บ๊อชโต 26% เน้นนวัตกรรมผลักดันการลงทุน
บ๊อช ประกาศแผนรุกตลาดปี 54 หลังประเมินไตรมาสแรกโตตามเป้า เดินหน้าชูจุดแข็งเรื่องนวัตกรรม เพิ่มการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต ตั้งเป้าเติบโตไว้ไม่ต่ำกว่า 2 หลัก หรือสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของตลาดทั่วไป หลังประสบความสำเร็จสูงสุดในปี 53 ที่ทำยอดโตได้ถึงกว่า 26 % มูลค่ารวมกว่า 6,800 ล้านบาท สูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มร.มาร์ติน เฮย์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ โรเบิร์ต บ๊อช (ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) เปิดเผยว่า บ๊อช กรุ๊ป ได้ประกาศยอดขายปี 2553 ซึ่งมีรายได้รวมสูงถึง 1.9 ล้าน ล้าน บาท (47.3 พันล้านยูโร) ด้วยอัตราการเติบโตเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาถึง 24% ซึ่งถือเป็นปีที่บ๊อชประสบความสำเร็จสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ในรอบ 125 ปีของบ๊อช สำหรับปี 2554 บริษัทยังคงตั้งเป้าการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่อัตราการเติบโตในไตรมาสแรกเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ด้วยอัตรายอดขายเติบโต 15% แบบปีต่อปี
ในส่วนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บ๊อชมียอดขายเพิ่มขึ้นอยู่มากถึง 43% โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 440 พันล้านบาท (11 พันล้านยูโร) นับว่าเป็นครั้งแรกที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมียอดขายเป็นอัตราส่วนสูงถึง 23% จากยอดขายทั้งหมดของบ๊อชกรุ๊ป ทำให้ภูมิภาคเอเซียแปซิฟิคเป็นภูมิภาคที่มียอดขายสูงเป็นอันดับสอง รองจากยุโรป โดยบ๊อชตั้งเป้าที่จะผลักดันให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค เติบโตและมีสัดส่วนยอดขายเป็น 30% ของบ๊อชกรุ๊ป ในปี 2558 ด้วย
สำหรับ บ๊อช ประเทศไทย ในปี 2553 ที่ผ่านมา มียอดขายอยู่ที่ 6,800 ล้านบาท (170 ล้านยูโร) มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 26% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552 นับว่าเป็นปีที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดนับจากการตั้งสำนักงานสาขาในประเทศไทย เมื่อปีพ.ศ. 2534
“บ๊อช ประเทศไทย ทำยอดขายได้สูงที่สุดสำหรับบ๊อชในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมียอดขายถึง 33% จากรายได้รวมทั้งหมดกว่า 20,000 ล้านบาท (486 ล้านยูโร) ของ บ๊อชในภูมิภาคนี้” ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีการเติบโตที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพสำหรับธุรกิจอื่น ๆ ของบ๊อช อาทิ ธุรกิจด้านพลังงานแสงอาทิตย์และ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีความร้อน” มร.มาร์ติน เฮย์ กล่าว
ภาพรวมธุรกิจในปี 2553
ภาพรวมของธุรกิจในปี 2553 ที่ผ่านมา ทุกธุรกิจของบ๊อชสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งตามเป้าที่ตั้งไว้ โดยในส่วนของธุรกิจเทคโนโลยียานยนต์ มียอดเติบโตสูงถึงกว่า 66 เปอร์เซ็นต์ในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เนื่องมาจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกและในประเทศไทยเองด้วย นอกจากนี้ การตัดสินใจเพิ่มประสิทธิภาพทางการแข่งขันและการขยายไลน์การผลิตในส่วนของชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อตอบสนองความต้องการจากผู้ผลิตรถยนต์จากค่ายต่างๆ ในประเทศไทย ก็มีส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตนี้ โดยปัจจุบัน บ๊อช ประเทศไทย ทำการผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ต่าง ๆ ได้แก่ อุปกรณ์เบรค, ระบบเบรค ABS, ระบบดีเซลคอมมอนเรล และหัวฉีด รวมถึงระบบปัดน้ำฝน เพื่อป้อนให้กับผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่าง ๆ และยังจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์สำหรับตลาดอะไหล่ทดแทนด้วย
ในส่วนของธุรกิจสินค้าอุปโภคและเทคโนโลยีก่อสร้าง ซึ่งได้แก่เครื่องมือไฟฟ้าและระบบรักษาความปลอดภัย ปี 2553 ก็ประสบความสำเร็จโดยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปัจจัยหลักของการเติบโตคือการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ และมีการเปิดตัวเครื่องมือไฟฟ้ารุ่นใหม่มากกว่า 20 รุ่นในปีที่ผ่านมา รวมไปถึงการจัดกิจกรรมสร้างแบรนด์ และโปรโมชั่นราคาพิเศษของ เครื่องมือไฟฟ้า สกิล ซึ่งเป็นอีกแบรนด์หนึ่งของบ๊อช
ส่วนระบบรักษาความปลอดภัย ยังมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการเติบโตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการใหญ่ๆของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ อาทิ มหาวิทยาลัยสุรนารี ที่ได้ติดตั้งระบบเสียง ProSound Electrovoice และมหาวิทยาลัยสถาบันราชภัฎสวนดุสิตที่ได้ไว้วางใจติดตั้ง ระบบ CCTV บ๊อช และระบบเสียง ProSound ของ Electrovoice และ Telex เป็นต้น
แนวโน้มธุรกิจและกลยุทธ์ในปี 2554
ทางด้าน มร. ย๊อคเฮ่น ไรค์ กรรมการผู้จัดการ โรเบิร์ต บ๊อช เปิดเผยว่า ประเทศไทย เป็นตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของบ๊อชในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บ๊อชจึงได้ทำการลงทุนเพิ่มอีกกว่า 6 ล้านบาท ในการพัฒนาศูนย์ฝึกอบรมของบ๊อช ให้ทันสมัยและมีเครื่องมือพร้อมสำหรับการฝึกอบรมเพื่อให้เป็น ศูนย์ฝึกอบรมแบบเบ็ดเสร็จ (one stop training center) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและพัฒนาทักษะของช่างมืออาชีพให้มีความรู้ความสามารถทางด้านเทคโนโลยียานยนต์ล่าสุดด้วย
นอกจากนี้ศูนย์ฝึกอบรมบ๊อช ยังสนับสนุนการให้บริการหลังการขายสำหรับเครือข่าย Bosch Car Service และตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย โดยทางศูนย์มีอุปกรณ์และเครื่องมือพร้อมสำหรับการวิเคราะห์เครื่องยนต์ทั้งดีเซลและเบนซิน โดยหลักสูตรการฝึกอบรมจะครอบคลุมเทคโนโลยีสินค้าล่าสุด และทักษะฝีมืองานซ่อมที่ซับซ้อนให้กับลูกค้า และนี่คือกลยุทธ์ในการรักษาอัตราการเติบโตในของธุรกิจอะไหล่รถยนต์บ๊อช ที่เน้นการส่งเสริมเครือข่ายศูนย์บริการบ๊อช และตอกย้ำความเป็นผู้นำแบบครบวงจร ตามคอนเซ็ปต์ “Parts and Byte” หรือโซลูชั่นแบบเบ็ดเสร็จทั้งอะไหล่ เครื่องมือ และซอฟท์แวร์
สำหรับธุรกิจเครื่องมือไฟฟ้า จะเน้นด้าน “นวัตกรรมสินค้าใหม่” เพื่อขยายอัตราการเติบโต สืบเนื่องจากความสำเร็จของการเปิดธุรกิจใหม่ทางด้าน ระบบเครื่องมือวัด ‘measuring tools’ ในปี 2552 ในปีนี้บ๊อชจะเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ หมวดสินค้าเครื่องมือสวน ‘Lawn’ และ ‘Garden’ ซึ่งจะมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมดกว่า 20 รุ่นทะยอยเปิดตัวในปี 2554 นี้ โดยสินค้าเด่นจะเป็น “เครื่องเล็มหญ้าไร้สาย” ซึ่งเป็นการผนวกเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธี่ยมอิออนเข้ากับเครื่องมือสวน ทำให้เพิ่มความสะดวกสบายและคล่องแคล่วในการใช้งาน
ส่วนธุรกิจของผลิตภัณฑ์ระบบรักษาความปลอดภัย คาดว่าจะมีการขยายตัว และเติบโตมากขึ้นในปีนี้เช่นกัน โดยจะเน้นกลยุทธ์การทำตลาด และเจาะกลุ่มโครงการใหญ่ๆ ในทุกอุตสาหกรรม อาทิ โครงการระดับใหญ่ที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุด ได้แก่ โครงการ Energy Complex รวมถึง จุฬาสปอร์ตคอมเพล็กซ์ เป็นต้น และบ๊อชยังมีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในราคาระดับกลาง เพื่อขยายตลาดส่วนนี้เพิ่มเติมด้วย
“การที่บ๊อช สามารถรักษาอัตราการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในประเทศไทยไว้ได้ เพราะบ๊อชมีกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการของตลาด พร้อมมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดแข็งทางด้านนวัตกรรม และความร่วมมือทางธุรกิจใหม่ ๆ ล้วนช่วยส่งเสริมอัตราการเติบโตให้กับบริษัทด้วย ” มร. ย๊อคเฮ่น ไรค์ กล่าวเพิ่มเติม