขึ้นตัดกับเส้นสายด้านข้างที่โค้งมนและพริ้วไหวสอดรับกับล้อแม็ก AMG ลายใหม่แบบ 5 ก้านคู่ ขอบ 20 นิ้ว และหลังคาแก้ว Panoramic Glass Roof ขณะที่ไฟหน้าเปลี่ยนรูปโฉมใหม่เป็นแบบ Full L.E.D. ที่มาพร้อมระบบ Intelligent Light System (ILS) เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่ให้อารมณ์แห่งความสปอร์ตในแบบฉบับของซีดานหรู พร้อมด้วยนวัตกรรมใหม่ของไฟหน้าและไฟท้าย LED สองสีสามแถบสไตล์ใหม่ขนาบอยู่ข้างฝากระโปรงท้ายให้รูปแบบพิเศษที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนในยามค่ำคืน ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นบุคลิกเฉพาะตัวของเทคโนโลยีชั้นสูงที่มีอยู่ใน S-Class เจเนอเรชั่นที่ 6 นี้”
สำหรับการออกแบบภายในนั้นเน้นความหรูหราและคำถึงหลักสรีระศาสตร์เป็นหลัก ทั้งในส่วนของผู้โดยสารตอนหน้าและตอนหลัง ซึ่งให้ความรู้สึกผ่อนคลายสำหรับการเดินทางระยะไกล โดยเฉพาะภายในห้องโดยสารที่มีขนาดกว้างขวางเป็นพิเศษ อุปกรณ์ต่างๆ ตกแต่งด้วยวัตถุดิบชั้นดีที่ประสานกลมกลืนกันและรายการของสีที่นำมาซึ่งรูปแบบของความงดงามภายในห้องโดยสารโดยรวมที่มีลักษณะเฉพาะตัวเป็นพิเศษ โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัย อาทิ คอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ ปุ่มควบคุมคุณภาพสูงทำจากอลูมิเนียม หน้าจอ Command ขนาด 12.3 นิ้วที่เป็นตัวควบคุมการทำงานของระบบส่วนกลาง เช่นเดียวกับการทำหน้าที่ในการแสดงผลของระบบนำทาง
พร้อมฟังก์ชั่นใหม่ล่าสุดกับระบบ Split View for COMAND ที่สามารถแยกการแสดงภาพระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยการประมวลภาพในหน้าจอเดียวกัน พร้อมหน้าจอด้านหลังขนาด 10 นิ้ว 2 จอแยกออกซ้าย-ขวาและหูฟังไร้สายลายไม้แบบ Designo High Gloss เบาะหุ้มหนัง Nappa ระบบฟังก์ชั่น Ambient Lighting (หรือไฟเรืองแสงภายในห้องโดยสาร) ที่สามารถปรับรูปแบบได้ถึง 7 สี และกล้องรอบคันแบบ 360 องศา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีออฟชั่นพิเศษ Comfort Package ซึ่งมีที่รองรับช่วงขาเพิ่มเติมสำหรับผู้โดยสารด้านหลังแบบเดียวกับที่นั่งบนเครื่องบินระดับเฟิร์สคลาส ปรับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ รวมทั้งระบบ Ventilation Seat สามารถปรับอุณหภูมิภายในเบาะทุกที่นั่ง โดยจะมีระบบให้ความเย็นสำหรับเบาะทั้ง 4ตัว พร้อมระบบปรับอากาศ Air Balance Package ที่จะช่วยทำให้บรรยากาศภายในห้องโดยสารหอมอบอวลไปด้วยน้ำหอมกลิ่นพิเศษเฉพาะ S-Class ที่มีกลิ่นหอมคุณภาพสูงให้เลือกถึง 4 กลิ่น ได้แก่ NIGHTLIFE MOOD, DOWNTOWN MOOD, SPORTS MOOD, FREESIDE MOOD ซึ่งจะถูกจัดเก็บไว้อย่างเป็นสัดส่วนในกล่องเก็บสัมภาระ อีกทั้งจะมีเซนเซอร์ตรวจจับความสมดุลของอากาศภายในห้องโดยสารที่มาควบคู่กับระบบฟอกอากาศ Oxygen Ionisation และออฟชั่นพิเศษกับระบบเพื่อความบันเทิงภายในห้องโดยสาร อาทิ ชุดเครื่องเสียง Burmester Sound System ที่พกพาลำโพงสมรรถนะสูงมาถึง 13 ตัวและพลังขับ 590 วัตต์ ให้ผู้โดยสารได้ดื่มด่ำกับเสียงเพลงที่ไพเราะอย่างเต็มอารมณ์จากนวัตกรรมในระดับเฟิร์สคลาส
อีกทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ถือว่าเป็นครั้งแรกสำหรับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างในระบบช่วงล่างด้านความปลอดภัย อาทิ ระบบปกป้องทั้งก่อนและหลังการเกิดอุบัติเหตุระบบ Pre-Safe เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดด้วยเข็มขัดนิรภัยแบบถุงลมสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อม Hill-Start Assist, ระบบโช๊คถุงลมสามารถปรับความสูงได้ 30 มิลลิเมตร (Airmatic), ระบบการเตือนป้องกันการชนท้ายและหน้ารถ (CPA), ระบบคำนวณระยะอัจฉริยะ Distronic Plus พร้อมระบบควบคุมพวงมาลัย Steering Assist, ระบบนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ, ระบบเปิดไฟส่องสว่างอัตโนมัติ Headlamp Assist ที่จะปรับให้ไฟต่ำทำงานโดยอัตโนมัติตามระดับของความส่องสว่างภายนอก ซึ่งเป็นผลให้ความปลอดภัยในการขับขี่มากยิ่งขึ้น, พร้อมด้วยระบบฉีดน้ำที่ตัวปัดน้ำฝนและทำงานอัตโนมัติ
ภายใต้ฝากระโปรงหน้าของซีดานหรูคันนี้บรรจุเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ ขนาด 2,143 ซีซี แรงม้าสูงสุด 204/3,800 แรงม้า/รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500/1,600-1,800 นิวตัน-เมตร/รอบต่อนาที โดยสามารถทำอัตราเร่งตั้งแต่ 0-100 กม./ชม.ได้ภายในระยะเวลา 7.6 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 240 กม./ชม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะแบบ Tronic Plus ซึ่งความพิเศษของระบบส่งกำลังนี้ก็คือการที่ไม่มีช่องว่างให้การเคลื่อนที่หยุดชะงัก หรือขาดความลื่นไหลในขณะการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ ขณะที่อัตราการปล่อยสารคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 115-124 กรัม/กม. และอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 21.3-22.7 กิโลเมตรต่อลิตร
สำหรับ The New S300 BlueTec Hybrid AMG คันนี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ระบบไฮบริด ซึ่งสามารถทำได้ยอดเยี่ยมมากยิ่งกว่าความต้องการ เพราะระบบดังกล่าวเป็นระบบที่ให้พละกำลังแรงม้าสูงและมีการทำงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากนี้ ระบบไฮบริดยังมีการควบคุมที่สมบูรณ์มาก เมื่อระบบเบรกทำงาน แบตเตอรี่จะได้รับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าโดยระบบการนำพลังงานเบรกกลับมาใช้ใหม่ จอแสดงผลระบบไฮบริดในชุดแผงหน้าปัดและบนจอแสดงผล COMAND จะแสดงสถานะการไหลของพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์สันดาปภายในตามการใช้งานจริงในช่วงเวลานั้นๆ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของรถยนต์ในฝันและผู้นำความสว่างไสวสู่โลกแห่งยนตรกรรม
ข้อมูลทางเทคนิค (Specification)
Engine and performance | |
การจัดเรียงกระบอกสูบ/จำนวนกระบอกสูบ | 4 สูบ/ แถวเรียง |
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี) | 2,143 |
แรงม้าสูงสุด (กิโลวัตต์ [แรงม้า] รอบต่อนาที) | 150 (204) / 3,800 |
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร/รอบต่อนาที) | 500 / 1,600-1,800 |
อัตราส่วนกำลังอัด | 16.2 |
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (วินาที) | 7.6 |
ความเร็วสูงสุด (กม./ชม.) | 240 |
มาตรฐานไอเสีย | ยูโร 6 |
Fuel and emissions | |
น้ำมันดีเซล | |
ความจุถังน้ำมัน/สำรอง (ลิตร) | 70 |
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน กม. ต่อ ลิตร. ในเมือง | 20.8-21.3 |
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน กม. ต่อ ลิตร นอกเมือง | 21.7-23.3 |
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน กม. ต่อ ลิตร เฉลี่ย | 21.3-22.7 |
ค่าเฉลี่ยคาร์บอนไดออกไซด์ (กรัมต่อกม.) | 115-124 |
ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน | 0.23 |
Power transmission | |
ระบบส่งกำลัง | ขับเคลื่อนล้อหลัง |
เกียร์ | เกียร์อัตโนมัติ 7 เกียร์เดินหน้า 7G-TRONIC PLUS |
อัตราทดเกียร์ธรรมดา | – |
อัตราทดเกียร์อัตโนมัติ | N/A |
อัตราทดเฟืองท้าย | 2.82 |
Suspension and steering | |
ล้อหน้า | Multi-link |
ล้อหลัง | Multi-link independent suspension |
ระบบกันสะเทือน, ด้านหน้า/ด้านหลัง | แบบถุงลม(Air spring) , พร้อมระบบกันสะเทือนแบบปรับระดับตามสภาพถนน(Single-tube shock absorber with continuously adjustable damping) |
ขนาดยาง/หน้า | 245 / 45 R19 |
ขนาดยาง/หลัง | 275 / 40 R19 |
ระบบเบรกด้านหน้า | ดิสก์เบรก แบบมีครีบระบายความร้อน |
ระบบเบรกด้านหลัง | ดิสก์เบรก แบบมีครีบระบายความร้อน |
Quantity, dimensions & weights | |
พื้นที่บรรทุกของ (ลิตร) | 510 |
วงเลี้ยว (ม.) | 12.3 |
น้ำหนักรถเปล่า (กก.) [2] | 2,035/715 |
น้ำหนักรวม (กก.) | 2,750 |
น้ำหนักบรรทุกสูงสุดบนหลังคา (กก.) | 100 |
น้ำหนักลากจูงสูงสุด (กก.) | N/A |