Test Drive All-new HONDA Accord
เปิดตัวมาเดือนกว่าๆ สำหรับ All-new HONDA Accord ใน Generation ที่ 9 ได้รับการตอบรับที่ดี ในเวลาเพียง 1 เดือนสามารถสร้างยอดจองได้มากถึง 6,000 คัน เพื่อเป็นการตอกย้ำสมรรถนะความเป็น Accord ทาง บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จึงจัดการทดสอบแบบสุดหรู ทั้งในรุ่น 2.0 และ 2.4 ลิตร ในเส้นทางอันงดงามที่มีเสน่ห์ของภาคใต้ ระหว่างจังหวัดพังงา-ระนอง ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร
เมื่อสื่อมวลชนทุกๆ ท่าน บินลัดฟ้ามาพร้อมหน้าพร้อมตา ณ โรงแรม เลอ เมอริเดียน สปา แอนด์ รีสอร์ท เขาหลัก จังหวัดพังงา การบรรยายข้อมูลผลิตภัณฑ์โดยทีมวิศวกรจากญี่ปุ่น และผู้บริหาร คุณสมภพ ปฏิภานธาดา ผู้จัดการส่วนงานการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถ การทดสอบก็เริ่มต้นขึ้น iAMCAR เอง เริ่มต้นด้วยรุ่น 2.4 ลิตรก่อน รุ่นนี้เป็นรุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยีมากมาย ความโดดเด่นมีอยู่หลายจุดตั้งแต่การลดขนาดตัวถังลงเพื่อความคล่องตัวในการขับขี่ แต่ยังคงความกว้างขวางของห้องโดยสารเอาไว้เท่าเดิม และโครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ G-CON ที่ให้ความปลอดภัยสูง
แต่ในการทดสอบครั้งนี้ผมขอไปเน้นที่สมรรถนะการขับขี่และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เมื่อออกเดินทางความสบายจากเบาะนั่งทำหน้าที่สะท้อนความรู้สึกดีๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่สัมผัส ระบบเครื่องปรับอากาศแบบแยกฝั่งซ้าย-ขวาสำหรับเบาะหน้า พร้อมฮาร์ดดิสก์สำหรับบันทึกไฟล์เพลง (HDD Audio) และเป็นพื้นที่สำหรับจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ของระบบนำทางเนวิเกเตอร์เชื่อมต่อด้วยดาวเทียม ผมค่อยๆ ลองใช้งานฟังก์ชั่นใหม่ๆ ไปที่ละจุด เริ่มจากระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบมีกล้องที่ติดตั้งอยู่ที่ด้านใต้ของกรอบกระจกมองข้างฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า เพื่อนำภาพที่อยู่ทางด้านหลังของบริเวณตัวรถฝั่งซ้ายมาขึ้นฉายบนหน้าจอของระบบอัจฉริยะ Multi-Information Display (i-MID) ระบบนี้ง่ายต่อการใช้งาน เพียงแค่คุณเปิดไฟเลี้ยวซ้ายระบบจะทำงานทันที พร้อมทั้งมีกล้องส่องหลังแบบ Multi-Angle แสดงภาพด้านหลังจาก 3 มุม คือ มุมกว้าง มุมปกติ มุมมองจากด้านบน และมีแนวเส้นเพื่อให้คุณสามารถรับทราบถึงระยะที่เหมาะสมและปลอดภัยทุกครั้งเมื่อคุณใส่เกียร์ “R”
ต่อด้วยซันรูฟเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าด้วยการกดเพียงครั้งเดียว พร้อมความปลอดภัย Auto Reverse ซึ่งซันรูฟจะเลื่อนถอยหลังกลับหากตรวจพบว่ามีสิ่งกีดขวางการปิดของกระจก
ขยับมาที่พวงมาลัยจะเห็นได้ว่ามีขนาดเล็กลงสามารถปรับได้ 4 ทิศทาง ทำให้การจับถนัดมือขึ้นมาก พร้อมด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) สามารถใช้ในตำแหน่งเกียร์ D หรือ S ชุดโปรแกรม Special Transmission Logic สามารถควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ขึ้น-ลง เมื่อคุณสั่งงานผ่าน Paddle Shift ชุดส่งกำลังจะมีการตอบสนองตามคำสั่งของคุณอย่างฉับไวด้วยการเลือก 1 ใน 5 อัตราทดเกียร์ ในกรณีที่คุณไม่ได้กดปุ่มเปลี่ยนเกียร์อย่างต่อเนื่องในระยะเวลาอันสั้น ระบบจะปรับการทำงานให้กลับไปสู่รูปแบบขับอัตโนมัติเหมือนปกติ แต่เมื่อคุณใช้โหมด S การใช้งานของ Paddle Shift จะส่งผลให้การทำงานของเกียร์เป็นเกียร์ธรรมดาอย่างเต็มตัว สามารถลากรอบเครื่องยนต์ได้ดั่งใจ แต่เมื่อถึง Red Line ระบบจะตัดเกียร์ขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันความเสียหายของเครื่องยนต์ และมีการเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำสู่ตำแหน่งที่เหมาะสมในกรณีที่มีความจำเป็น
นอกจากนี้บนพวงมาลัยยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control (ACC) ซึ่งจะมีการปรับระดับความเร็วของตัวรถให้เหมาะสม ด้วยการเว้นระยะห่างจากท้ายของรถคันหน้า เพื่อความปลอดภัยในขณะขับขี่ ที่คำนวนระยะห่างจากสิ่งกีดขวางจากเรดาห์ พร้อมทั้งมีระบบเตือนการชนด้านหน้าด้วยเรดาห์พร้อมระบบช่วยเบรก Collision Mitigation Brake System (CMBS) ซึ่งระบบนี้จะเตือนคุณเมื่อคุณเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป โดยจะส่งสัญญาณด้วยไฟที่เรือนไมล์ เสียงเตือน และการสั่นที่เข็มขัดนิรภัย
ต่อมา มาดูเรื่องสมรรถนะของ Earth Dreams ซึ่งติดตั้งลงในเครื่องยนต์ของ All-New Accord 2.4 ลิตร เป็นรุ่นแรก เครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 2.4 ลิตร i-VTEC มาพร้อมกับกำลังสูงสุด 174 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 225 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ตัวนี้มีการพัฒนา เริ่มจากเสื้อสูบขึ้นรูปด้วยอะลูมิเนียมหล่อ ออกแบบให้มีปลอกประกบเพลาข้อเหวี่ยงแบบเดี่ยว ซึ่งจะช่วยทำให้มีความแข็งแกร่ง ลดเสียงดังและแรงสั่นสะเทือนในขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน ติดตั้งเพลาถ่วงสมดุลเอาไว้ภายในเครื่องยนต์ โดยชิ้นส่วนนี้จะเป็นแท่งที่ขับเคลื่อนด้วยโซ่และหมุนในลักษณะทวนเข็มนาฬิกา อยู่ใกล้กับอ่างน้ำมันเครื่อง ช่วยป้องกันการเกิดคลื่นแรงสั่นสะเทือนที่มักจะเกิดขึ้น ส่วนก้านสูบอยู่ในมุมที่เหมาะสมระหว่างที่มีการเคลื่อนที่ขึ้น-ลง ช่วยลดแรงต้านที่เกิดขึ้นทางด้านข้างของลูกสูบ ส่วนลูกสูบได้รับการออกแบบใหม่ให้น้ำหนักเบาลงลดแรงเสียดทานขณะที่ลูกสูบกำลังทำงาน
แม้แต่ฝาสูบยังลดน้ำหนักผลิตจากอะลูมิเนียม-อัลลอย ด้วยขั้นตอนการหล่อด้วยแรงดันระบบแคมชาฟต์คู่ของเครื่องยนต์ จำนวน 4 วาล์วต่อสูบ ขับเคลื่อนด้วยโซ่ซึ่งแทบไม่มีเสียงในการทำงาน และยังมีการออกแบบแขนคู่ในการช่วยลดแรงบิด ส่งผลให้สามารถลดแรงต้านทานได้ สำหรับระบบวาล์วเป็นการผสมผสานการทำงานระหว่างระบบ VTC ควบคุมระยะเวลาการทำงานของวาล์ว มีการปรับจังหวะการทำงานของวาล์วไอดีอย่างต่อเนื่อง ทำงานคู่กับระบบ VTEC ควบคุมการเปลี่ยนระยะยก ระยะเวลา และความนานในการเปิด-ปิดของวาล์วฝั่งไอดี ในช่วงรอบเครื่องยนต์ต่ำ ระบบ VTEC จะควบคุมการทำงานของวาล์วไอดีในส่วนของระยะเวลา การยกอย่างเหมาะสม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ไอดีถูกดูดโดยลูกสูบเข้าสู่กระบอกสูบ อย่างรวดเร็วและเมื่อรอบเครื่องยนต์ผ่านตัวเลข 5,000 รอบ/นาที ระบบ VTEC จะเปลี่ยนแคมชาฟต์ให้ยกวาล์วให้สูงและนานขึ้น เพื่อตอบสนองกำลังขับเคลื่อนในช่วงรอบสูง ช่วยเพิ่มความสามารถอย่างต่อเนื่องในการแปรผันระยะเวลาในการทำงานของลูกเบี้ยวฝั่งไอดี ซึ่งจะสัมพันธ์กับการทำงานของแคมชาฟต์ฝั่งไอเสีย จุดนี้จะมีส่วนช่วยเพิ่มกำลัง และยังทำให้รอบเดินเบาของเครื่องยนต์มีความนุ่มนวล ซึ่งทั้งหมดมาจากการประมวลผลสั่งงานจากกล่อง ECU โดยอ้างอิงกับข้อมูลที่ถูกส่งมาจากตัวเซ็นเซอร์นำค่าจากรอบเครื่องยนต์มาคำนวนเป็น ระยะเวลา การเปิดของลิ้นปีกผีเสื้อ ตำแหน่งของลูกเบี้ยว และอัตราส่วนน้ำมัน-อากาศในไอเสีย ช่วยลดความสิ้นเปลืองของน้ำมันเชื้อเพลิง และลดระดับของก๊าซไนโตรเจนออกไซด์
ตำแหน่งการติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่จะเอียงไปทางด้านหลังเพียง 10 องศา เพื่อสอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของส่วนประกอบอื่นๆ ของเครื่องยนต์ที่ถูกนำมาใช้ โดยเฉพาะรูปแบบท่อร่วมไอเสียที่วางอยู่ทางด้านหน้า ซึ่งเครื่องยนต์บล็อคนี้ ในเรื่องอัตราเร่งมีความต่อเนื่องมากกว่าเดิม ทำให้อัตราเร่งตั้งแต่รอบต้นจากถึงปลายมีความไหลลื่น ทำให้ All-New Accord สามารถปรับอารมณ์การขับขี่ให้สนุกมากขึ้น ยิ่งคุณเพิ่มความเร้าใจด้วยการควบคุมเกียร์ Paddle Shift คุณจะสามารถเรียกอารมณ์สปอร์ตที่ซ่อนอยู่ในเครื่องยนต์บล็อคนี้ได้เป็นอย่างดี
(>)เส้นทางในการทดสอบเป็นทางโค้งที่ค่อนข้างมาก ทำให้ เราได้สัมผัสระบบช่วงล่างหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทที่เข้ามาแทนที่ระบบกันสะเทือนหน้าแบบเดิมอย่างปีกนก 2 ชั้นที่ใช้อยู่ในแอคคอร์ดรุ่นเดิม พัฒนาให้มีน้ำหนักเบา ลดเสียงดังได้อย่างชัดเจน มีรัศมีวงเลี้ยวจะอยู่ที่ 5.9 เมตร มีการใช้บุชยางของจุดยึดในรูปแบบที่เป็นส่วนผสมของระบบไฮดรอลิกกับแขนยึดในระบบช่วงล่างหน้า ซึ่งจุดยึดเหล่านี้จะช่วยลดอาการเขย่าของระบบบังคับเลี้ยวในทุกช่วงความเร็ว ในส่วนของสตรัท และซับเฟรมหน้าถูกรวมเป็นส่วนของโครงสร้างตัวถังแบบ G-CON ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดความเสียหายจากการชนทางด้านหน้า ระบบช่วงล่างหลังแบบอิสระมัลติลิงค์ มีขนาดที่กะทัดรัด มีแขนยึด A-Arms ตัวบนที่ผลิตด้วยการปั๊มขึ้นรูปจากเหล็กที่มีความทนทานสูง พร้อมกับข้อต่อที่ผลิตจากอะลูมิเนียม และการจัดวางในเชิงเรขาคณิตที่มีความแม่นยำ ซึ่งจะช่วยลดอาการท้ายยกเวลาที่มีการเบรกอย่างรุนแรง จุดยึดด้านล่างจะเชื่อมเข้ากับซับเฟรมหลัง เชื่อมต่อเข้ากับโครงสร้างตัวถังด้วยแท่นยึดที่ผลิตจากยาง ซึ่งจะช่วยลดเสียง Drumming และลดเสียงที่มีความถี่ต่ำ
ภาพรวมของระบบช่วงล่างใหม่ช่วยทำให้โอเวอร์แฮงค์ตัวรถสั้นลงชุดสตรัทได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อ ตอบสนองในด้านความสะดวกสบายและคุณภาพในการควบคุมรถ นวัตกรรมที่นำมาใช้ก็มีทั้งระบบวาล์วไฮดรอลิกและซีลแบบใหม่ บุชชิ่งภายในเคลือบสาร Teflon มีแรงฝืดต่ำ น้ำมันในกระบอกช็อคที่เป็นสเป็กใหม่ และสปริงแบบใหม่ที่ช่วยควบคุมการกระเด้งของตัวรถ ซึ่งสามารถช่วยลดอาการโคลงของตัวถังขณะที่กำลังเลี้ยวอีกทั้งยังมีการติดตั้งเหล็กค้ำโช้กในชุดระบบกันสะเทือนหน้าซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองการควบคุมรถได้ดีขึ้น
มาดูต่อที่ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPS) ปรับปรุงในด้านการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ในด้านของภาพรวมของชิ้นส่วนในระบบ ชุดเฟืองพิเนียนบังคับเลี้ยวของแอคคอร์ดใหม่จะใช้ไฟฟ้าเข้ามาช่วยในการทำงาน
ประโยชน์ในด้านอื่นๆ ของ EPS ยังรวมไปถึงสัมผัสในการบังคับเลี้ยวที่โดดเด่นขึ้น หนักแน่นขึ้น และแม่นยำขึ้น มีความประณีตในการควบคุมรถ และการทรงตัวที่ดีขึ้นเมื่อขับอยู่บนไฮเวย์ นอกจากนั้น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของแกนพวงมาลัยเพิ่มขึ้นอีก 27% เมื่อเปรียบเทียบกับแอคคอร์ดรุ่นเดิม ทำให้ช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีขึ้น และเพิ่มความแข็งแกร่งในแนวดิ่ง
การตอบสนองของช่วงล่าง All-New Accord พัฒนาไปมากตั้งแต่น้ำหนักที่เบาลง ด้วยการจัดวางองค์ประกอบสำคัญๆ นำบางสิ่งที่ไม่จำเป็นออก นำบุชยางชั้นเลิศมาใช้เพื่อลดเสียง สร้างความยืดหยุ่นให้ช่วงล่าง ผลที่ได้ผมประทับใจในเรื่องช่วงล่างมากทั้งความเงียบที่น่าประทับใจ ความนิ่มนวลอยู่ในเกณฑ์ดีเหมาะที่จะเป็น Luxury Car แต่ความพิเศษที่มากกว่า Luxury Car คือ การทรงตัวในทางโค้งที่เยี่ยม การควบคุมที่แม่นยำ สะท้อนอารมณ์ความสปอร์ตทุกครั้งที่คุณต้องการใช้สมรรถนะด้านนี้
ขากลับเปลี่ยนมาขับ 2.0 ลิตรบ้าง องค์ประกอบสำคัญๆ ยังคงใช้เหมือนในรุ่น 2.4 ลิตร ความแตกต่างจุดใหญ่ๆ คือ เครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร i-VTEC มาพร้อมกับกำลังสูงสุด 155 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 199 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที พร้อม ECON Mode ปุ่มสีเขียว ‘ECON’ อยู่ทางด้านขวามือของพวงมาลัย เมื่อกดปุ่มเพิ่มเข้าสู่โหมดการทำงานของ ECON รูปแบบและสไตล์การทำงานของระบบต่างๆ ของตัวรถจะมีการเปลี่ยนแปลงไปโดยมุ่งเน้นไปที่การประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้าจะมีการตอบสนองอย่างเหมาะสมเพื่อเป็นการช่วยประหยัดน้ำมัน ความเร็วของพัดลมในระบบปรับอากาศก็จะปรับระดับลดลง ส่วนระบบอื่นๆ ในระบบปรับอากาศก็จะถูกปรับด้วยเช่นกันเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการขับขี่ ส่วนการออกจากโหมด ECON ก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่กดปุ่มนั้นซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้ขณะคุณขับ จะมีระบบช่วยการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน Eco Assist การทำงานก็จะมีการเรืองแสงขึ้นมาทั้ง 2 ฝั่งของขอบมาตรวัดความเร็ว เพื่อแสดงให้เห็นว่าลักษณะการขับขี่มีประสิทธิภาพในด้านการประหยัดน้ำมันหรือไม่ ทำหน้าที่เหมือนกับการเป็น ‘โค้ช’ ให้กับผู้ขับขี่ โดยใช้การเรืองแสงทั้ง 2 ฝั่งของมาตรวัดความเร็วเป็นตัวบ่งบอกถึงลักษณะในการขับ ถ้าแสงที่เรืองออกมาเป็นสีขาว หมายความว่า การขับในตอนนั้นไม่เอื้อต่อการประหยัดน้ำมัน แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าแสงเริ่มเปลี่ยนมาเป็นโทนสีเขียวก็หมายความกว่า เริ่มมีความประหยัดน้ำมันมากขึ้นเรื่อยๆ การเปลี่ยนสีที่เรืองแสงออกมาจะขึ้นอยู่กับรูปแบบและสไตล์ในการขับขี่ขณะนั้น
การสมรรถนะ 2.0 ลิตรแม้จะเป็นเครื่องยนต์เดิม แต่ก็ปรับจูนใหม่ ทำให้รอบกลางที่ไม่ราบรื่นในรุ่นเดิม กลับดีขึ้นพอสมควร ทำให้อารมณ์การขับขี่ดีขึ้น ตลอดการเดินทาง การเก็บเสียงในห้องโดยสารทำได้เยี่ยมไม่แพ้ 2.4 ลิตร ระบบช่วงล่างอาจจะไม่ได้คมกริบเท่ากับ 2.4 ลิตร ด้วยขนาดล้อและหน้ายางที่ต่างกัน แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ
ขอบคุณบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้ iAMCAR สัมผัสนวัตกรรมดีๆแบบนี้เสมอมาครับ