เติมลมยาง มากหรือน้อยดี..เมื่อขับขี่ยามฝนตก

tyre_pressure_iamcar_01

ฝนตกรถติดเป็นของคู่กัน ฝนตกถนนลื่นก็เป็นของคู่กัน ฉะนั้นเมื่อฝนตกถนนลื่น เราจึงควรขับขับขี่ด้วยความระมัดระวังมากขึ้น รวมถึงสภาพรถยนต์ต้องหมั่นตรวจเช็คเป็นสำคัญ โดยเฉพาะ “ ยางรถยนต์ ” เพราะเป็นส่วนที่สัมผัสกับพื้นผิวถนน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญในเรื่องการยึดเกาะถนนเลยทีเดียว

tyre_pressure_wet

น้ำจะถูกรีดผ่านออกไปตามร่องดอกยาง

มีหลายคนที่เชื่อต่อๆ กันมา ว่า “ เติมลมยาง ให้น้อยกว่าปกติในช่วงหน้าฝน ” ความเชื่อนี้จะถูกจะผิดอย่างไรเราไปดูกัน

  1. ถ้าขับขี่บนพื้นถนนแห้ง การ ลด แรงดันลมยางลง(กว่าค่าปกติ) จะทำให้การยึดเกาะเพิ่มขึ้น เนื่องจากหน้าสัมผัสของยางกับพื้นถนนจะมีมากกว่าเดิม จึงทำให้เกาะขึ้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการกินน้ำมันที่มากขึ้น รวมถึงพวงมาลัยอาจหนักขึ้นด้วย
  2. ในทางกลับกัน ถ้าขับขี่อยู่บนพื้นเปียก หน้าสัมผัสของยางกับพื้นถนน จะมีน้ำมาคั่นอีกหนึ่งชั้นระหว่างหน้ายางกับพื้นถนน ฉะนั้นถ้าลมยางต่ำกว่าปกติ น้ำที่คั่นจะถูกรีดผ่านดอกยางออกไปได้ช้ากว่าเดิม เมื่อน้ำถูดรีดออกช้า การยึดเกาะจึงลดลงตามไปด้วย
  3. จำไว้ว่า ร่องต่างๆ บนดอกยาง มีหน้าที่รีดเอาน้ำออกจากหน้ายาง เพื่อที่จะทำให้ยางสัมผัสกับพื้นผิวถนนแบบไม่มีอะไรมาขวางกั้น
  4. ยางที่ไม่มีดอก เช่นยางสลิคที่เราเห็นรถแข่งใช้ อันนั้นเกาะถนนมากๆ แต่สมรรถนะการยึดเกาะจะดีมากเมื่อใช้บนพื้นแห้ง แต่ถ้าเมื่อไหร่เจอน้ำ เพียงนิดเดียว จะไม่สามารถควบคุมได้ เพราะไม่มีร่องยางให้น้ำรีดผ่านออกไป
tyre_iamcar

เกาะมากไม่ต้องมีดอกบนพื้นแห้ง

พอพื้นเปียกต้องใส่ยางมีดอก

ดังนั้นเพื่อให้สามารถควบคุมการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องหมั่นตรวจเช็กแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ ขอแค่ให้แรงดันลมยางอยู่ในค่ามาตรฐานที่รถแต่ละคันกำหนด (รถเก๋งส่วนใหญ่ 30-32 ปอนด์/ตร.นิ้ว) ก็เพียงพอ หรือในหน้าฝนอาจจะเพิ่มแรงดันลมยางได้บ้างเล็กน้อย แต่ห้ามลดลงโดยเด็ดขาด เท่านี้คุณก็จะขับขี่ได้อย่างปลอดภัย

บทความที่เกี่ยวข้อง

หมั่น “เช็คลมยาง” สำคัญกว่าที่คิด

เลือกซื้อยางรถยนต์ให้เหมาะสมกับรถของคุณ


ตารางราคารถยนต์ล่าสุด

AUDI | Aston Martin | BMW | Chevrolet | CITROEN |  DFSKFerrari | Honda (ฮอนด้า) |