บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยคว้า 7 รางวัล
กรุงเทพฯ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยได้รับรางวัลชนะเลิศรถดีเด่นถึง 7 รางวัลในงาน “Car of the Year 2011” ที่จัดขึ้นโดยบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ร่วมกับคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยได้รับรางวัลในประเภทต่างๆ ดังต่อไปนี้
BMW 320d Sport รางวัลชนะเลิศ Best Sedan Diesel
BMW 525d รางวัลชนะเลิศ Best Mid-Size Sedan Diesel
BMW 730Ld รางวัลชนะเลิศ Best Luxury Car Diesel
BMW Z4 sDrive23i รางวัลชนะเลิศ Best Roadster
BMW X1 sDrive20d รางวัลชนะเลิศ Best SUV Diesel
BMW X6 xDrive30d รางวัลชนะเลิศ Best Luxury SUV
MINI Cooper S รางวัลชนะเลิศ Best Sport Compact
รางวัล “Car of the Year” ในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 13 โดยได้รับความร่วมมือจากสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ไทย สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย ร.ย.ส.ท. (ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์) และบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
มร. แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มีความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามาสู่ตลาดเมืองไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของเครื่องยนต์ดีเซล และในปีนี้ เราได้นำเสนอ BMW X1 sDrive18i ซึ่งเป็นการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์เป็นรุ่นที่ 5 จากโรงงานระยองของบีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอร์ริ่ง ประเทศไทย ซึ่งจะเป็นทางเลือกใหม่ให้กับกลุ่มลูกค้าที่เน้นการขับรถในเมือง โดย BMW X1 sDrive18i เป็นการเปิดเซ็กเมนท์ใหม่ คือ รถครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ ที่มีตำแหน่งที่นั่งสูง ทัศนวิสัยดี ขับขี่ได้อย่างปราดเปรียวคล่องตัว อีกทั้งยังสามารถใช้พลังงานทางเลือกก๊าซโซฮอล์ E20 นอกจากนี้ เรายังนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและแตกต่าง เพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม และด้วยเทคโนโลยี EfficientDynamics ทำให้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูมีสมรรถนะสูง แต่ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”
ขั้นตอนการพิจารณารางวัล “Car of the Year” ประกอบด้วยการทดสอบ 2 ส่วนโดยท่านคณะกรรมการ ส่วนแรกจะพิจารณาจากองค์ประกอบต่างๆ ในเรื่องของการออกแบบ อรรถประโยชน์การใช้สอย สมรรถนะ ระบบความปลอดภัย และเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งรวมถึงกฎเกณฑ์ด้านความประหยัดน้ำมันและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับมาตราฐานของราคา
ส่วนที่สองคณะกรรมการจะมีการเปรียบเทียบจากการขับขี่จริง ในสถานีทดสอบต่างๆ ที่ได้จัดเตรียมไว้ โดยมีการจำลองอุปสรรคต่างๆ ที่อิงมาจากการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน และนำคะแนนที่ได้มารวมกับคะแนนในช่วงแรก เพื่อลงมติว่า รถรุ่นไหน ประเภทไหน เหมาะสมที่จะได้รับตำแหน่ง “Car of the year”