ปตท. พิสูจน์ประสิทธิภาพ พีทีที บลูอินโนเวชั่น อี 20
สร้างความมั่นใจผู้บริโภค
เลือกใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 ของ ปตท. มั่นใจได้ทั้งเรื่องอัตราสิ้นเปลือง สมรรถนะการตอบสนองเครื่องยนต์ ประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งยังช่วยประเทศลดการนำเข้าน้ำมัน และเพิ่มรายได้เกษตรกร ปตท. เตรียมขยายเครือข่ายสถานีบริการครบ 600 แห่ง ปีนี้
นายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท. เร่งสร้างความเข้าใจ พร้อมจัดกิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมให้เกิดการใช้แก๊สโซฮอล์ อี 20 ให้มากยิ่งขึ้น และยังจะเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้รถ ด้วยการเพิ่มสถานีบริการน้ำมันที่จำหน่าย อี 20 จากปัจจุบันที่มีอยู่ทั้งสิ้น 394 แห่ง เป็น 600 แห่งภายในปี 2555 จากจำนวนสถานีบริการน้ำมัน ปตท.ทั้งหมดกว่า 1,300 แห่งทั่วประเทศ สืบเนื่องจากที่ภาครัฐ มีนโยบายสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือก และพลังงานที่ผลิตขึ้นเองในประเทศ ด้วยการส่งเสริมเชื้อเพลิงหลายๆ ตัว รวมถึง แก๊สโซฮอล์ อี 20 โดยได้ออกมาตรการจูงใจผู้ผลิตรถยนต์ และผู้ซื้อรถด้วยการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิต อัตราพิเศษ 25% ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2551 ที่ผ่านมา นอกจากนั้น ปัจจุบันยังพบว่าปริมาณความต้องการยังน้อยมาก และบ่งบอกได้ว่าผู้ที่ใช้รถอี 20 ยังคงเลือกใช้เชื้อเพลิงอื่นแทนอีกด้วย
ล่าสุดในวันที่ 26 มิถุนายน 2555 ปตท. จึงได้จัดกิจกรรมทดสอบประสิทธิภาพ E20 ร่วมกับสื่อมวลชนสายยานยนต์ โดยนำรถยนต์หลากหลายกลุ่ม ประกอบด้วย เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส, บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์1, วอลโว่ เอส 60, โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด, ฮอนด้า ซีวิค, มาสด้า 3, นิสสัน อัลเมร่า และมิตซูบิชิ มิราจ รุ่นละ 2 คัน โดยเติมเชื้อเพลิงต่างกัน คันหนึ่งเติมแก๊สโซฮอล์ 95 และอีกคันเติม อี 20 ทดสอบขับขี่ทั้งในถนนเส้นทางหลวง กรุงเทพฯ-หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และทดสอบในสนามแข่งรถ ที่ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยไม่แจ้งว่ารถยนต์คันใดเติมเชื้อเพลิงชนิดใด เพื่อสอบถามความรู้สึกของผู้ขับขี่ในเรื่องอัตราเร่งว่าแตกต่างกันหรือไม่ นอกจากนั้นก็ยังประเมินผลด้วยการวัดอัตราสิ้นเปลืองตลอดการทดสอบว่าแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด ซึ่งเชื่อว่ากิจกรรมนี้จะเป็นการตอบคำถามผู้บริโภคที่ยังมีความสงสัยได้เป็นอย่างดี
จากผลการทดสอบพบว่าสื่อมวลชนส่วนใหญ่ ไม่สามารถระบุได้ว่ารถคันไหนเติมน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดใด แสดงให้เห็นว่าอัตราการแร่งแซงระหว่างน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ อี 20 นั้นแทบจะไม่มีความแตกต่างกัน แต่หากประเมินในแง่ของความคุ้มค่าเมื่อเทียบลิตรต่อลิตรแล้ว น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 จะประหยัดเงินค่าน้ำมันแก่ผู้บริโภคได้มากกว่า ทั้งยังช่วยลดมลภาวะ ลดภาระการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ ช่วยเหลือเกษตรกรไทยได้อีกด้วย
นายสรัญกล่าวเพิ่มเติมว่า ” จริงๆ แล้วต้องบอกว่า พีทีที บลูอินโนเวชั่น อี 20 สูตรเฉพาะของ ปตท. ไม่ได้ด้อยไปกว่าเชื้อเพลิงตัวอื่นในเรื่องของกำลังเครื่องยนต์ เพราะมีค่าออกเทนสูงกว่า เพราะน้ำมันพื้นฐานที่ ปตท.ใช้คือเบนซิน 91 ดังนั้นเมื่อนำมาผสมกับเอทานอลที่มีออกเทนสูงกว่าเบนซินมาก ทำให้แก๊สโซฮอล์อี 20 มีค่าออกเทนในระดับ 98-99 ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลือง อี20 จะสิ้นเปลืองเชิงปริมาณมากกว่าบ้าง เมื่อต้องขับขี่
ในระยะทางที่เท่ากัน แต่ไม่มากนักจนเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนได้ โดยที่ผ่านมาสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. ได้ทำการทดสอบ พบว่า อี20 สิ้นเปลืองกว่า แก๊สโซฮอล์ 95 ในระดับ 2.53% เท่านั้น ดังนั้นหากคำนวณกับราคาอี 20 ซึ่งถูกกว่า 3.65 บาท (ราคาอ้างอิง 25 มิ.ย.2555) จะพบว่าแม้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าเพียงเล็กน้อย แต่ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า 10.3% ดังนั้นจึงเป็นสิ่งคุ้มค่าที่ผู้บริโภคจะหันมาใช้อี 20 ของ ปตท. แทน”
นอกจากนั้น หากพิจารณาถึงคุณสมบัติ ของ พีทีที บลูอินโนเวชั่น อี20 ของ ปตท. ซึ่งเติมสารเพิ่มประสิทธิภาพ(Additives) มาตรฐานโลก 2 ตัว คือ Friction Modifier และ Inno Protection ก็จะยิ่งทำให้เครื่องยนต์เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และที่สำคัญยังช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ และยังทำให้ประหยัดยิ่งขึ้นอีกด้วย
พีทีที บลูอินโนเวชั่น อี20 “ความแรงที่แซงทุกความเชื่อ” หนึ่งในน้ำมันคุณภาพเกรดพรีเมี่ยมที่ ปตท. กล้ารับประกัน พร้อมให้คุณพิสูจน์ประสิทธิภาพได้แล้ว ณ สถานีบริการน้ำมันของ ปตท.ทั่วประเทศ
GALLERY
{phocagallery view=category|categoryid=566|limitstart=0|limitcount=0}