“นายกฤษฎา ล่ำซำ” นำ อาวดี้ ประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์อาวดี้มาแล้วกว่า 60 รุ่น ทั้ง BEV, PHEV และ ICE ที่ดีที่สุด ดันแคมเปญกลางปี ดอกเบี้ย 0% สวนกระแสดอกเบี้ยขาขึ้น พร้อมเปิดตัว The New Audi RS3 Sportback ซูเปอร์คาร์ 5 ประตู รุ่นล่าสุด ราคาเพียง 5.399 ล้านบาท
อาวดี้ ประเทศไทย เปิดตัว The New Audi RS3 Sportback ซูเปอร์คาร์ 5 ประตู รุ่นล่าสุด ราคาเพียง 5.399 ล้านบาท
นายกฤษฎา ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ อาวดี้ อย่างเป็นทางการแต่เพียงรายเดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า “นับเป็นเวลา 5 ปี แล้วที่ อาวดี้ ประเทศไทย ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และก้าวสู่ปีที่ 6 อย่างแข็งแกร่ง ตั้งแต่เปิดดำเนินการมา เรามีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องรวมทั้งสิ้น 64 รุ่น 22 body type ครอบคลุมรถยนต์ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV), รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV), และรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป (ICE) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถยนต์สมรรถนะซูเปอร์คาร์ในตระกูล RS ครบทั้งไลน์อัพ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง สามารถครองใจลูกค้าได้อย่างเหนียวแน่น มียอดขายรวมกว่า 5,000 คัน ทำให้แบรนด์อาวดี้เติบโตขึ้นอย่างมากในหลากหลายเซกเมนต์ และมียอดจำหน่ายในช่วงสองปีที่ผ่านมาเติบโตสวนกระแส
โดยกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยสนับสนุนความสำเร็จที่ผ่านมานี้คือ การบริการหลังการขาย ซึ่งรถยนต์อาวดี้ทุกคันมาพร้อมกับการรับประกันคุณภาพ Warranty 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Audi Roadside Assistance 5 ปี อาวดี้ ประเทศไทย เน้นการพัฒนาทักษะของทีมช่างเทคนิคอย่างต่อเนื่องที่ได้รับการรับรองทักษะตามมาตรฐานของ AUDI AG และอะไหล่ที่มีราคาสมเหตุสมผล พร้อมให้บริการจากคลังอะไหล่ทั้งในประเทศไทย มาเลเซีย และเยอรมัน
และเพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจอาวดี้มาตลอด ขอมอบแคมเปญส่งเสริมการขายกลางปี ดอกเบี้ย 0% ทุกรุ่น (ยกเว้น RS และ EV) สวนกระแสดอกเบี้ยที่กำลังมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยมีรถยนต์ในสต็อคที่พร้อมส่งมอบ 120 คัน สำหรับลูกค้าที่จองและส่งมอบภายใน 1- 31 กรกฎาคม 2565”
The New Audi RS3 Sportback
อาวดี้ ประเทศไทย พร้อมเดินหน้ารุกไม่ยั้ง เติมความร้อนแรงให้ตลาดรถยนต์ช่วงกลางปี ให้เกิดความคึกคัก ด้วยการเปิดตัวซูเปอร์คาร์ในรูปแบบ Hatchback 5 ประตู “The New Audi RS3 Sportback” ยนตรกรรม RS รุ่นที่ 9 ตอกย้ำ DNA แห่ง Racing Sport
The New Audi RS3 Sportback รถซูเปอร์คาร์ไซส์คอมแพค เร้าใจเหมือนอยู่ในสนามแข่งและตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกวัน นับเป็นการเปิดตัวรถยนต์สมรรถนะสูงรุ่นที่ 9 ของ อาวดี้ ประเทศไทย เจเนอเรชั่นใหม่ พร้อมมอบประสบการณ์ขับขี่อันน่าตื่นเต้นให้กับแฟนๆ RS ดีไซน์ภายนอกโฉบเฉี่ยว สปอร์ตสุดๆ ได้รับแรงบันดาลใจจากมอเตอร์สปอร์ต สมรรถนะอันโดดเด่น ดุดัน The New Audi RS3 Sportback ที่ อาวดี้ ประเทศไทย นำมาเปิดตัวในครั้งนี้เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 แล้ว ซึ่งทางอาวดี้ได้พัฒนาให้เป็นซูเปอร์คาร์ในร่างรถคอมแพ็คที่เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นบนถนนหรือจะซิ่งในสนามแข่งก็มอบประสบการณ์ขับขี่เร้าใจสุดๆ สมรรถนะโดดเด่นที่สุดในกลุ่มรถยนต์คอมแพ็ค จัดเต็มเครื่องยนต์ 5 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร คว้ารางวัล International Engine of the year 9 ปีซ้อน และในเจนเนอเรชั่นล่าสุดได้พัฒนาให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ซึ่งมากกว่าเครื่องยนต์รุ่นก่อนถึง 20 นิวตันเมตร เครื่องยนต์กำลังสูงจับคู่กับเกียร์ 7 สปีด คลัทช์คู่ที่เปลี่ยนเกียร์ได้ฉับไว ทันใจ อัตราทดเกียร์ที่เซ็ตมาเหมาะสุดๆ กับการขับขี่แบบสปอร์ต อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง The New Audi RS3 Sportback ที่ อาวดี้ ประเทศไทย นำเข้ามาจำหน่ายมาพร้อม RS Sport Exhaust เสียงท่อไอเสียอันเป็นเอกลักษณ์ ดังกระหึ่ม เร้าใจ ท่อไอเสียสามารถเปิดปิดได้ เพื่อให้เสียงท่อเงียบลงในเขตชุมชน หรือเปิดให้เสียงดังขึ้นเพื่อเพิ่มอรรถรสในการขับขี่
อาวดี้เพิ่มความมั่นใจและความสนุกในการขับขี่ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ถูกบรรจุมาให้ The New Audi RS3 Sportback เป็นครั้งแรก นั่นคือ ระบบกระจายแรงบิดอัตโนมัติด้วยไฟฟ้า RS Torque splitter พร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย RS Torque splitter ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายแรงบิดที่ล้อหลังได้ดียิ่งขึ้นโดยมีแผ่น คลัทช์แยกการทำงานของล้อซ้าย-ขวาได้อย่างอิสระในช่วงที่เข้าโค้ง ถ้าไปด้านซ้ายระบบจะส่งกำลังที่มากขึ้นไปยังล้อหลังฝั่งขวาที่ต้องการกำลังมากกว่า ซึ่งจะช่วยลดอาการ understeer และทำให้รถมีความคล่องตัวมากขึ้นขณะเข้าโค้ง ระบบ Torque splitter นี้ ยังสามารถเพิ่มความสนุกในการขับขี่ในสถานที่ปิดหรือสนามแข่งได้ โดยจะทำให้รถยนต์สามารถดริฟท์ให้ท้ายปัดได้ โดยการสั่งการผ่านการเลือกโหมดการขับขี่แบบใหม่ในชื่อ RS Torque Rear ซึ่งระบบนี้จะสามารถส่งถ่ายกำลังจากเครื่องยนต์ทั้งหมดลงสู่ล้อหลังข้างเดียวเพียงล้อเดียวอีกด้วย
นอกจากนั้นอาวดี้ยังเพิ่มอีกหนึ่งโหมดการขับขี่ในชื่อ RS Performance ที่จะตั้งค่ารถยนต์ให้เหมาะกับการใช้งานในสนามแข่งโดยเฉพาะ โดยทั้ง 2 โหมด การขับขี่แบบใหม่ได้ถูกพัฒนาและเพิ่มเข้ามาในรถยนต์อาวดี้เป็นครั้งแรกในรุ่น RS3 เพื่อตอบโจทย์การขับขี่แบบสปอร์ตได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น อาวดี้ยังคงใส่ใจรายละเอียดสำหรับการขับขี่ในทุกรูปแบบ โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่แบบอื่นๆได้ ดังนี้ Comfort, Auto, Dynamic, Efficiency และ RS individual
RS sport suspension และการตั้งองศาล้อเพื่อการขับขี่ที่เข้มข้นต้องการความแม่นยำที่มากขึ้น
ระบบช่วงล่าง RS Sport suspension มาพร้อมกับระบบกันแรงสั่นสะเทือนและวาล์วที่ออกแบบใหม่ให้กับ The New Audi RS3 Sportback โดยเฉพาะ ทำให้ช่วงล่างตอบสนองต่อการขับขี่หลากหลายสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
การตั้งองศาแคมเบอร์ให้องศาลบทำให้การตอบสนองของพวงมาลัยแม่นยำมากยิ่งขึ้น และเข้าโค้งได้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับ A3 ล้อหน้าจะถูกตั้งค่าให้มีแคมเบอร์ลบเพิ่มขึ้น 1 องศา และล้อหลังจะถูกตั้งค่าให้มีแคมเบอร์ลบเพิ่มขึ้น 0.5 องศา ทำช่วงล่างให้เตี้ยลงและเฟิร์มขึ้นเล็กน้อย เพื่อช่วยให้เกาะถนนมากยิ่งขึ้น และอีกหนึ่งระบบใหม่ใน The New Audi RS3 Sportback คือ ระบบ modular vehicle dynamics controller (mVDC) ซึ่งเป็นตัวกลางที่จะนำข้อมูลจาก Torque splitter, adaptive dampers และ wheel selective torque control มารวมกันทำให้รถมีความคล่องตัวเข้าโค้งมากยิ่งขึ้น
The New Audi RS3 Sportback มาพร้อมกับระบบเบรก 6 พอต แบบเจาะรูระบายอากาศออกแบบมาใหม่ให้ใหญ่ขึ้นและเบรกได้อย่างมั่นใจ เพื่อให้สามารถควบคุมพละกำลังมหาศาลจากเครื่องยนต์ 5 สูบได้ และระบบควบคุมอากาศที่ทำให้เบรกเย็นลงเร็วขึ้นกว่าเดิม 20 % ซึ่งจะทำให้เบรกไม่ร้อนจนเกินไป นอกจากนี้ยังสามารถลดการเสื่อมสภาพของผ้าเบรกให้ช้าลง เรียกได้ว่าเป็น Hatchback สมรรถนะซุเปอร์คาร์ที่สามารถใช้งานได้ทุกวัน
DNA ความเป็นรถสปอร์ต
การออกแบบ The New Audi RS3 Sportback เน้นให้รถมีความสปอร์ตและดุดันมากยิ่งขึ้น กันชนหน้าแบบ RS และช่องดักอากาศขนาดใหญ่ขึ้น มาพร้อมกระจังหน้าลายรังผึ้ง อันเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล RS พร้อมชุดแต่งภายนอกแบบ Glossy black และ Audi Ring และป้ายชื่อรุ่นสี Glossy black ทำให้รถสปอร์ตคอมแพ็คคันนี้ดูดุดันมากขึ้น อุปกรณ์มาตรฐาน ไฟหน้า Matrix LED และไฟท้าย LED แบบ Dynamic ซึ่งจุดเด่นของไฟหน้าจะมี digital daytime running light แบบพิกเซลล์ขนาด 3×5 ที่มาพร้อมกับเอฟเฟกต์ light staging แบบ RS3-signature ด้านฝั่งคนขับ เมื่อปลดล็อครถได้ ส่วน Daytime running light จะแสดงในรูปแบบของธงตราหมากรุก ช่องระบายอากาศบริเวณซุ้มล้อหน้าและซุ้มล้อหน้าที่กว้างขึ้นกว่ารุ่นเดิม 33 มิลลิเมตร และซุ้มล้อหลังกว้างขึ้น 10 มิลลิเมตร ทำให้รถดูดุดันมากยิ่งขึ้น ล้อขนาด 19 นิ้ว ลาย Y spoke ปั้มลาย RS และคาลิปเปอร์เบรกสีแดงปั้มลาย RS ทำให้รถดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น
นอกจากภายนอกที่ออกแบบให้ดูมีความสปอร์ตแล้ว ภายในยังมีการออกแบบที่มีเฉพาะในรุ่น RS เท่านั้น หน้าจอ Virtual cockpit plus มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แสดงรอบเครื่องยนต์ในรูปแบบ bar graph เรียกว่า RS runway design ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก runway สนามบิน และ virtual cockpit plus แสดงค่า G- forces จับเวลารอบสนามแข่ง และจับเวลา 0-100, 0-200 หรือ ¼ mile และยังมี RS -Blinking shift indicator ระบบกระพริบไฟเพื่อบอกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการใช้ paddle shift เพื่อเปลี่ยนเกียร์ในโหมด manual หน้าจอกลางขนาด 10.1 นิ้ว ที่มีชื่อว่า RS Monitor ซึ่งแสดงข้อมูล อุนหภูมิของระบบหล่อเย็น เครื่องยนต์ และน้ำมันเกียร์ รวมไปถึงค่าลมยาง
The New Audi RS3 Sportback มาพร้อมกับพวงมาลัยท้ายตัดมัลติฟังชัน สไตล์ RS sport หุ้มหนังพร้อม paddle shift และยังมีปุ่มปรับโหมด RS performance บนพวงมาลัยฝั่งด้านขวา เพื่อให้ง่ายต่อการปรับโหมด โดยไม่ต้องเอามือออกจากพวงมาลัย เบาะหน้าแบบ RS sport stitching ลาย diamond cut
ระบบอำนวยความสะดวกอื่นๆ ภายในรถไม่ว่าจะเป็น ระบบเครื่องเสียงพรีเมียม Bang &Olufsen 3มิติ หลังคา panoramic sunroof ระบบปรับอากาศแยกอิสระ 3 โซน และระบบช่วยจอด (Park assist) ซึ่งระบบจะช่วยหาที่จอดและควมคุมพวงมาลัยให้ โดยจะมีคำแนะนำเพิ่มเติมให้บนหน้าจอ MMI เพื่อให้ผู้ขับขี่เข้าเกียร์เดินหน้า-ถอยหลัง เบรกหรือเร่ง
The New Audi RS3 Sportback รถซูเปอร์คาร์ไซส์คอมแพ็ค เร้าใจเหมือนอยู่ในสนามแข่ง และตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกวัน ราคา 5.399 ล้านบาท มีให้เลือก 6 สี คือ Glacier white, Mythos black, Python yellow, Tango red, Kyalami green และ Kemora grey เปิดให้จองพร้อมกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่โชว์รูมอาวดี้ทั่วประเทศ
Audi เป็นรถยนต์นำเข้ามาตรฐานเยอรมัน ลูกค้าที่ออกรถใหม่จะได้รับการดูแลจาก Audi Protection การรับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน รถไฟฟ้า Audi e-tron ใหม่ ทุกรุ่นรับประกันแบตเตอรี่อยู่ที่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี ลูกค้าอาวดี้สามารถมั่นใจกับงานบริการหลังการขาย ซึ่งมีมาตรฐานคุณภาพเดียวกันทุกสาขา โดยในช่วงสถานการณ์โควิดนี้ เปิดบริการในวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 08.00-18.00 น. วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-18.00 น. หรือโทรนัดหมายได้ที่
Audi Centre Thailand | 02-765-8888 |
Audi New Petchburi | 02-023-4888 |
Audi Pattaya | 038-197-888 |
Audi Phuket | 076-646-666 |
Audi Service Chiang Mai | 052-081-188 |
Audi Service Ratchapruek | 02-034-5888 |
Audi Udornthani | 093-161-5588 |