บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สร้างสถิติใหม่

bmw

ด้วยยอดขายรถยนต์ในปี 2554 สูงที่สุดนับแต่เริ่มต้นกลุ่มบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และสูงที่สุดสำหรับบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ปทั่วโลก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มียอดขายเพิ่มขึ้น +24% จากปีที่แล้ว สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดรวม 4,243 คัน สำหรับบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ เช่นเดียวกับสถิติใหม่สำหรับบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ปทั่วโลกกว่า 1,6 ล้าน คัน เพิ่มขึ้น +14% จากปีก่อนหน้า

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดขายสูงสุดในปี 2554 โดยมียอดขายเพิ่มมากขึ้นกว่า 20% เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน

ในปี 2554 ยอดขายบีเอ็มดับเบิลยูอยู่ที่ 3,858 คัน และเมื่อรวมยอดขายมินิที่ 385 คัน ทำให้ยอดขายโดยรวมของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สร้างสถิติใหม่มาอยู่ที่ 4,243 คัน เพิ่มขึ้น +24% เมื่อเทียบกับยอดขายโดยรวมในปี 2553

มร. แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ในปีพ.ศ. 2554 ที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการทำสถิติยอดขายสูงสุดนับแต่ก่อตั้ง บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มาตั้งแต่ปี 1997 โดยได้สร้างสถิติยอดขายรวมสำหรับบีเอ็มดับเบิลยูและมินิที่ 4,243 คัน ขยายตัวถึง +24% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งของความสำเร็จมาจากบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีย์ 5 ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 50% และมีสัดส่วนในการขายเติบโตขึ้นมาโดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา”


 

“ความสำเร็จของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ถือเป็นความสำเร็จที่สอดคล้องกับสถิติใหม่ที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั่วโลก ทำได้กว่า 1.6 ล้าน คัน ภายใต้แบรนด์ BMW, MINI และ Rolls-Royce ซึ่งเพิ่มขึ้น +14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า”

 

“ทั้งนี้หากวิเคราะห์จากเหตุการณ์สำคัญในปี 2554 ซึ่งมีผลกระทบในช่วงไตรมาสสุดท้ายจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย จะเห็นได้ว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นเสมือนดัชนีที่ชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ เราเชื่อว่าในปัจจุบันนี้ ลูกค้าทุกท่านให้ความใส่ใจในเรื่องความคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะในด้านการประหยัดพลังงานและค่าบำรุงรักษา ด้วยเทคโนโลยี BMW EfficientDynamics และโปรแกรมการบำรุงรักษารถยนต์ ที่เราเป็นผู้นำมาโดยตลอดสำหรับโปรแกรม BSI BMW Services Inclusive ซึ่งสร้างความสบายใจให้กับลูกค้าว่า รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูของลูกค้าทุกท่าน จะได้รับการบำรุงรักษาเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลา 5 ปี / 100,000 กิโลเมตรและด้วย ‘Cost of Ownership’ ที่ต่ำที่สุด ในทำนองเดียวกัน รถยนต์มินิก็มาพร้อมกับโปรแกรมบำรุงรักษาและซ่อมแซม MSI MINI Services Inclusive ระยะเวลา 3 ปี / 50,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ทิศทางในการวัดระดับความพึงพอใจของลูกค้าก็ดีขึ้นตลอดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งดัชนีความพอใจในด้านการขายและการบริการหลังการขาย สอดคล้องกับยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเดียวกัน”

 

ปี 2555: วางแผนนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มาพร้อมนวัตกรรมอันล้ำสมัย พร้อมยกระดับด้านการบริการเพื่อความพึงพอใจสูงสุดสำหรับลูกค้า
 

มร. แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ในปี 2555 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้วางแผนที่จะนำเสนอนวัตกรรมทางยานยนต์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้รถยนต์ที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและเทคโนโลยี โดยยังคงไว้ซึ่งความประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม ส่วนการบริการหลังการขายนั้น บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ริเริ่มโครงการร่วมมือด้านการฝึกสอนช่างกับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อสนับสนุนให้นักเรียนช่างจากสถาบันที่เข้าร่วมโครงการ ได้มีโอกาสเข้าฝึกงานกับศูนย์บริการมาตรฐาน เพื่อเรียนรู้เทคโนโลยีในการซ่อมบำรุงใหม่ๆ และเพื่อเป็นการสร้างบุคลกรเพื่อรองรับความต้องการด้านงานบริการหลังการขายที่เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก”

“บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยให้ความใส่ใจต่อการวางแผนการระยะยาวในประเทศไทย รวมทั้งวางแผนการลงทุนเพื่อพัฒนาศักยภาพของธุรกิจในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการประกอบรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศ และเพื่อส่งออก ด้านการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายเพื่อให้สามารถรองรับการบริการลูกค้าในระยะยาวได้ รวมถึงการพัฒนาบุคลากรทั้งในด้านการขาย และการบริการ ให้ได้มาตรฐานทัดเทียมกับบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก นอกจากนี้ เรายังเชื่อมั่นต่อการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม โดยพร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือภารกิจต่างๆ ทั้งในยามวิกฤติและในยามปกติทั่วไป”

 

เช่นเดียวกัน บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชี่ยลเซอร์วิสก็ได้สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดสัญญาเช่าซื้อสำหรับบีเอมดับเบิลยู และมินิ สูงที่สุดนับแต่ตั้งบริษัทมาเช่นเดียวกัน
 

มร. คริสเตียน วิดมานน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิซซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชี่ยลเซอร์วิส ได้สร้างสถิติใหม่ในปี 2554 ด้วยยอดสัญญาเช่าซื้อที่เพิ่มขึ้นถึง 24.5% เป็นการเติบโตที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มต้นบริษัทในปี 2544 ซึ่งความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้จากการที่เรามีผลิตภัณฑ์ที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับลูกค้าได้สูงและมีบริการที่ดี ในขณะเดียวกัน เราถือโอกาสเดียวกันนี้เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 10 ปีของบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชี่ยลเซอร์วิส พร้อมมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง”

กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์เชิงรุก มุ่งมั่นขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยี เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมยานยนต์


 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยเตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดพรีเมี่ยมในเมืองไทย โดยในปีนี้ จะมีการเปิดตัว BMW ซีรี่ย์ 5 พร้อมเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับ BMW TwinPower Turbo ใหม่ โดยเปิดตัว 2 รุ่นใหม่พร้อมกันดังนี้
BMW ซีรี่ย์ 5 พร้อมเครื่องยนต์ BMW TwinPower Turbo ใหม่ ที่มาพร้อมกันทั้ง BMW 520i และ 528i Sport

BMW 520i
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร 184 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตัน-เมตร ที่ 1,250-4,500 รอบ
ประหยัดน้ำมันด้วยอัตราเฉลี่ย 15.6 กม./ลิตรด้วยเครื่องยนต์ BMW TwinPower Turbo ใหม่

 

BMW 528i และ 528i Sport
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร 218 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,250-4,800 รอบ
ปราดเปรียวด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.9 วินาที และประหยัดน้ำมันด้วยอัตราเฉลี่ย 15.4 กิโลเมตรต่อลิตร

BMW ActiveHybrid 5

เปิดตัวเทคโนโลยีแอคทีฟไฮบริดสำหรับบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศไทย  เป็นครั้งแรก พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 3.0 ลิตร ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่สร้างกำลังสูงสุด 340 แรงม้า และแรงบิดโดยรวมสูงสุดที่ 450 นิวตัน-เมตร พร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ Intelligent Energy Management

 

The new BMW 3 Series เผยโฉมซีรี่ย์ 3 ใหม่ ที่มาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งสำหรับทุกรสนิยม ทั้ง Sport Line, Modern Line และ Luxury Line
 

บีเอ็มดับเบิลยู เผยโฉม บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ย์ 3 ใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นที่ 6 ในตระกูลบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีย์ 3 ที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่ โฉบเฉี่ยวด้วยรูปทรงสปอร์ต แต่เพิ่มมิติความยาวและความกว้างมากขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสาร เปี่ยมสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 184 แรงม้า พร้อมกับ BMW TwinPower Turbo ที่มีขนาดและน้ำหนักน้อยลง โดยยังคงประสิทธิภาพไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม 

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ย์ 3 ใหม่ มาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งภายในและภายนอกที่มีให้เลือกถึง 3 คาแรกเตอร์
 

สปอร์ตไลน์ ไตคู่หน้าสีดำพร้อมกรอบข้างสีเงินในภายนอก และเส้นตัดสีแดงบนหนังสีดำในห้องผู้โดยสาร สร้างความรู้สึกสปอร์ตแบบตระกูลรถแข่งที่แฝงความสุขุมไว้ได้อย่างลงตัว ล้ออัลลอยลายพิเศษ เฉพาะสำหรับสปอร์ตไลน์ ให้ความคล่องตัวและคล่องแคล่วในทุกการขับขี่
โมเดิร์นไลน์ วัสดุในโทนสีอลูมิเนียมของโมเดิร์นไลน์ ผนวกกับสีตกแต่งภายในห้องโดยสารในโทนสีน้ำตาลออยสเตอร์อ่อนๆ ช่วยเพิ่มคาแรกเตอร์ที่เปรียบเสมือนประติมากรรมชิ้นเอกที่แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นของห้องโดยสาร ที่เพิ่มมิติในด้านต่างๆ ของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีย์ 3 ใหม่
ลักชัวรี่ไลน์ ภายในของลักชัวรี่ไลน์ ในส่วนของวงแหวนรอบช่องแอร์ และในชิ้นส่วนต่างๆของปุมควบคุมบนแดชบอร์ด ได้รับการตกแต่งด้วยโครมสีเงินวาว รวมไปถึงขอบกระจกด้านข้าง ที่ให้ความรู้สึกหรูหราและคลาสสิค บ่งบอกความเป็นผู้นำของสปอร์ตซีดานได้อย่างไม่เหมือนใคร

 

BMW TwinPower Turbo สุดยอดเครื่องยนต์สมรรถนะสูง
 

BMW 320d มาพร้อมกับ BMW TwinPower Turbo 4 สูบแถวเรียง ความจุ 2.0 ลิตร ที่สามารถผลิตกำลังสูงสุดได้ 184 แรงม้าที่ 4,000 รอบ และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตรที่ 1,750-2,750 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.6 วินาที มีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ 22.2 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เฉลี่ย 118 กรัมต่อกิโลเมตร (ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU)

 

MINI Roadster สปอร์ต 2 ที่นั่งแบบเปิดประทุน เพื่อความเร้าใจในแบบมินิ
 

สมาชิกใหม่ล่าสุดอันดับที่ 6 ของมินิ มาเพื่อกำหนดนิยามของโรดสเตอร์ได้ตามแบบฉบับของมินิ ด้วยโรลบาร์ที่เป็นมันวาวหลังแนวที่นั่ง และระบบสปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟ ที่ทำงานอัตโนมัติเมื่อความเร็วไต่ระดับถึง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะพับเก็บเข้าที่เมื่อความเร็วลดระดับลงที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้มินิโรดสเตอร์ เป็นรถที่มีคาแร็คเตอร์เฉพาะตัวในสไตล์มินิที่ไม่เหมือนใคร

BMW Motorrad

BMW K1600 GT ต่อยอดความสำเร็จเพื่อการขับขี่ทางไกลอย่างสะดวกสบาย พร้อมรางวัล “International Bike of the Year 2011”
 

BMW K 1600 GT ได้รับรางวัล “International Bike of the Year 2011” จากการประกวดโดยนิตยสารมอเตอร์ไซค์ของเบลเยี่ยม ในงานบรัซเซลมอเตอร์โชว์ ด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง  ความจุ 1,649 ซีซี สามารถผลิตกำลังสูงสุด 160 แรงม้าที่ 7,750 รอบ และแรงบิดสูงสุด 175 นิวตัน-เมตรที่ 5,250 รอบส่งกำลังผ่านเกียร์แบบ Helical Synchromesh 6 สปีด ซึ่งทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างมีพลังที่ต่อเนื่องและเรียบเนียน ซึ่งเป็นคาร์แรกเตอร์ที่สำคัญของมอเตอร์ไซค์ประเภททัวร์ริ่งที่เน้นการวิ่งทางไกล  ความเหนือชั้นอีกประการอยู่ที่เทคโนโลยี Lightweight Engineering โดยเครื่องยนต์ 6 สูบของ BMW K 1600 GT นี้มีน้ำหนักเพียง 102.6 กิโลกรัม ซึ่งจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในคลาสเครื่องยนต์ > 1,000 ซีซี และที่สำคัญ นอกจากน้ำหนักเบาแล้ว เครื่องยนต์นี้ยังมีความแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นผลมาจากความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดของวิศวกรของบีเอ็มดับเบิลยู

BMW S 1000 RR รหัสความแรงที่มาพร้อมให้สัมผัสบนสังเวียนทางเรียบ

ด้วยการออกแบบเพื่อความเป็นสปอร์ตและการขับขี่ที่ว่องไว บนคอนเซ็ปต์มอเตอร์ไซค์แบบซุเปอร์ไบค์ BMW S 1000 RR ไม่ทำให้แฟนทางเรียบผิดหวังด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง 1,000 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ และระบบวาล์วพิเศษที่ผลิตจากวัสดุไทเทเนียม บนตัวถังเฟรมอลูมิเนียมน้ำหนักเบา ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับมอเตอร์ไซค์แข่ง นอกจากนั้น BMW S 1000 RR ยังได้รับการติดตั้งระบบเสริมความปลอดภัยต่างๆ เช่น Race ABS และระบบรักษาเสถียรภาพ DTC Dynamic Traction Control ที่สามารถปรับเลือกโหมดการขับให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานได้ เช่น โหมด Rain สำหรับถนนเปียก โหมด Sport สำหรับการขับขี่แบบสปอร์ต โหมด Race สำหรับการแข่งขัน และ โหมด Slick สำหรับใช้ในสนามแข่งและใส่ยางแบบสลิ๊ค  
 

BMW S 1000 RR สามารถผลิตกำลังสูงสุดถึง 193 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุด 112 นิวตัน-เมตรที่ 9,750 รอบและมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรภายใน 2.9 วินาที

 

ลูกค้าสบายใจได้เสมอกับโปรแกรมบำรุงรักษาและซ่อมแซม BSI BMW Services Inclusive และ MSI MINI Services Inclusive และโปรแกรม BMW Premium Selection และ MINI Next สำหรับรถมือสอง
 

หัวใจสำคัญในการสร้างความพึงพอใจสูงสุด คือ ความสบายใจของลูกค้า ดั้งนั้นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูจะมาพร้อมกับโปรแกรมบริการหลังการขาย BSI BMW Services Inclusive ซึ่งเป็นการรับดูแล บำรุงรักษาและซ่อมแซมตลอดระยะเวลา 5 ปี/ 100,000 กิโลเมตร ในขณะที่รถยนต์มินิจะมาพร้อมกับ MSI MINI Services Inclusive ซึ่งเป็นการรับดูแล บำรุงรักษาและซ่อมแซมตลอดระยะเวลา 3 ปี/ 50,000 กิโลเมตร โปรแกรมบำรุงรักษาและซ่อมแซมทั้งสองนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างความสบายใจแล้ว ยังเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของ (Low Cost of Ownership) อีกด้วย
 

นอกจากนั้น บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยยังมุ่งหน้าทำตลาดรถยนต์มือสองอย่างต่อเนื่อง ผ่านโปรแกรม BMW Premium Selection สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และ MINI Next สำหรับรถยนต์มินิ ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มความสบายใจให้กับผู้ซื้อรถยนต์มือสอง โดยมีการรับประกัน 2 ปี/ 40,000 กิโลเมตรแล้ว ยังเป็นการสร้างความต้องการต่อเนื่องสำหรับรถยนต์ทั้งสองแบรนด์ เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าราคารถมือสองในตลาดอีกด้วย

GALLERY

{phocagallery view=category|categoryid=440|limitstart=0|limitcount=0}


ตารางราคารถยนต์ล่าสุด

AUDI | Aston Martin | BMW | Chevrolet | CITROEN |  DFSKFerrari | Honda (ฮอนด้า) |