“ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” บุกเมืองระนอง ล่องสู่เกาะพยาม…มัลดีฟส์เมืองไทย
อีซูซุชวนคณะสื่อมวลชนขับรถ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” คู่ใจ จำนวน 11 คัน จากสุราษฎร์ธานีไประนองกับระยะทางกว่า 200 กม. เพื่อค้นหาเพชรเม็ดงามกลางทะเลอันดามันที่มีชื่อว่า “เกาะพยาม” แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เพิ่งเปล่งประกายความงามในหมู่คนที่รักจะใช้ชีวิตแบบสงบ ท่ามกลางธรรมชาติของผืนป่า ทะเลสีฟ้า และหาดทรายละเอียด
หลังจากบินฉิวออกจากกรุงเทพฯ เพื่อตรงไปรับรถ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ที่จอดรออยู่ที่ หจก.อีซูซุสุราษฎร์ธานี พร้อมกับสะสมเสบียงเต็มรถเป็นที่เรียบร้อย ขบวนคาราวานได้มุ่งหน้าสู่ อ. หลังสวน จ.ชุมพร ขับยาวต่อไปถึง อ.พะโต๊ะ เพื่อตัดเข้า อ.เมือง จ.ระนอง ซึ่งเป็นเส้นทางคดเคี้ยวและลัดเลาะเขาไปตลอดทาง แต่ด้วยสมรรถนะการเกาะถนนและขับสนุกในทุกเส้นทางของรถ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” หลากรุ่นทำให้รถทุกคันสามารถขับได้อย่างสบายใจและปลอดภัย ถึงจุดหมายแรกที่ร้านอาหารเคียงเล ที่ไม่เพียงมีอาหารอร่อยลิ้นเท่านั้น แต่ยังมีอาหารตาเป็นวิวทะเลงามๆ ของจังหวัดระนองให้ชมอีกด้วย หลังจากอิ่มหนำจึงตั้งขบวนรถอีกครั้งเพื่อเดินทางไปยังท่าเรือสู่เกาะพยามที่มีเรือสปีดโบ๊ท 2 ลำจอดรอท่าอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นโชคดีมากที่ฟ้าฝนเป็นใจ ท้องฟ้าเปิดและทะเลสงบไร้คลื่น จึงทำให้การเดินทางสู่เกาะพยามเป็นไปอย่างราบรื่น
ว่ากันว่า สมัยก่อนการเดินทางสู่เกาะพยามต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เนื่องจากอยู่ไกลจากฝั่งต้องเดินทางโดยเรือประมง อีกทั้งในช่วงฤดูมรสุมยังเป็นเกาะที่รับคลื่นลมแรงโดยตรงอีกด้วย แต่ปัจจุบันมีทางเลือกที่สอดคล้องตามงบประมาณในกระเป๋า เช่น เรือเมล์ในราคาเที่ยวละ 150 บาท ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. แต่หากนั่งสปีดโบ๊ทในราคาเที่ยวละ 350 บาทจะใช้เวลาเพียง 40 นาทีเท่านั้น
เกาะพยามสร้างความประทับใจแรกให้กับชาวคณะด้วยชายหาดกว้างโอบล้อมด้วยโขดหินรูปทรงต่างๆ ของอ่าวแม่หม้ายหรืออ่าวมุก ซึ่งเป็นที่ตั้งของท่าเรือ และศูนย์กลางการคมนาคมและการค้าของเกาะ เนื่องจากเป็นที่เดียวที่ไม่โดนผลกระทบจากลมมรสุม จากนั้นเราทุกคนจึงโดยสารรถกอล์ฟไปยัง “เดอะบลูสกายรีสอร์ท” ที่พักสุดฮิปและมีชื่อเสียงที่สุดบนเกาะพยามกับการพักผ่อนในบ้านหลังน้อยที่เชื่อมต่อกันด้วยสะพานไม้ เรียงรายเหนือผืนน้ำของป่าชายเลนเขียวชอุ่ม มีมุมเก๋ๆ ชวนให้แอ็คท่าถ่ายภาพในบรรยากาศสไตล์มัลดีฟส์เมืองไทย หรือจะปั่นจักรยานที่ทางรีสอร์ทมีไว้ให้บริการ สามารถขี่ลัดเลาะไปตามถนนสายแคบๆ ชมวิถีชีวิตชาวบ้านบน
เกาะที่ทำสวนมะพร้าว สวนยาง และสวนกาหยู หรือมะม่วงหิมพานต์ บ้างก็เปิดบ้านเป็นเกสต์เฮ้าส์ หรือให้เช่ารถจักรยานยนต์ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว หรือปั่นไปชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่อ่าวเขาควายที่ได้ชื่อว่าเป็นอ่าวที่สวยที่สุดในเกาะพยาม ส่วนผู้ที่ชื่นชอบกีฬายังสามารถเรียกเหงื่อได้ด้วยกิจกรรมผจญภัยหลากรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นฟุตบอลบนหาดทรายกว้าง และพายเรือคายัคสีสดออกไปสู่ทะเลใส ตบท้ายค่ำคืนอันแสนสุขด้วยอาหารสดอร่อย ณ คลับเฮ้าส์ริมทะเล ในบรรยากาศสุด โรแมนติกก่อนแยกย้ายกันไปเข้านอน
รับวันใหม่กับวันฟ้าเปิดและอาหารเช้าง่ายๆ ก่อนที่ทุกคนจะคว้าข้าวของไปลงเรือกลับสู่ฝั่งระนองอีกครั้ง ระหว่างทางกลับสู่ จ.สุราษฎร์ธานี ก็ได้แวะชิมอาหารปักษ์ใต้รสเผ็ดร้อนที่ร้านเพื่อนเดินทางที่อยู่ตรงข้ามสวนโมกข์ก่อนขึ้นเครื่องบินกลับสู่กรุงเทพฯ เมืองแห่งความเร่งรีบที่คุ้นเคยอีกครั้ง