เชฟโรเลตมอบคุณภาพการขับขี่ที่เหนือชั้นกว่าในเชฟโรเลต แคปติวา
เชฟโรเลต แคปติวา รถอเนกประสงค์ที่ได้รับรางวัลมาแล้วมากมายมีชื่อเสียงในด้านสมรรถนะการขับขี่และการควบคุมที่เหนือชั้น คำถามคือคุณภาพที่อัดแน่นอยู่ในรถเอสยูวีรุ่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร การออกแบบและวิศวกรรมเป็นเพียงคำตอบส่วนหนึ่งเท่านั้น แคปติวา เป็นรถที่ได้รับการพัฒนาให้มีรูปลักษณ์และมีระบบวิศวกรรมที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว อย่างไรก็ดี การสร้างคุณภาพในกระบวนการผลิตก็เป็นปัจจัยที่สำคัญ ในการสร้างความสมบูรณ์แบบให้กับรถรุ่นนี้ แคปติวาใช้โครงสร้างโมโนค็อกอันแข็งแกร่งสำหรับการรองรับตัวถังรถ ซึงเป็นพื้นฐานสำคัญของสมรรถนะการทรงตัวรถที่ดี การขับขี่ที่มีคุณภาพและห้องโดยสารที่เงียบสนิท อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติพิเศษเหล่านี้ต้องถูกสร้างในกระบวนการผลิตรถตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่ใช่การเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆเข้ามาในภายหลัง โครงสร้างโมโนค็อกที่มีความแข็งแกร่งเกิดจากการออกแบบและพัฒนาด้านวิศวกรรมที่เหมาะสม เช่น การกำหนดจุดเชื่อมตัวถังอย่างชาญฉลาดและการกระจายน้ำหนักไปทั่วโครงสร้างอย่างดีเยี่ยม ตลอดจนปัจจัยสำคัญอื่นๆ
การออกแบบและพัฒนาวิศวกรรมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน โดยเฉพาะการตัดและปั๊มขึ้นรูปชิ้นส่วนตัวถังที่แม่นยำ รวมถึงการเชื่อมที่มีคุณภาพสูง สมรรถนะการขับขี่ที่ย่ำแย่และเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถมา ‘ซ่อมแซม’ได้ในภายหลัง ดังนั้น การดำเนินงานตามหลักการสร้างคุณภาพในกระบวนการผลิตหรือ ‘Built-In Quality’ (BIQ) ที่โรงปั๊มขึ้นรูปตัวถัง (Press Shop) และโรงประกอบตัวถัง (Body Shop) จึงมีความสำคัญอย่างมาก “การสร้างคุณภาพในกระบวนการผลิตช่วยให้เราสามารถควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ได้ด้วยการควบคุมกระบวนการผลิตได้ หรือหมายถึงการสร้างคุณภาพไว้ในตัวรถ ไม่ใช่การตรวจสอบคุณภาพในภายหลัง ด้วยการควบคุมกระบวนการผลิตเช่นนี้ เราจะสามารถควบคุมผลิตภัณฑ์และคุณภาพได้” คุณนุมัติ โชคอาภาพงศ์ ผู้อำนวยการโรงประกอบตัวถังกล่าว
“ทุกกระบวนการผลิตที่โรงปั๊มขึ้นรูปตัวถังและโรงประกอบตัวถังถูกควบคุมด้วยมาตรฐานระดับโลกและวิธีปฏิบัติของเสาหลักด้านคุณภาพ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการสร้างคุณภาพในกระบวนการผลิต การควบคุมกระบวนการผลิตเริ่มตั้งแต่ก่อนที่แผ่นโลหะจะเข้าสู่เครื่องจักรปั๊มขึ้นรูปไปจนถึงปลายสายการผลิต ฝ่ายผลิต มีหน้าที่ตรวจสอบที่ปลายสายการผลิตเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าคุณภาพการผลิตได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้” คุณนุมัติกล่าวเพิ่มเติม
เสาหลักด้านคุณภาพเป็นส่วนหนึ่งของหลักการสร้างคุณภาพในกระบวนการผลิต โดยแบ่งขอบเขตการควบคุมออกเป็นหมวดหมู่ตามเสียงตอบรับจากลูกค้าซึ่งจีเอ็ม เรียกว่า ‘เสียงของลูกค้า’ (Voice of Customers) และผู้เกี่ยวข้องภายในองค์กร ทุกโรงผลิต ทั้งโรงปั๊มขึ้นรูป (Press Shop) โรงประกอบตัวถัง (Body Shop) โรงพ่นสี (Paint Shop) และโรงประกอบทั่วไป (General Assembly Shop) ต่างมีเสาหลักด้านคุณภาพที่ควบคุมกระบวนการผลิตอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการผลิตอยู่ภายใต้การควบคุมและช่วยสร้างคุณภาพที่ได้มาตรฐานในการผลิตอย่างแท้จริง
“เราต้องการผลิตให้ถูกต้องตั้งแต่แรก ผสมผสานคุณภาพไว้ตั้งแต่เริ่มกระบวนการผลิตเพื่อป้องกันข้อบกพร่อง เรายังมีการตรวจสอบตามมาตรฐานและการสุ่มตรวจสอบตลอดทั้งสายการผลิตเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีข้อบกพร่องใดๆ ออกจากโรงผลิต เรายังปรับปรุงกระบวนการผลิตอยู่ตลอดเวลาด้วยการรับฟังเสียงตอบรับจากภายนอกและภายในองค์กร” คุณนุมัติกล่าว ทุกการผลิตเริ่มต้นที่โรงปั๊มขึ้นรูป ที่ซึ่งแผ่นโลหะถูกปั๊มให้เป็นชิ้นส่วนและแผงตัวถังที่มีความโค้งเว้าของแคปติวา ความแม่นยำเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากเพราะมิติตัวถังที่ไม่แม่นยำจะทำให้เกิดช่องว่างขนาดใหญ่ซึ่งส่งผลในด้านอากาศพลศาสตร์ นอกจากนี้ ขนาดตัวถังที่ไม่ถูกต้องยังส่งผลต่อสมรถนะการขับขี่และทรงตัว การตรวจสอบคุณภาพของโรงปั๊มขึ้นรูป ช่วยให้แน่ใจว่าทุกชิ้นส่วนถูกผลิตด้วยความแม่นยำเหมือนกับการผลิตชิ้นส่วนแรก 1 ช่องว่างขนาดเล็กมากที่ทั้งแน่น และมั่นคงที่อยู่ระหว่างรอยต่อ ซุ้มล้อ ฝากระโปรงและชิ้นส่วนอื่นๆ ยังช่วยลดเสียงลม พร้อมกับยกระดับภาพลักษณ์อันโดดเด่นของแคปติวา
อีกหนึ่งเสาหลักด้านคุณภาพที่มีความสำคัญของโรงปั๊มขึ้นรูป คือคุณภาพพื้นผิว (Surface Quality) แผ่นโลหะจากบริษัทผู้จัดจำหน่ายชิ้นส่วนการผลิตจะถูกตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหารอยตำหนิและข้อบกพร่อง ซึ่งกระบวนการนี้มีความสำคัญอย่างมากสำหรับการผลิตรถแห่งผู้นำที่มีคุณภาพอย่างแคปติวา “รอยบุบขนาดเล็กหรือรอยคลื่นเพียงเล็กน้อยซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านั้นจะถูกขยายให้มองเห็นได้ชัดเจนเมื่อทาสีและน้ำมันให้เกิดความมันวาว ถ้ารอยบุบขนาดเล็กหรือรอยคลื่นถูกพบที่โรงพ่นสี ก็ถือว่าสายเกินไปแล้ว ฉะนั้น ชิ้นส่วนที่เกิดจากเครื่องจักรปั๊มขึ้นรูปความแม่นยำสูงของเราต้องมีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด” คุณประวีณ เจ๊กจันทึก ผู้จัดการอาวุโสโรงปั๊มขี้นรูป กล่าวเพื่อสร้างคุณภาพพื้นผิว คุณประวีณและทีมพนักงานได้ริเริ่มกระบวนการตรวจสอบใหม่ในเสาหลักคุณภาพด้านพื้นผิว กระบวนการนี้จะใช้น้ำมันเคลือบพื้นผิวชิ้นส่วนก่อนนำมาตรวจสอบใต้แสงที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งความมันวาวของน้ำมันจะเผยให้เห็นข้อบกพร่องของพื้นผิวทุกรูปแบบ ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ชิ้นส่วนตัวถังที่ขึ้นรูปเสร็จสมบูรณ์แล้วจะถูกส่งต่อไปที่โรงประกอบตัวถัง ซึ่งจะเชื่อมชิ้นส่วนให้เป็นโครงสร้างโมโนค็อกของแคปติวาที่เป็นพื้นฐานรองรับตัวถังรถ การเชื่อมเป็นเสาหลักด้านคุณภาพที่มีความสำคัญที่สุดของโรงประกอบตัวถัง เพราะทำให้โครงสร้างมีความแข็งแกร่งและปลอดภัย พร้อมกับลดเสียงรบกวนขณะขับขี่และมอบสมรรถนะการทรงตัวที่เหนือชั้นการขับขี่ที่เงียบ ปราศจากเสียงรบกวนของแคปติวานั้นเกิดจากการผสมผสานโครงสร้างโมโนค็อกที่แข็งแกร่ง การใช้วัสดุบุกันเสียงอย่างเต็มที่ รวมถึงการใช้กระจกบังลมที่มีความหนายิ่งขึ้น โครงสร้างที่แข็งแกร่งเอื้อให้วิศวกรสามารถปรับแต่งจุดต่างๆเพื่อกำจัดเสียงรบกวน ความสั่นสะเทือนได้ โดยยังคงรักษาสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยมไว้เช่นเดิม
โครงสร้างโมโนค็อกของแคปติวาทำให้ทีมวิศวกรสามารถติดตั้งเหล็กกันโคลงขนาดใหญ่และปรับแต่งระบบกันสะเทือนใหม่ โดยด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สัน สตรัท ด้านหลังเป็นแบบอิสระ มัลติ-ลิงค์เพื่อการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ห้องโดยสารที่เงียบยิ่งขึ้นทำให้เครื่องเสียงเทคโนโลยีแบบสามมิติ (Three-Dimensional Sound Staging) พร้อมลำโพงแปดตัวที่ได้รับการออกแบบเพื่อมอบคุณภาพเสียงขั้นสูงของแคปติวาแสดงประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่เพื่อผู้โดยสารทุกที่นั่ง “การฝึกอบรมช่วยให้เรายกระดับคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นได้” คุณนุมัติกล่าว “ถือเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการสร้างคุณภาพและช่วยให้พนักงานมีความคุ้นเคย สามารถควบคุมกระบวนการผลิตได้ดี” พนักงานได้รับการฝึกอบรมด้านการเชื่อมในกิจกรรมเวิร์กช็อปที่จัดโดยผู้เชี่ยวชาญจากจีเอ็ม อเมริกาเหนือ เวิร์กช็อปดังกล่าวมีเป้าหมายเพิ่มทักษะความรู้พนักงานในด้านมาตรฐานการเชื่อมระดับโลก (Global Welding Standard) ของจีเอ็ม โดยเฉพาะการเชื่อมต่อ (Joining) และการสอดประสาน (Dispense) กระบวนการนี้ใช้ในการประกอบสองชิ้นส่วนเข้าไว้ด้วยกันและมีความสำคัญมากเพราะส่งผลต่อความพึงพอใจและความปลอดภัยของลูกค้าโดยตรง คุณภาพการเชื่อมต่อและการสอดประสานที่ยอดเยี่ยมทำให้ตัวรถมีความแข็งแกร่ง มั่นคงและทนทาน ตลอดจนมีห้องโดยสารที่เงียบยิ่งขึ้น
“แคปติวาแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติเฉพาะตัว ถือเป็น ‘รถสำหรับคนเมือง’ ที่เจ้าของต้องการห้องโดยสารที่เงียบสงบและประสบการณ์ขับขี่อันน่าประทับใจ ขณะที่โคโลราโดและเทรลเบลเซอร์ต้องมีโครงสร้างอันแข็งแกร่งเช่นกัน แต่สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดของโคโลราโดและเทรลเบลเซอร์คือความสมบุกสมบัน เราใช้หลักการด้านคุณภาพแบบเดียวกันนี้ในทุกกระบวนการผลิต ไม่ว่าจะเป็นรถรุ่นใดก็ตาม” คุณนุมัติกล่าวสรุป
{gallery}iamcar-Chevrolet Captiva{/gallery}