มั่นใจในสมรรถนะ….มั่นใจทุกการเดินทางด้วย มิตซูบิชิ ไทรทัน
“อดิเทพ คิวรักษาวงศ์” อดีตแชมป์ทางฝุ่นเมืองไทย กับการพลิกบทบาทมาเป็นเจ้าของธุรกิจ ออกแบบก่อสร้างบ้าน และการเป็นผู้จัดคาราวานท่องเที่ยวข้ามประเทศ … 2 เส้นทางอาชีพแห่งความต่าง ซึ่งถูกทำให้บรรจบกันด้วย Mitsubishi Triton ยนตรกรรมที่ถูกยอมรับโดยผู้ชายคนนี้ในความเป็นหนึ่ง ด้านสมรรถนะ และความทนทาน
ที่มาแห่งความมั่นใจ
จุดเริ่มแห่งความหลงใหลในแบรนด์ “มิตซูบิชิ” นั้นเกิดขึ้นจากความชื่นชอบในกีฬามอเตอร์สปอร์ต จนกระทั่งเมื่อมีโอกาสได้ขับรถก็เลยเลือกรถ “มิตซูบิชิ” เป็นคันแรกในการลงสนามแข่งขัน และ “มิตซูบิชิ” ก็ยังเป็นรถแบรนด์แรกที่พาผมก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยได้อีกด้วยเช่นกัน เรียกง่ายๆว่าผมมีโอกาสเกิดในวงการการแข่งขันทางฝุ่นก็เพราะแบรนด์ “มิตซูบิชิ”
ผมเคยได้แชมป์ในรายการ ไทยแลนด์ ครอสคันทรี่แรลลี่ รวมถึงได้เข้าร่วมแข่งขันรายการใหญ่อย่าง “เอเซีย ครอสคันทรี แรลลี่” และสามารถคว้าแชมป์ประเภททีมมาครองได้สำเร็จ โดยสิ่งหนึ่งที่ผมเห็นอย่างชัดเจนจากการแข่งขันในรายการนี้ ก็คือ “มิตซูบิชิ” เป็นแบรนด์หนึ่งที่ได้รับความนิยมในการแข่งขัน ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่ารถ “มิตซูบิชิ” นั้นมีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และมากพอสำหรับการทำกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ต การันตีด้วยรางวัลใหญ่ๆ ที่ผมได้รับกว่า 10 รางวัล ตลอดจนรางวัลย่อยๆ อีกหลายรางวัล จากหลายรายการแข่งขัน
อะไรคือ “เหตุผล” ในการเลือกซื้อรถ และ “ทำไม” ต้องเป็นมิตซูบิชิ ไทรทัน
ผมใช้ “มิตซูบิชิ” มาโดยตลอด ถ้าเป็นปิคอัพก็เริ่มตั้งแต่ตระกูล L200 ซึ่งผมใช้มาตั้งแต่รุ่นแรกที่นำเข้ามาขายในประเทศไทย คือ L200 รุ่นที่บ้านเราเรียกว่า “เฉินหลง” เป็นเครื่องดีเซลรุ่นแรกของมิตซูบิชิ เครื่องยนต์ 2,300 ซีซี ต่อมาก็เปลี่ยนเป็น “มิตซูบิชิ ไซโคลน” จนมาเป็น “มิตซูบิชิ สตราดา” และล่าสุดผมก็เลือกใช้ “มิตซูบิชิ ไทรทัน” เพราะปัจจุบันผมทำธุรกิจเกี่ยวกับการออกแบบ และการก่อสร้าง ประกอบกับการเป็นผู้จัดคาราวานท่องเที่ยวในต่างประเทศด้วย ฉะนั้นการเลือกซื้อรถสักคันผมจึงต้องมองที่สมรรถนะเป็นหลัก ตามมาด้วยความสวยงาม ความปลอดภัย และตอบโจทย์งานที่ทำทั้ง 2 อย่างได้ดี และผมมองว่ารถปิคอัพบ้านเรา เรียกได้ว่าเป็นรถสารพัดประโยชน์ คือ ซื้อแล้วคุ้มค่าเงินที่สุด เพราะทำกิจการ ประกอบธุรกิจก็ได้ท่องเที่ยวก็ดี ทั้งยังมีความประหยัดในด้านการดูแลรักษาและน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมิตซูบิชิ ไทรทันตอบโจทย์เหล่านั้นของผมได้
นอกจากนี้ผมก็มองว่า มิตซูบิชิ ไทรทัน เป็นรถที่มีทัศนวิสัยที่ดีกว่ารถยี่ห้ออื่น โดยเฉพาะเสา A เพราะจากประสบการณ์ในการใช้รถ ผมรู้สึกว่ามีการออกแบบมาไม่ให้บดบังสายตาอีกด้วย เรียกว่า “มิตซูบิชิ ไทรทัน” มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ และตรงใจมากที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องของสมรรถนะ ความสามารถในการยึดเกาะถนนที่มีสูง รวมทั้งมีความทนทานต่อการใช้งาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ได้ดี
ส่วนเรื่องการประหยัดน้ำมัน ผมเชื่อว่ารถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เป็นเครื่องยนต์ ดีเซล คอมมอนเรล นั้นจะมีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแทบไม่ต่างกัน ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดที่กำหนดเรื่องการประหยัดน้ำมันนั้นขึ้นอยู่กับว่าคนขับ จะขับอย่างไรมากกว่า ในขณะที่เครื่องยนต์ของแต่ละยี่ห้อก็มีประสิทธิภาพ และมีพละกำลังที่ต่างกัน ซึ่งผมเองก็ยังเชื่อว่ามิตซูบิชิ ให้สมรรถนะที่ดีกว่า ให้ความคงทนที่มากกว่ายี่ห้ออื่น เช่น เรื่องของการดีไซน์ วัสดุในการผลิต ที่ส่งผลให้อายุการใช้งานของมิตซูบิชิจะเหนือกว่า และด้วยองค์ประกอบที่กล่าวมาทั้งหมด คือ สิ่งสำคัญที่ทำให้ผมเลือกซื้อ มิตซูบิชิ ไทรทัน มาครอบครอง ซึ่งปัจจุบันผมใช้รถ มิตซูบิชิ ไทรทัน ปี 2007 เครื่องยนต์ 3.2 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ และรถคันนี้เป็นคันที่ 10 ของแบรนด์ “มิตซูบิชิ” ที่ใช้มา และผมบอกได้เลยว่า ไทรทัน เป็นรถที่ “ใช้ประโยชน์ได้ดีที่สุด”
ใช้ “มิตซูบิชิ ไทรทัน” ทำกิจกรรมอะไรบ้าง
นอกเหนือจากงานธุรกิจแล้ว ผมจะมีกิจกรรมอีกอย่างหนึ่งก็คือ “กิจกรรมคาราวานท่องเที่ยวข้ามประเทศ” ซึ่งผมมั่นใจและก็ใช้ มิตซูบิชิ ไทรทัน เป็นพาหนะหลักในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจเส้นทางใหม่ หรือเป็นรถนำขบวน ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือขึ้นไปถึงมองโกเลีย รัสเซีย ส่วนทางด้านตะวันตกก็วิ่งถึง ปากีสถาน อินเดีย ภูฏาน ซึ่งไปมาหมดแล้วด้วย “มิตซูบิชิ ไทรทัน”
และสิ่งหนึ่งที่ได้รับรู้จากประสบการณ์ในการเดินทางด้วยรถ “มิตซูบิช ไทรทัน” ก็คือ “สมรรถนะที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง” โดยเฉพาะ “กล่องคอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 32 บิท” ที่มิตซูบิชิออกแบบมาเป็นอย่างดี จึงทำให้เครื่องยนต์สามารถควบคุมการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้ทุกสภาวะการใช้งาน
ผมเคยขับมิตซูบิชิ ไทรทัน ท่ามกลางอากาศร้อนราว 35 องศา มุ่งหน้าไปถึงตอนเหนือของมองโกเลีย ตะลุยหิมะ และต้องเจอกับอุณหภูมิติดลบ 30 องศา ซึ่งไม่มีใครคิดว่าเครื่องยนต์ของไทรทันจะสตาร์ทติดที่อุณหภูมิติดลบขนาดนี้ แต่ไทรทัน สามารถทำได้โดยไม่ต้องพึ่งตัวช่วย อีกครั้งหนึ่งผมกำลังอยู่บนเส้นทางสายไหมสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,500 เมตร อุณหภูมิสูงถึง 50 องศา แต่เครื่องยนต์ของไทรทันก็สามารถทนความร้อนได้ดีในช่วงที่เราวิ่งผ่านทะเลทรายโกบี
ล่าสุดเราอยู่บนเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่ทิเบตด้วยความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 6,000 เมตร และอ๊อกซิเจนเบาบางมาก แต่มิตซูบิชิ ไทรทัน ก็ยังสามารถสตาร์ทติด และใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา พาขบวนของเราเดินทางไป-กลับได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นในสมรรถนะของ “มิตซูบิชิ ไทรทัน” อย่างแท้จริงเลยทีเดียว
“มิตซูบิชิ ไทรทัน” มีส่วนเรื่องความสำเร็จในชีวิตอย่างไร
ผมเป็นคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวด้วยรถยนต์ เพื่อชมสิ่งมหัศจรรย์ในที่ต่างๆ ความฝันของผม คือ ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องเดินทางไปเหยียบหลังคาโลกอย่างธิเบต และผมเลือก “มิตซูบิชิ ไทรทัน” มาเป็นพาหนะในการทำความฝัน กับการเดินทางไปเหยียบหลังคาโลกได้สำเร็จมาแล้ว รวมถึงการเดินทางไปยังสถานที่สำคัญอื่นๆ เช่น เส้นทางสายไหม, กำแพงเมืองจีน หรือ สิ่ง
มหัศจรรย์อื่นๆ ในโซนเอเชีย ซึ่ง “มิตซูบิชิ ไทรทัน” สามารถพาผมไปได้มาหมดแล้ว และนี่คือสิ่งที่ผมประทับใจในสมรรถนะ และผมก็ยังเชื่อว่า “มิตซูบิชิ ไทรทัน” ยังเป็นปิคอัพที่มีสมรรถนะสูงที่สุดในตลาดที่ทำให้เป้าหมายของผมเป็นจริง
ฝากถึงคนที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อรถปิคอัพซักคัน
ผมคิดว่าในการซื้อรถ ควรจะขึ้นอยู่กับผู้ซื้อ ว่าจะไปใช้ประโยชน์อะไร ดูความต้องการในการใช้รถเป็นหลัก แยกตามวัตถุประสงค์ในการใช้ ผมยังคงเชื่อมั่นในแบรนด์ “มิตซูบิชิ” และเพื่อนๆ ของผมเองก็ชื่นชอบในสมรรถนะเช่นกัน สำหรับ“มิตซูบิชิ ไทรทัน” ผมยังใช้ในการท่องเที่ยว และใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะเชื่อในสมรรถนะ และความทนทานที่ผมยกให้เป็นอันดับหนึ่งในใจ
{gallery}iamcar_mitsubishi_triton{/gallery}