บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ปลื้มมอเตอร์โชว์
บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ปลื้มมอเตอร์โชว์
ความสำเร็จสองชั้น ยอดจอง 646 คัน เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจากปีก่อนหน้า พร้อมทั้งกวาด 6 รางวัลรถดีเด่นแห่งปี
กรุงเทพฯ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ปลื้มกับความสำเร็จสองชั้นในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 31 ที่เพิ่งจบลง ด้วยยอดจองรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูสูงถึง 646 คัน เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจากปีก่อนหน้า อีกทั้งยังได้รับรางวัลรถดีเด่นแห่งปีถึง 6 รางวัล และยังปิดท้ายงานด้วยรางวัลดีไซน์ยอดเยี่ยมสำหรับบูธบีเอ็มดับเบิลยูในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้
มร. คาร์ล รูดิเกอร์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายขายและการตลาด บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกดีใจที่ความมุ่งมั่นและอุตสาหะในการนำเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมมานำเสนอให้กับผู้บริโภคในเมืองไทย ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ซึ่งยอดจองสูงถึง 646 คันในช่วงเวลา 12 วันสำหรับงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 31 ที่เพิ่งจบลง เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางและบรรทัดฐานในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมที่เปลี่ยนแปลงไป ในวันนี้ ผู้บริโภคให้ความใส่ใจและสนใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีและคุ้มค่า โดยเฉพาะในเรื่องของความประหยัดน้ำมันและค่าบำรุงรักษา ซึ่งรถยนต์ BMW ได้ตอบโจทย์อย่างตรงเป้า ด้วยเทคโนโลยี EfficientDynamics ซึ่งเหนือชั้นทั้งในด้านสมรรถนะ ความประหยัดน้ำมัน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และโปรแกรม BSI BMW Services Inclusive ซึ่งเป็นโปรแกรมดูแลรักษาและซ่อมแซมตลอดระยะเวลา 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร นอกจากนั้น เรายังได้พยายามแตกไลน์และเพิ่มรุ่น พร้อมทั้งการตกแต่งภายในด้วยวัสดุชั้นเยี่ยมและสีที่แตกต่างกัน เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละท่าน ซึ่งส่วนนี้ ผู้บริโภคก็ได้เห็นคุณค่าความพยายามของเราเป็นอย่างดี อีกส่วนที่เป็นแรงขับเคลื่อนของความสำเร็จในปีนี้ คือ การเสริมไลน์เครื่องยนต์เบนซินที่สามารถใช้น้ำมันก๊าซโซฮอล์ E20 ได้ ในเกือบทุกคลาส ทั้ง BMW 318i, BMW 320i SE, BMW 325i Sport, BMW 730Li, BMW Z4 sDrive23i, และ BMW ซีรี่ย์ 3 รุ่นคูเป้และรุ่นเปิดประทุน
ซึ่งเป็นการเสริมทัพเพิ่มเติมจากรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลที่ได้รับความนิยมอย่างดีเยี่ยมจากตลาดในขณะนี้ สัดส่วนของยอดจองสำหรับรุ่นเครื่องยนต์เบนซินที่สามารถใช้น้ำมันก๊าซโซฮอล์ E20 ได้มีถึงเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นที่น่าพอใจ และอีกส่วนที่เป็นการตอกย้ำความเหนือชั้นของผลิตภัณฑ์จากบีเอ็มดับเบิลยู คือ การได้รับรางวัลรถดีเด่นแห่งปีถึง 6 รางวัล จากรุ่น BMW 320d SE, BMW 520d Sport, BMW 740Li, BMW 320d Coupe, BMW Z4 sDrive23i และ BMW X5 xDrive30d ผลจากงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ ทั้งในแง่ของยอดจองและรางวัลที่ได้รับ นอกจากจะเป็นการแสดงทิศทางที่ชัดเจนสำหรับอีกก้าวหนึ่งสู่ความเป็นผู้นำในตลาดพรีเมี่ยมแล้ว ยังเป็นกำลังใจให้กับเรา ที่จะมุ่งมั่นเดินหน้าในการนำเสนอเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้บริโภคในเมืองไทย”
เทคโนโลยี EfficientDynamics ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค
เหนือชั้นทั้งด้านสมรรถนะ ความประหยัดน้ำมัน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“ในวันนี้ ผู้บริโภคชาวไทย รวมทั้งผู้บริโภครถยนต์ระดับพรีเมี่ยม ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของความคุ้มค่าประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ในเวลาเดียวกัน ก็ตระหนักถึงกระแสการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งการที่ปัจจัยทั้งสองได้กลายมาเป็นบรรทัดฐานสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ ทำให้ BMW ซึ่งเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี EfficientDynamics ที่เหนือชั้นทั้งด้านสมรรถนะ ความประหยัดน้ำมัน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้เปรียบคู่แข่งรายอื่นในตลาด” มร. คาร์ล รูดิเกอร์ ให้ความคิดเห็น
เทคโนโลยี EfficientDynamics ประกอบด้วยส่วนต่างๆ รวมถึง ระบบเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง ทั้งในระบบเครื่องยนต์ดีเซลและเครื่องยนต์เบนซิน, ระบบโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา, ระบบบริหารพลังงานอัจฉริยะ (เช่น ระบบปั๊มน้ำและปั๊มน้ำมันเครื่องแบบ On-demand ที่มีประสิทธิภาพสูงและช่วยให้ประหยัดพลังงาน), ระบบแอร์โร่ไดนามิกส์ และระบบ Brake Energy Re-generation ที่นำพลังงานส่วนเกินที่เหลือจากการเบรกมาปั่นไฟฟ้าเก็บไว้ในแบตเตอรี่ ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ดังกล่าว รถยนต์ BMW จึงมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุดในคลาส ยกตัวอย่างเช่น รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล – BMW 320d (16.7 กม./ลิตร), BMW 520d (16.4 กม./ลิตร), BMW 730Ld (14.5 กม./ลิตร) และสำหรับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน BMW 318i (12.8 กม./ลิตร), BMW 525i (10.8 กม./ลิตร), BMW 730Li (10.3 กม./ลิตร) ตามมาตรฐาน EU ในการวัดค่าเฉลี่ยอัตราการประหยัดน้ำมัน
ที่สำคัญที่สุด อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมเหล่านี้ มาพร้อมกับการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ที่ลดลงตามสัดส่วน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้น เพื่อการขับขี่ที่ปราดเปรียว คล่องตัว ในสไตล์ของบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าว เป็นการตอบโจทย์ลูกค้าอย่างตรงประเด็นที่สุด กล่าวคือ ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกันยังมีสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น สะดวกสบาย และปลอดภัย สมกับเป็นรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม
****
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์ BMW, MINI และ Rolls-Royce และรถมอเตอร์ไซค์ BMW เรามีเครือข่ายการผลิต 24 แห่งใน 13 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีเครือข่ายจำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ในปีค.ศ. 2009 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปมียอดขายรถยนต์ 1.29 ล้านคันและรถมอเตอร์ไซค์ 87,000 คัน มีรายได้ 50.68 ล้านยูโร และมีพนักงาน 96,000 คนทั่วโลก
ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนั้นเรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยการคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิต และจากความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างไม่ลดละ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปจึงได้รับการจัดอันดับให้เป็น The World’s Most Sustainable Car Manufacturer โดยสถาบัน Dow Jones ใน 5 ปีที่ผ่านมา