5 สิ่งที่ควรทำ เมื่อต้อง จอดรถ ตากแดด
หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยสำหรับอากาศร้อนๆ แดดเปรี้ยงๆ อย่างไทยแลนด์แดนสยาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิถีคนเมือง เดี๋ยวนี้แผ่ขยายวงกว้างไปตามชนเมืองด้วย กับการหาที่จอดรถ ในร่มแทบจะไม่ได้ เพราะเดี๋ยวนี้ตึกสูง ถ้าไม่ใช่ระดับผู้บริหาร ก็แทบจะไม่ได้จอด ลานโล่งๆ เสียตังค์นี่แหละ คือวิถีแห่งชาวออฟฟิสผู้ใช้รถ ที่จำเป็นต้อง จอดรถ ตากแดด อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
แล้วถ้าหากหลีกเลี่ยงการจอดรถในที่ที่ต้องตากแดดร้อนๆ เป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องทำงานเป็นรูทีน หรือพนักงานออฟฟิส อย่างน้อยๆ มีไม่ต่ำกว่า 7-8 ชั่วโมงต่อวัน อย่างนี้คุณจะไม่สงสารรถยนต์คันเก่งบ้างเลยเหรอ แล้วเราจะมีวิธีรับมือ กับ แดดเปรี้ยง ของสยามเมืองยิ้มกันอย่างไร
จอดรถ ตากแดด ป้องกันได้ ถ้ารักรถกันจริง
1. ติดฟิล์ม : นอกจากเวลาขับรถท่ามกลางแสงแดด จะช่วยลดความร้อนแล้ว ยามที่จอดตากแดด ฟิล์มดีๆ ก็ช่วยปกป้องได้เช่นเดียวกัน หากจาดตากแดดนานๆ บ่อยๆ วัสดุภายในจำพวกพลาสติก หนัง จะเกิดการ กรอบ ซีด จางก่อนเวลาอันควร บางครั้งมีผลในเรื่องของเสียงเสียดสีตามมา ฟิล์มดีๆ มีคุณภาพช่วยปกป้องได้
2. ม่านบังแดด : สำหรับฟิล์ม ช่วยได้ระดับนึงที่ดีทีเดียว แต่การพก ม่านบังแดด ติดรถไว้ จะเป็นการช่วยเพิ่มเติมขึ้นในอีกระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อจอดรถแล้ว ให้หยิบม่านบังแดด มาบังที่กระจกหน้า ซึ่งเป็นส่วนที่มีความใหญ่ รับความร้อนได้มาก ไหนจะเรื่องของการติดฟิล์ม ที่บานหน้าจะมีความเข้มน้อยกว่าบานอื่นๆ ดังนั้นพกม่านบังแดดไว้ไม่ผิดหวัง
3. กันสาด : หรือตามภาษาสากลเรียกว่า Side Visor ไม่ได้เป็นเพียงแค่อุปกรณ์เพื่อการตกแต่ง แต่กันสาดที่ติดบนประตูทั้ง 4 บาน มันมีประโยชน์มากทีเดียว เพราะถ้าต้องจอดตากแดดในลักษณะนี้ เราสามารถแง้มกระจกลง เพื่อให้ความร้อนได้ระบายออก โดยที่หากเกิดกรณีฝนตกกระทันหัน ภายในรถก็คงยังไม่เปียก
4. เคลือบสี : ถ้าไม่นับคุณประโยชน์ลำดับแรกคือ เพื่อความเงางามของสีรถแล้ว การเคลือบสียังเป็นการช่วยบรรเทาคุณภาพของสีรถ จากการถูกแสงแดดทำร้ายได้
5. ผ้าคลุมรถ : วิธีนี้อาจจะยุ่งยากหน่อย แต่ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ถ้าต้องจอดตากแดดเกินกว่า 5 ชั่วโมงขึ้นไป การคลุมรถทั้งคัน จัดว่าครอบคลุมเป็นอย่างยิ่ง ที่จะปกป้องทั้งภายนอก และภายใน ติดแค่ว่าไม่สะดวกเท่าไหร่ทั้งตอนคลุม และตอนเก็บ
จะเลือกวิธีไหน แบบใด ในการปกป้องรถยนต์สุดที่รักของคุณ จากการโดนทำร้ายของแสงแดด ความร้อน และ UV ขึ้นอยู่กับความสะดวกส่วนบุคคล และปัจจัยในกระเป๋าเป็นตัวตั้ง แต่ขอให้เชื่อเถอะว่า ไม่ว่าจะเลือกวิธีใด หรือใช้ทุกวิธี มันจะช่วยยืดอายุให้รถคุณอยู่กับเราไปได้อีกนานแสนนาน