รีวิว : All New Mazda3 Maxx Sports ( มาสด้า 3 ) การพัฒนาต่อยอดจากรุ่นเดิมให้เป็นสปอร์ตพรีเมียมมากขึ้น
เปิดตัวไปแล้วใน ปี 54 สำหรับ All New Mazda3 Maxx Sports ( มาสด้า 3 ) ซึ่งมีพิกัดเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร กับสองทางเลือก Sedan 4 ประตูและ Hatchback 5 ประตู ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาต่อยอดจากรุ่นเดิมให้เป็นสปอร์ตพรีเมียมมากขึ้น โดยดึงเอกลักษณ์เฉพาะของค่ายมาสด้า ที่เรียกว่า “ZOOM ZOOM” ออกมาอยู่ในทุกอนูของตัวรถ
คำนึง…ความสอดคล้องเป็นหลัก
หนึ่งปีกับอีกหนึ่งเดือนพอดีหลังการเปิดตัว แต่กว่าผมจะได้สัมผัสกับ All New MAZDA3 แบบเต็มๆ ต้องขอบคุณทีม PR MAZDA มากๆ ที่จัด All New MAZDA3 MAXX มาให้ iAMCAR ได้สัมผัสสมรรถนะในครั้งนี้ ถ้ากล่าวถึง MAZDA3 ตอนที่ออกมาครั้งแรกในปี 2005 ก็สร้างความฮือฮา ในเรื่องการออกแบบไม่น้อย เพราะนำความสปอร์ตไปใส่ใน Sedan 4 ประตูและ Hatchback 5 ประตู ได้ลงตัวและสวยจริงๆ พอมาในปีที่แล้ว ก็ยกระดับรถยนต์นั่งแนวสปอร์ตขึ้นไปอีกโดยส่ง All New MAZDA3 ที่มีการปรับโฉมให้ดูล้ำสมัยมากขึ้น
โดยบ่งบอกถึงการออกแบบรถยนต์นั่งสปอร์ต All New Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่ รุ่น 4 ประตู ดังนี้ครับ “Expressive แสดงออกถึงอารมณ์”, “Athletic เข้มแข็งปราดเปรียว”, “sophisticated พิถีพิถันเหนือระดับ”, “Fun-to-Drive สนุกเพลิดเพลินในการขับขี่”, “Youthful พลังในวัยเยาว์ที่มีอยู่ในตัวตน”, “Dynamic สมรรถนะในการเคลื่อนที่”
การปรับเปลี่ยนภายนอก
All New MAZDA 3 เริ่มต้นการปรับเปลี่ยนภายนอก โดยนำกระจังหน้าแบบเดิมออก และเพิ่มกันชนหน้าชิ้นใหญ่ที่ครอบคุมต่อกับฝากระโปรงโดยไม่มีอะไรขวางกั้น ด้านล่างกันชนใช้แผงรังผึ้งสีดำเป็นช่องรับลมเพื่อลดความร้อนเครื่องยนต์ ขนาบไว้กกับไฟตัดหมอกสุดหรู ขยับขึ้นมาจะเห็นความโดดเด่นของไฟหน้า Bi-Xenon Projector พร้อมฟังก์ชัน Auto On-Off และ Auto Leveling ปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ ส่วนฝากระโปรงและแก้มข้างจะเห็นเลยว่าเป็นการออกแบบที่มีเส้นสายไหลลื่น สอดรับกันมากๆ ทำให้เห็นชัดเลยว่านำ “DNA ZOOM ZOOM” ของ RX8 มาใส่อย่างเต็มตัว
ด้านข้างต้องยกนิ้วให้ในเรื่องความสวยงามของเส้นสายตัวรถอ แต่ที่เพิ่มเข้าไปในรุ่นนี้ คือ ซันรูฟที่บ่งบอกถึงความสปอร์ตได้ชัดเจน ส่วนด้านหลังคุณจะเห็นเส้นสายที่ต่อเนื่องกันมากๆ โดยจะโค้งตามไฟท้ายไล่อ้อมใต้ไฟตัดหมอกหลังจนไปจรดอีกด้าน ซึ่งสวยงามจริงๆ ครับ โดยเมื่อนำมาประกอบกับไฟท้าย LED ที่มีความล้ำสมัย และสปอยเลอร์ท้ายที่ให้ความสปอร์ต ทำให้เวลารถจอดนิ่งแม้จะเป็นซีดาน 4 ประตู แต่ก็ดูคล้ายรถสปอร์ตตัวแรงเอามากๆ ที่สำคัญตัวถังมีค่าสัมประสิทธิเสียดทานเพียง 0.28 เท่านั้น ถ้าจะให้ผมวิจารณ์การออกแบบภายนอก ผมขอสามคำ สั้นๆครับ “ลง ตัว มาก”
คำนึง..การใช้งานของผู้ขับขี่เป็นหลัก
แค่เปิดประตูออกมาก็สัมผัสถึง DNA แบบสปอร์ตได้เต็มๆ ความงามโดดเด่นตั้งแต่การใช้สีดำกับสีเบจนวลๆ ตัดขอบเติมความหรูด้วยสีบรอนซ์ ซึ่งสีดำบอกถึงความสปอร์ต ส่วนสีเบจช่วยให้ภายในดูกว้าง พอนั่งลงที่เบาะลองมองดูการออกแบบคอนโซลเป็นลักษณะโค้งไล่เรียงจรดซ้าย-ขวาของเสา A เรือนไมล์ทรงกลมใหญ่ซ้าย-ขวา ใช้ตัวเลขสีแดงเพื่อความเร้าใจ ลดความแข็งก้าวด้วยเส้นรอบวงสีน้ำเงิน ใช้กรอบโครเมียมเพิ่มความโดดเด่น ขยับมาหน่อยเป็นพวงมาลัยแบบสามก้านที่สามารถปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมระบบควบคุมจอแสดงผล MID, ฟังก์ชันควบคุมเครื่องเสียง และ Paddle Shift ควบคุมตำแหน่งเกียร์
ช่วงกลางคอนโซล
ดูกันต่อที่ช่วงกลางคอนโซล บนสุดจะเป็นคล้ายๆ อุโมงค์ที่ทำมุมหันมาทางคนขับ เพื่อให้ผู้ขับขี่เห็นจอแสดงผล Multi Information Display (MID) ที่แสดงข้อมูลทริปการเดินทาง การตั้งค่าสัญญาณเตือนต่างๆ และข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็นในการขับขี่ ต่ำลงมาเป็นระบบเครื่องเสียง CD MP3 แบบ 6 แผ่น พร้อมลำโพงอีก 6 ตัว ลงมาอีกเป็นระบบควบคุมแอร์แบบแยกอิสระซ้าย-ขวา ส่วนคันเกียร์เป็นแบบขั้นบันได พร้อมระบบแอ๊คทีพเมติก (Activematic) เพื่อการขับขี่ในโหมดเกียร์ธรรมดาหรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่าเกียร์ “+” “-” นั่นเอง เบาะนั่งสไตล์กึ่งบัคเก็ต (semi-bucket) หุ้มด้วยวัสดุหนังแท้ เพื่อให้ความรู้สึกโอบกระชับแบบสปอร์ต ที่เบาะหลังสามารถปรับพับได้ 60:40 พร้อมที่วางแขนและช่องวางแก้ว ในเรื่องของภายในผมชอบตรงการทำมุมเอียงเข้าหาคนขับของอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้คนขับใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้ง่ายไม่ต้องเอียงตัวไปทาง ซ้ายหรือขวา แค่เอื้อมมือก็ใช้งานได้แล้ว
คำนึง..การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า
หลังจากกด Start Engine เครื่องยนต์บล็อกกลางขนาด 2.0 ลิตร ก็ติดขึ้นแบบเงียบๆ พร้อมระบบวาล์วแปรผัน S-VT VIS แต่พละกำลังสูงสุดที่ซ่อนอยู่ใต้ฝากระโปรงมีมากถึง 147 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที ในขณะที่แรงบิดมีมากถึง 182 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังแบบเกียร์ 5 สปีด EAT -Activematic ก่อนจะไปทดสอบสมรรถนะกัน ผมขออธิบายการทำงานของวาล์วแปรผัน S-VT (Sequential Valve Timing) กับ VIS (Variable Induction System) เจ้า S-VT ทำหน้าที่ควบคุมระยะการเปิดและปิดของวาล์วเพื่อให้ไอดีและไอเสียเหมาะสมตามความเร็ว พร้อมทั้งดูดอากาศเพื่อเพิ่มอัดเข้าท่อไอดี ส่วน VIS ทำหน้าที่ควบคุมการจุดระเบิดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยเพิ่มรอบเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นให้สูงขึ้น และยังช่วยลดการเผาผลาญเชื้อเพลิงที่ไม่จำเป็นลง
เครื่องยนต์
ลองมองจากสเปกเครื่องยนต์จริงๆ แล้วแรงม้าเท่าเดิม แต่แรงบิดมาเร็วขึ้นที่ 500 รอบต่อนาที การขับขี่ในความเร็วช่วงต้นๆ ต้องบอกว่าทันใจผมมากๆ ตอบสนองได้โดนใจไม่น้อย แต่มันก็เป็นนิสัยของ ZOOM ZOOM ที่ถึงแม้จะเซ็ตอัพเครื่องยนต์ให้ต้นจัดๆ ขับมันส์ๆ แต่พอความเร็วอยู่สัก 150 กม./ชม. ความเร็วจะเริ่มไต่ระดับช้าลง กว่าจะไปถึง 200 กม./ชม. แต่ที่น่าสนใจ คือ ระบบเกียร์ซึ่งทำได้ต่อเนื่องและนุ่มมวลดี แม้คุณจะเปลี่ยนเกียร์เองด้วย Paddle Shift ที่สำคัญเวลาจะใช้โหมด Manual คุณไม่จำต้องปรับคันเกียร์มาโหมด “M” คุณสามารถเพิ่มหรือลดเกียร์ที่ Paddle Shift ได้เลย ดังนั้นความปลอดภัยในการขับจึงมีมากขึ้น เช่น เมื่อเกิดเหตุกาณ์รถวิ่งตัดหน้าคุณ คุณก็สามารถที่จะลดเกียร์จากพวงมาลัยลง เพื่อใช้ Engine Brake ในการช่วยเบรคได้อย่างรวดเร็ว โดยรวมในส่วนของเครื่องยนต์ถือว่าร้อนแรงเอาการ ตอบโจทย์คำว่า “Sport Sedan” ได้ดีไม่น้อย ยิ่งเป็นรอบต้นๆ เข็มวัดรอบดีดไปหา Red Line อย่างรวดเร็วประกอบกับเสียงเครื่องยนต์ที่กรีดร้องอย่างเมามันส์ เร้าอารมณ์การขับที่สนุกสนามมากเลยทีเดียว ส่วนเรื่องอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงผมใช้ระยะการทดสอบ 355 กม. โดยใช้ความเร็วเฉลี่ย 110 กม./ชม. ผมใช้เงินเติมน้ำมันไป 1.223 บาทครับ (แก๊สโซฮอล 91 ลิตรละ 37.28 บาท)
คำนึง..ความแม่นยำทุกย่านความเร็ว
ปิดท้ายด้วยการสัมผัสกับช่วงล่างแบบเต็มๆ สมรรถนะ จากการที่ลองขับมาช่วงหนึ่งก็บอกได้แล้วว่าของเค้าดี เพราะครั้งแรกที่ผมไปรับรถ ผมลงจากที่จอดรถแบบรวดเร็ว การตอบสนองของพวงมาลัยคมกริบมาก สนองการควบคุมที่แม่นยำ แต่ไปดูกันก่อนว่าช่วงล่างของ All New MAZDA 3 เป็นแบบไหน ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง ช๊อคอัพแก๊ส และเหล็กกันโคลง ส่วนช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงก์ ช็อคอัพคอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง ระบบบังคับเลี้ยวใช้พวงมาลัยไฟฟ้า EPS ชนิดผ่อนแรงและแปรผันไปตามความเร็วของตัวรถในขณะขับขี่
ช่วงล่าง
ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการยึดเกาะยังคงเป็นเอกลักษณ์ของค่าย Zoom Zoom มานานแล้ว พอบวกกับล้ออลูมินัมอัลลอยลายใหม่แบบ 10 ก้านคู่ ขนาด 17×7.0 J นิ้ว รัดด้วยยางสปอร์ตคุณภาพสูงของ Toyo รุ่น Proxes R32 ไซส์ 205/50/R17 และระบบ DSC (Dynamic Stability Control) ซึ่งเข้ามาช่วยรักษาการทรงตัวของรถในขณะเข้าโค้ง ไม่ให้เกิดอาการ Understeer และ Oversteer บวกด้วย Traction Control System ที่เข้าป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ทำให้การเข้าโค้งทุกย่านความเร็วเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ การทรงตัวในทางตรงและการเปลี่ยนเลนในความเร็วสูงทำได้ดี
All New MAZDA3 MAXX ในราคา 1,064,000 บาท เป็นรถสปอร์ตที่อยู่ในคราบซีดาน เหมาะมากครับ สำหรับคนรักการขับขี่ในแนวสปอร์ต แต่ยังต้องการฟังก์ชันการใช้งานในแบบซีดานอยู่ หากสนใจลองเข้าไปชมที่โชว์รูม MAZDA ทั่วประเทศครับ
http://www.youtube.com/watch?v=2vw9E2mwTbU
https://www.youtube.com/watch?v=21hLeNmOYK0
บทความแนะนำ
New MAZDA 3 1.6 Spirit Sport 5 Door ตอนที่ 1 Overview
New MAZDA 3 1.6 Spirit Sport 5 Door ตอนที่ 2 Interior