TOYOTA Royal Kathin Caravan LAO Part 2
หลังจากพักผ่อน ดื่มด่ำบรรยากาศของ “เมืองวังเวียง” กันแบบชุ่มปอดทั้งในยามหลับ และยามตื่นที่มีแต่ โอโซนอันบริสุทธิ์ แต่ภารกิจของ “คณะโตโยต้าคาราวานทอดกฐินพระราชทาน” ยังไม่ถึงจุดหมาย วันนี้เราวางแผนการเดินทางเอาไว้ 250 กม. เพื่อไปให้ถึงเมืองโพนสะหวัน แขวงเชียงขวาง
วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน ทุกท่านพร้อมออกเดินทางกันเวลา 8.00 น. แต่สภาพอากาศไม่เป็นใจอย่างมาก ฝนตกโปรยปรายลงมาแบบต่อเนื่อง ทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับมากขึ้น เพราะเส้นทางเป็นการขึ้นลง – เขาชัน iAMCAR กับ PR TOYOTA ก็ยังอยู่ในรถ Vigo Champ เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ขับเคลื่อน 2 ล้อ เช่นเดิม ระหว่างการเดินทางถนนลื่นมากๆ แถมยังมีตัวแปลที่สามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุเยอะมาก ทั้งวัวที่เดินข้ามถนนไปมา เด็กเล็กๆ ที่ออกมาโบกมือให้คณะคาราวานจนตัวเลยออกมานอกถนน แล้วก็เกิดเหตุจนได้ “วัวเจ้ากรรม” ดันวิ่งมาชน “รถ Ambulance” ซึ่งเป็นคันสุดท้ายของขบวนทำให้หม้อน้ำรั่ว จึงทำให้รถในขบวนต้องหยุดพักการเดินชั่วขณะ เพื่อให้รถ Service ที่มีทีมดูแลฝีมือขั้นเทพคอยซ่อมบำรุง ใช้เวลาเพียงครึ่งชม. “รถ Ambulance” ก็สามารถเดินทางต่อได้อย่างสบาย เมื่อเสียเวลาไปในการซ่อมแซม ทำให้ทั้งขบวนต้องเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก แม้จะเป็นโค้งหักศอก บวกกันถนนลื่นด้วย แถมทัศนะวิสัยเริ่มมีหมอกลงหนามาก เพราะเรากำลังขับอยู่บนเทือกเขาภูคูณ ที่เปรียบได้กับทางไป อ.ปาย ประเทศของเรา แต่สมรรถนะของเจ้า Vigo Champ ในด้าน “การเกาะถนน” ก็สามารถสำแดงฤทธิ์ พาเราผ่านโค้งได้อย่าง ชิว..ชิว ใกล้เที่ยงก็ใกล้ถึงจุดหมายร้านอาหาร “พูคูนเพียงฟ้า” ที่ใครเดินทางผ่านเทือกเขาภูคูณ ก็ต้องแวะทานอาหารเที่ยงที่นี่ ความโดดเด่นของร้านต้องยกให้บรรยายกาศมากกว่าอาหาร เพราะสามารถชมวิวทิวทัศน์ได้โดยรอบ 360 องศา เราดื่มด่ำบรรยายกาศได้เพียง 5 นาที ก็ต้องเดินทางกันต่อ เพื่อไปชมทุ่ง “ไหหิน ” เมืองโพนสะหวัน เชียงขวาง
ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก “ทุ่งไหหิน” เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ ทำขึ้นเพื่อพิธีกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยคนลาวเชื่อว่าในสมัยก่อนเจ้าเมือง ต้องการเฉลิมฉลอง หรือต้องการหมักเหล้าจำนวนมาก จึงทำขึ้นจากการแกะสลักหินทรายให้เป็นรูปไห และมีฝาปิดมิดชิด ทำไว้เพื่อหมักเหล้า ดูจากตำแหน่งที่ตั้งของทุ่งไหหินจะมีแหล่งน้ำไหลผ่าน ซึ่งการหมักเหล้าก็ต้องใช้น้ำเป็นหลัก และเมื่อหมักเหล้าในระยะเวลานานจึงได้กลายเป็นหินในที่สุด หรืออีกอย่างตามที่ไกด์ท้องถิ่นเล่าให้ฟังก็คือ “เอาไว้เก็บศพ” ครับ หลังจากเที่ยวชมบรรยายกาศจนอิ่มแอม คงได้เวลาไป “ทำดี” ตามที่ โตโยต้าคาราวานทอดกฐินพระราชทานทุกคนในขบวนตั้งใจ โดยเราไปต่อกันที่ วัดสันติพาบ บ้านโพนสะหวัน
เพื่อร่วมพิธีคบงัน งานสมโภช โดยมีพระสงฆ์ 9 รูปร่วมสวดพระปริตร เพื่อตั้งองค์กฐิน พร้อมทางสมาคมมารับมอบเงินกฐินจาก คุณจักริน ชลนทีทร รองผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ สปป.ลาว บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นจำนวนเงิน 50,000,000 กีบ
ยอดเงินบริจาคทั้งหมด ในงานกฐินพระราชทาน ระหว่างวันที่ 23-26 พฤศจิกายน 2555 | ||||||
ลำดับที่ | รายนามผู้บริจาค | จำนวนเงิน | สกุลเงิน | ยอดเงินแปลงเป็นไทย | หมายเหตุ | |
1 | ขบวนคาราวานทั้งหมด | 114,300,000.00 | กีบ | 407,493.80 | บาท | |
-บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด | 50,000,000.00 | กีบ | 178,256.30 | บาท | ฉลองครบรอบ 50 ปี | |
-บริษัท โตโยต้า ลาวธานี จำกัด | 5,000,000.00 | กีบ | 17,825.60 | บาท | ||
-บริษัท ลาวโตโยต้า บริการ จำกัด | 20,000,000.00 | กีบ | 71,302.50 | บาท | ฉลองครบรอบ 20 ปี | |
-บริษัท โตโยต้าลาวสะหวัน จำกัด | 25,000,000.00 | กีบ | 89,128.10 | บาท | ||
-บริษัท โตโยต้าจำปา จำกัด | 5,300,000.00 | กีบ | 18,895.20 | บาท | ||
-คณะผู้ร่วมคาราวาน โตโยต้า | 9,000,000.00 | กีบ | 32,086.10 | บาท | ||
2 | สถานฑูตไทย ประจำประเทศต่างๆ | 4,358,029.00 | บาท | |||
3 | ชาวบ้านที่มาร่วมงาน | 5,049,000.00 | กีบ | 18,000.30 | บาท | |
ชาวบ้านที่มาร่วมงาน | 1,256.00 | ดอลล่า | 37,953.80 | บาท | ||
ชาวบ้านที่มาร่วมงาน | 160 | ยูโร | 6,811.60 | บาท | ||
ชาวบ้านที่มาร่วมงาน | 1000 | ดอง | 1.40 | บาท | ||
ชาวบ้านที่มาร่วมงาน | 1 | หยวน | 4.60 | บาท | ||
ยอดรวมเป็นเงินไทยทั้งสิ้น | 5,235,788.30 | บาท | ||||
|
หลังจาก “อิ่มอกอิ่มใจ” ในการทำกุศลร่วมกันแล้ว เราก็เข้าสู่โหมดของงานรื่นเริง ซึ่งจัดขึ้นที่กลางเมืองโพนสะหวัน โดยมี แคทรียา มารศรี นักร้องจากเมืองไทยมาให้ความบันเทิง ต้องบอกว่างานนี้ได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลามจากผู้ชมทั่วเมือง โดยยต่างหลั่งไหลมาชมกันเพียบ และหลังจากคอนเสิร์ตจบลง บรรดาวัยรุ่นชาย หญิง ทั่วเมือง พร้อมมอเตอร์ไซด์คู่ก็แว๊นกันไปทั่วเมือง ผมเลยลองถามวัยรุ่นท้องถิ่นดูว่า ไปไหนกันต่อ เค้าบอกว่าจะไปรวมตัวกันที่ “ต้นไผ่ ผับ” แต่เป็นที่น่าผิดหวังอย่างยิ่ง เพราะ “ไฟตก” ทำให้เปิดเพลงไม่ได้เลยต้องแยกย้ายกลับที่พัก แต่ก่อนจะกลับเราแวะทานอาหารเลื่องชื่อของเมืองสักหน่อย เป็น “นกกระจาบทอด” ซึ่งทานแล้วผมว่ากลับไปทานไก่เช่นเดิมจะดีกว่า สุดท้ายของค่ำคืนเราก็กลับไปนอนที่ XIENG KHOUANG HOTEL แต่อุปสรรคก็ยังเกิดต่อ เพราะไฟฟ้าชั้นที่ผมนอนดับ เลยทำให้ผมต้องไปนั่งจิบ “เบยลาว” ที่ล็อบบี้ถึงตี 1 กว่า ถึงจะได้ไปอาบน้ำนอนครับ