honda collection hall Part 3

โพสต์เมื่อ 5 มีนาคม 2013 เวลา 15:56 น. หมวดหมู่: ท่องเที่ยว โดย ป๋าซุ่ม..ขยุ้มหัวใจ

honda collection hall

ชั้นที่ 3 เส้นทางแห่งความเร็วของฮอนด้า

ขึ้นบันไดมาอีกชั้นเป็นมอเตอร์สปอร์ตโซนซึ่งแบ่งเป็น 2 โซน คือ มอเตอร์ไซด์และรถยนต์ ผมของพาไปชมตำนานมอเตอร์ไซด์ก่อน Soichiro Honda ออกไปทำการแข่งขันในปี 1959 เป็นครั้งแรกในรายการ The Isle of Man TT ซึ่งเป็นการแข่งขันรถจักรยานยนต์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ต่อมาในปี 1961 ฮอนด้าปรับแต่งโครงสร้างของรถแข่งใหม่ ทำให้ได้ชัยชนะใน Grand Prix รุ่น 125 และ 250 ซีซี

หลังจากนั้นฮอนด้าก็เป็นที่รู้จักในการแข่งขันจักรยานทั่วโลก โดยมีเอกลักษณ์ของรถแข่งที่ การออกแบบเพรียวบางทันสมัย และ ฮอนด้าสามารถพัฒนาเครื่องยนต์ที่แปลกใหม่เช่นเครื่องยนต์ 5 สูบ สามารถลากรอบเครื่องยนต์ได้สูงถึง 22,000 รอบต่อนาที, เครื่องยนต์มอเตอร์แบบ 6 สูบ ส่วนในรุ่น 250 ซีซี.ถือว่าเป็นรถแข่งที่มีสมรรถนะสูง ต่อมาในปี 1979 รายการมอเตอร์ชิงแชมป์โลก Grand Prix เปลี่ยนกฎเครื่องยนต์เป็น 4 สูบ 500 ซีซี. ฮอนด้าจึงพัฒนา NR500 จนสามารถสร้างชื่อบนเวทีในเวลาไม่นาน ส่วนในโซนนี้มีรถแข่งมากมายที่จอดเรียงรายทั้ง วิบาก ทางเรียบ ตั้งแต่สมัยแรกๆ จนถึงปัจจุบัน

มาต่อกันในโซนสุดท้ายเป็นมอเตอร์สปอร์ตโซนของรถยนต์ ทางฮอนด้า ได้เข้ามาในวงการรถสูตรหนึ่ง ครั้งแรกใน ฤดูกาล 1964 ที่ เยอรมันกรังด์ปรี รถแข่งหมายเลข 20 นักแข่ง คือ Ronnie Bucknam จากนั้นมา Richie Ginther พาทีมชนะเป็นครั้งแรกที่ Mexican Grand Prix หลายปีต่อมาฮอนด้าพัฒนาการเครื่องยนต์ด้วยการใช้เทอร์โบเพื่อทำการแข่งขันในรายการ IndyCar ทั้งหมดนี้เป็น เพียงแค่ประวัติยุคต้นๆ เท่านั้น เพราะจะให้เล่าจนถึงปัจจุบันคงใช้เวลาหลายวัน รถที่มาโชว์ภายในโซนนี้มีทั้งรถ F1, F2, Civic, Accord, NSX และเครื่องยนต์ทุกๆ รุ่นที่เคยใช้ทำการแข่งขัน

หลังจากเดินชมนวัตกรรมการพัฒนาฮอนด้าที่ Honda Collection Hall มากว่า 2 ชม. ต้องบอกว่าคำกล่าวของ มร. โซอิชิโร่ ฮอนด้า ที่เคยกล่าวไว้ว่า “สิ่งที่คนอื่น ๆ เห็นในความสำเร็จของผมมีเพียง 1 % แต่ที่เขาไม่เห็นอีก 99% ของความล้มเหลวของผม” ทำให้ผมเองคิดได้ว่า “ผู้ชายหนึ่งคนที่มีความฝันเป็นที่ตั้ง ไม่ท้อถอยต่อความผิดหวัง สามารถแสดงพลัง 1% อันยิ่งใหญ่ออกสู่สายตาทุกคู่บนโลกได้อย่างสง่างาม” สุดท้ายขอขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่พา iAMCAR ไปรู้จักกับคำว่า “DREAM”