ตะลุยกว่าพันห้าร้อยโค้ง…ท่องเที่ยวปาย
ไปกับ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์”
“ปาย” อำเภอเล็กๆ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน สถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในใจใครหลายๆ คนที่ยังคงเสน่ห์น่าดึงดูดอยู่เสมอ ในช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้อีซูซุจึงชวนสื่อมวลชนตะลุยปายสัมผัสธรรมชาติที่ยังคงความสวยงามเขียวชอุ่ม กับคาราวาน “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” บนส้นทางเชียงใหม่ – ปาย อันแสนคดเคี้ยว รวมเบ็ดเสร็จไป – กลับกว่าพันห้าร้อยโค้งเพื่อสัมผัสบรรยากาศ การเดินทางในครั้งนี้จึงต้องพร้อมทั้งผู้ร่วมเดินทางและรถสมรรรถนะเยี่ยม
สมาชิก 33 ชีวิตเริ่มต้นเดินทางกับขบวนคาราวาน “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” 10 คัน จากโชว์รูมอีซูซุเชียงใหม่เซลส์ สาขาดอนจั่น จ.เชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่อำเภอแม่ริม แวะรับประทานอาหารกลางวันแสนอร่อยในบูติกรีสอร์ทสุดน่ารัก ณ พราวภูฟ้ารีสอร์ท จากนั้นจึงใช้ทางหลวงหมายเลข 1095 หรือที่เรียกโดยทั่วไปว่าเส้นทางสายแม่มาลัย-ปาย ถนนลาดยางอย่างดีตลอดสายตัดจากอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ถึง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งแม้จะช่วยย่นระยะทางให้เหลือเพียง 245 กม. แต่ก็ยังต้องใช้เวลามากกว่า 3 ชั่วโมงจัดการกับ 762 โค้ง เพราะตลอดเส้นทางจะได้พบกับเครื่องหมายจราจรเกือบครบทุกแบบ ไม่ว่าจะ “โค้งตัว S” “โค้งอันตราย” หรือ “โค้งหักศอก” นับเป็นเส้นทางหฤโหดเส้นทางหนึ่ง ซึ่งผู้ขับจะได้สนุกสนานกับการประลองกำลังของรถ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ในการปีนไต่ขึ้น-ลงเขา ความหนึบของช่วงล่างในการเกาะถนนที่ขึ้นชื่อของอีซูซุ ความไวและคล่องตัวของพวงมาลัย รวมถึงจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่ลื่นไหล ในขณะที่สมาชิกในรถคนอื่นๆ นอกจากจะได้เพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์เขียวชอุ่ม งดงามของยอดดอยที่สูงลดหลั่น และท้องนาข้าวที่เขียวขจี ยังได้เรียนรู้ที่จะเหวี่ยงตัวตามความโค้งของถนน ผสมกับการดมยาดมและกินของเปรี้ยวเป็นพักๆ อีกด้วย
ก่อนถึงตัวเมืองปาย ขบวนหยุดแวะเรียกความสดชื่นเป็นรางวัลหลังผ่าน 762 โค้งกันที่ “Coffee in love” ร้านกาแฟชื่อดังตรงหลัก กม.ที่ 95 ซึ่งใครที่ผ่านไปมาเป็นต้องสะดุดกับป้ายชื่อร้านขนาดบิ๊กบึ้มที่กลายเป็นมุมถ่ายรูปยอดนิยมของคนที่มาเที่ยวปายไปแล้ว เป็นการจิบเครื่องดื่ม ชิมขนมเค้กแกล้มวิวปายแบบพาโนรามาในช่วงฝนตกพรำ จากนั้นจึงเคลื่อนขบวนสู่โรงแรมโยมาที่พักในค่ำคืนนี้ ซึ่งตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำปาย เงียบสงบชวนให้น่าพักผ่อนยิ่งนัก แต่สำหรับขาช้อปที่หายมึนกับการเดินทางแล้ว ทางโรงแรมมีจัดรถรับ-ส่งให้ไปออกกำลังขาที่ถนนคนเดิน ก่อนกลับมารับประทานอาหารค่ำกลางแจ้งในบรรยากาศโรแมนติก ซึ่งไม่เพียงมีเมนูอร่อยล้ำขึ้นโต๊ะแล้ว ยังได้สนุกกับการเลือกชิมอาหารคาวหวานแบบฉบับกาดมั่ว อาทิ ข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวปุกงา เป็นต้น เป็นการเติมพลังก่อนไปเดินย่อยเพลิดเพลินที่ถนนคนเดินกันอีกรอบ ที่แม้จะเหงาไปบ้างเนื่องจากไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์แต่ก็ยังเปี่ยมเสน่ห์ในแบบของปาย จนได้ของติดไม้ติดมือกันคนละหลายถุง
ตื่นเช้ารับวันใหม่ด้วยอากาศที่เย็นสบาย หลังอิ่มท้องกับอาหารเช้าเป็นที่เรียบร้อย ขบวนคาราวานก็ออกเดินทางไปยัง “วัดน้ำฮู” อยู่ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 3 กิโลเมตรเพื่อนมัสการหลวงพ่ออุ่นเมือง พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองปาย อายุประมาณ 500 ปี พระพุทธรูปองค์นี้มีลักษณะพิเศษคือ พระเศียรกลวง ส่วนบนเปิดปิดได้ จึงมีน้ำขังอยู่และซึมออกมาตลอดเวลา ส่วนด้านหลังมีองค์พระเจดีย์ ตามประวัติเล่าว่า พระสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างเพื่อบรรจุพระอัฐิของพระพี่นางสุพรรณกัลยา จากนั้นจึงไปต่อที่ “หมู่บ้านสันติชล” หรือศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนนาน ซึ่งห่างออกไปราว 2 กิโลเมตร พื้นที่ที่เคยถูกมองว่าเป็นสีแดง เขตค้ายาเสพติดของว้าแดงมาก่อน ณ วันนี้รอต้อนรับผู้มาเยือนด้วยบ้านดินสีสวยที่มีหลังคามุงใบตองตึง ภูมิปัญญาล้ำลึกของช่างโบราณดั้งเดิมของชาวยูนนานที่ต้องการให้บ้านเป็นที่อบอุ่นในฤดูหนาว และเย็นสบายในฤดูร้อน โรงเตี้ยมที่เปิดให้เช่าพักค้างคืน ร้านจำหน่ายใบชา และร้านจำหน่ายของที่ระลึกสไตล์จีน แต่ที่โดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ท่ามกลางฟ้าใส คือ ชิงช้าไม้กลางหมู่บ้านที่ดึงดูดให้หลายๆ คนท้าประลองความหวาดเสียวด้วยกลไกง่ายๆ และแรงคนผลัก รอบๆ หมู่บ้านจะมีร้านอาหารจีนยูนนานให้เลือกอิ่มอร่อย พวกเราจึงไม่พลาดที่จะลิ้มลอง หนึ่งในเมนูเด็ดที่ใครๆ ก็ต้องสั่งคือ ขาหมู-หมั่นโถว รสชาติแบบฉบับดั้งเดิมของชาวจีนยูนนาน ประกอบด้วยหมั่นโถวร้อนๆ แป้งนุ่มแน่น เคี้ยวเพลิน เข้ากันได้ดีกับรสชาติของขาหมูรสกลมกล่อม เนื้อยุ่ย อร่อยจนต้องยืนยันอีกครั้งว่า ห้ามพลาด
ในช่วงขากลับยังได้แวะเที่ยว “อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง” แหล่งชมวิวทางธรรมชาติ และทะเลหมอกที่งดงามและมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งเป็นโชคดีของสมาชิกคาราวานเพราะดูเหมือนว่าสายหมอกยังคงอ้อยอิ่งรอพร้อมกับกระแสลมเย็นจนสาวๆ ต้องดึงผ้าพันคอมาห่มกาย เตือนให้นึกรู้ว่า ต้นฤดูหนาวกำลังจะมาเยือนแล้ว ก่อนที่จะจำใจลาขับรถ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ลุยกว่า 700 โค้งย้อนกลับทางเก่า ซึ่งแม้ว่าถนนจะแคบและมีรถสวนตลอดเส้นทาง แต่ได้เห็นข้อดีของการเดินทางในรูปแบบคาราวานอย่างเด่นชัด นั่นคือ มีความปลอดภัยสูงกว่าการลุยเดี่ยว เนื่องจากรถคันหน้ามีการแจ้งข้อมูลและอุปสรรคบนเส้นทางให้รถคันหลังทราบเป็นระยะ ช่วยให้กำหนดวิธีขับและระยะการแซงได้ดี ทำเวลาถึงตัวเมืองเชียงใหม่ได้เร็วกว่าที่คิด หลังจากนำรถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ทั้ง 10 คันไปส่งคืนยังโชว์รูมอีซูซุที่เดิม พวกเราจึงไปเพลินกับบรรยากาศริมแม่น้ำปิง ณ ร้านกาแฟวาวีฮิมปิง ก่อนเคลื่อนพลไปยังร้านอาหารสวนผักซึ่งอยู่ใกล้สนามบินเชียงใหม่เพียง 500 เมตรจนอิ่มท้องและได้เวลาขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ อย่างมีความสุขและแสนคุ้มค่า แม้ต้องฝ่าฟันถึง 1,500 โค้งก็ตาม