TOYOTA Royal Kathin Caravan LAO Part 3
เริ่มต้นวันแห่งความทรงของ “โตโยต้าคาราวานทอดกฐินพระราชทาน” วันนี้เป็นวันที่เราจะได้เป็นส่วนหนึ่ง แห่งหน้าประวัติศาสตร์ที่จะเชื่อมสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทย และ ลาว ในการทอดกฐินร่วมกัน พร้อมทั้งพิสูจน์สมรรถนะของ TOYOTA Fortuner และ Vigo Champ เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ในเส้นทางสุดโหด พร้อมข้ามแม่น้ำซันลึกกว่าเมตร
วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน ทุกๆ ท่านในคาราวาน 40 คัน ตั้งขบวนที่หน้าโรงแรม เพื่อมุ่งหน้าไป 32 กม. ถึง วัดสีพม เมืองคูน ภาพความประทับใจแรกที่ผมเห็น คือ ขบวนคาราวานที่มีแต่รถ TOYOTA กว่า 40 คัน วิ่งเรียงลัดเลาะไหล่เขาไปอย่างช้าๆ ซึ่งมันงดงามในความรู้สึกผมมาก และทุกท่านที่อยู่ในรถ ก็มีทั้งเชื้อชาติไทยและเชื้อชาติลาว แต่ทุกคนต่างมีจุดหมายเดียวกันคือ “ทำดี” ตลอดระยะทาง 32 กม.สุดท้ายก่อนถึงวัด มีชาวบ้านออกมาร่วมทำบุญฝากของ ฝากเงิน ฝากอาหารไปถวายวัดตลอดเส้นทาง
แต่ก่อนถึงวัดสีพม 1 กิโลเมตร มีชาวบ้านแต่งชุดพื้นเมืองมาคอยต้อนรับตลอด 2 ข้างทาง สร้างความประทับใจแก่พวกเราอย่างมาก
คณะโตโยต้าคาราวานทอดกฐินพระราชทานต่างลงจากรถ เดินเข้าวัดกันพร้อมหน้าตา และได้เวลาที่ขบวนกฐินเข้าสู่วัด โดยประธานในพิธี คือ เอกอัครราชทูตไทย ประจำสปป.ลาว คุณพิษณุ จันทร์วิทัน และ นายกสมาคมไทย-ลาวเพื่อมิตรภาพ ดร.วีระพงษ์ รามางกูร และ คุณจักริน ชลนทีทร รองผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ สปป.ลาว บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด นำขบวนแห่กฐินวนรอบโบสถ์ 3 รอบ ก่อนจะนำถวายวัด ในงานบุญทอดกฐินครั้งนี้ต้องบอกว่าเป็นที่สนใจของสื่อมวลชน สปป ลาว มาก เพราะผมได้มีโอกาสเจอ พิธีกรรายการดังช่อง ลาวสตาร์ ” น้องน้ำฝน ” เลยได้แลกเปลี่ยนทัศนะคติในด้านการเป็นสื่อมวลชนกันเล็กน้อย ก่อนทั้งคณะจะรับประทาน “เฝอ” ร่วมกันด้วยความประทับใจ
กว่าจะเสร็จพิธีก็บ่ายกว่าเข้าไปแล้ว เราเหลือระยะทางอีก 390 กม. กว่าจะถึง “เวียงจันทร์” เส้นทางแม้จะเป็นเส้นทางตัดใหม่ ถนน 1D มุ่งหน้าเมืองปากซัน แขวงบอริคำไชย แต่ก็ยังตัดไม่เสร็จยังเป็น “ดินแดงๆ” และเป็นหลุมเป็นบ่อ เส้นทางเป็นโค้งหักศอกแล้วยังเป็นเป็นภูเขาอีก และเมื่อคุณพลาดตกเหวทันที เพราะไม่มีอะไรขวางกั้นระหว่างถนนกับเหว ดังนั้นก่อนออกเดินทางผมให้ทีม Service ระดับเทพลดลมยางลงเหลือ 32 ปอนด์ เพื่อให้นิ่มนวลและเกาะถนนมากขึ้น ระบบเบรกดีขึ้นด้วย ทำให้การเข้าโค้งต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้น
แต่แล้วเวลาระทึกใจก็มาถึง เราต้องย่นเวลา โดยการข้ามแม่น้ำซัน ซึ่งปกติแล้วจะต้องข้ามด้วยแพยนต์ แต่การข้ามด้วยแพยนต์ใช้เวลานานมาก โดยรถ 2 คันใช้เวลา 20 นาที ทั้งขบวนจึงตัดสินใจขับรถข้ามแม่น้ำซันที่ลึกกว่าเมตรด้วยการ “ลุยข้ามแม่น้ำ ” ทั้ง TOYOTA Fortuner เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ขับเคลื่อน 2 ล้อ และ Vigo Champ เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ขับเคลื่อน 2 ล้อ ลุยผ่านแม่น้ำอย่างไม่ยากเย็นนัก คันของผมเป็น Vigo Champ เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ขับเคลื่อน 2 ล้อ ตัวผมทำแค่ปิดแอร์ เปลี่ยนใส่เกียร์ L แล้วก็ดูไลน์ ขับความเร็วคงที่ไม่เร็วหรือช้าเกินไป น้ำที่ลึกปลิ่มฝากระโปรงหน้ารวมถึงกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ทำให้ตัวรถไหลตามกระแสน้ำไปอยู่บ้าง แต่ผมใช้การแต่งพวงมาลัย พร้อมใช้คันเร่งในจังหวะที่เหมาะสมทำให้พิชิตแม่น้ำซันได้ไม่อยาก คณะคาราวานสื่อไทยผ่านไปได้ทั้ง 14 คัน
แต่รถในคาราวานของลาว ที่มีผู้ดูแลทริปสาวสวย “คุณปาล์ม” จาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เกิดจมน้ำไป 1 คัน จากการที่ได้สัมภาษณ์ผู้ประสบเหตุ “คุณปาล์ม” บอกกับผู้สื่อข่าวอย่างพวกเราว่า “พอดีทางผู้ขับขี่ไม่ชินกับการขับลุยน้ำลึกขนาดนี้ ทำให้ดูไลน์ในการลุยน้ำไม่เป็น พร้อมกันนั้นในขณะที่ตัวรถจมน้ำผู้ขับขี่ตกใจ เข้าเกียร์ถอยหลังเหยียบคันเร่งเพิ่มทำให้น้ำเข้ากรองอากาศเครื่องน็อคเป็นที่เรียบร้อย แต่สถานการณ์ภายในรถไม่จบเท่านั้น น้ำยังคงทลักเข้าไปภายในห้องโดยสารมากขึ้นเรื่อยๆ จน “คุณปาล์ม” ต้องหนีขึ้นมายืนบนเบาะนั่งแล้วเธอก็ยังไม่รอดที่จะต้องเปียกอยู่ดี แต่ไม่นานทีม Service “วินซ์ลากรถ” ก็ลากรถคันที่จมขึ้นมาอย่างปลอดภัยครับ ทำให้เราต้องเสียเวลาให้ทีม Service ซ่อมแซมรถคันที่จมเพื่อให้ขับต่อได้ แต่คณะสื่อไทยได้แสดงถึง “น้ำใจ มิตรภาพที่ดีต่อกัน” ในการรอไปด้วยกัน พร้อมทั้งแสดงถึง “ศักยภาพอันสุดยอด” ของทีม SERVICE PR TOYOTA ที่สามารถซ่อมจนรถสามารถขับต่อไปได้
ใกล้ค่ำเข้าไปทุกทีขบวนรถของเราเพิ่มความเร็วในเส้นทางเข้าไปอีก เพื่อไปทานอาหารเย็นในทัน 2 ทุ่มที่ริมแม่น้ำโขงเมืองเวียงจันทร์ เมื่อถึงถนนหมายเลข 13 ขึ้นเหนือสู่เวียงจันทน์จะเป็นถนน 2 เลนตรงๆ ทำให้เราสามารถเพิ่มความเร็วได้ แต่ถนนมืดมากรถมอเตอร์ไซด์ส่วนใหญ่ก็ไม่มีไฟท้าย ทำให้เราขับลำบากมาก แถมยังต้องแซงรถช้าที่มีมากเพราะเป็นเส้นทางหลักในการไปเวียงจันทร์ แต่เราก็สามารถถึงที่หมายได้ตามเวลาที่กำหนดทุกคันอย่างปลอดภัย พร้อมรับประทานอาหารร่วมกัน
คืนสุดท้าย ณ สปป ลาว แม้ร่างกายจะเริ่มเหนื่อยแต่ใจยังมุ่งหน้าสู่ผับดังเมืองเวียงจันทร์ “มารีน่า” คอนเฟิร์มเรื่องคนแน่นร้าน เปิดเพลงทันสมัยแต่อาจจะปรับบีทให้เร้าอารมณ์กว่าบ้านเราสักหน่อย เรื่องราคายังมาตรฐานเดิม “เบยลาว” 100 บาท แต่ผมขอบอกก่อนนะครับถ้าจะทาน Red label อย่าสั่งพนักงานเสิร์ฟแบบผม ผมสั่งว่า “Red label 1 ขวดน้อง” พนักงานตอบมาทันที “บ่มีอ้าย” กว่าผมจะรู้ว่าต้องสั่งว่า “JOHNNIE WALKER แดง” ผับก็จะปิดอยู่แล้ว ดังนั้นเราไปต่อผับอื่นกันดีกว่า ผับต่อมาชื่อ “ดาวคำ” จะเป็นผับใต้ โรงแรมดาวคำ ที่มีบรรยายกาศไม่ต่างจากผับในบ้านเราสาวๆ งามๆแบบใสๆ ใส่ ผ้าซิ่นลาวกับเสื้อที่ติดกระดุมถึงคอมาเที่ยวผับตืด เต้นเพลง “gangnam style” อย่าง“เมา” และ “มันส์” มองนาฬิกาอีกที่ตี 2 เริ่มหิวผมจึงแวะทานติ่มซำและก๋วยเตี๋ยวเป็ด ซึ่งไม่ว่าคุณจะสั่งแห้งหรือน้ำ เส้นใหญ่ เส้นเล็ก เกาเหลา คุณก็จะได้เหมือนกัน คือ “เส้นมาม่าเป็ดน้ำ” แต่ร้านนี้มีดีตรงที่สาวๆ สวยๆ ตรึม โดยจะมานั่งรวมตัวกันหลังผับเลิก อิ่มแล้วได้เวลากลับโรงแรมนอนครับ
วันสุดท้ายของทริปก่อนจะเดินทางกลับ เราเก็บภาพความประทับใจ ณ ประตูชัย เวียงจันทร์ ก่อนขับรถอีก 60 กม. เพื่อกลับไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน เก็บความประทับใจทั้งหมดตั้งแต่ขับรถเข้า สปป ลาว จนถึงกลับเข้าประเทศไทย มันวิเศษเหลือล้นทั้ง “มิตรภาพระหว่างไทยลาว การได้ร่วมทำดีทอดกฐินพระราชทาน และได้ขับรถสมรรถนะดีๆ ในเส้นทางสวยๆ ” iAMCAR ต้องขอบคุณ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่ให้โอกาสเราได้ร่วมทริปแห่งความทรงจำเช่นนี้ รวมถึง คุณปาล์ม คุณบี Lao Operation Department Toyota Motor Thailand ที่ดูแลเราตลอดเส้นทาง ที่ขาดไม่ได้ต้องขอบคุณ ทีม Service และ รถ Ambulance ที่คอยช่วยเหลือเรายามฉุกเฉินตลอดเส้นทางครับ