รีวิว : CHEVROLET SPIN ( เชฟโรเลต สปิน ) ประสบการณ์แห่งความสะดวกสบาย กว้างขวาง อเนกประสงค์ และไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่น
บทพิสูจน์ทางเลือกใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “SEVEN PEOPLE IN ” เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เชิญสื่อมวลชนสัมผัสประสบการณ์แห่งความสะดวกสบาย กว้างขวาง อเนกประสงค์ และไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นของ CHEVROLET SPIN ( เชฟโรเลต สปิน ) บนเส้นทางกรุงเทพฯ – ระยอง ระยะทางรวมกว่า 400 กม.
CHEVROLET Zafira
ถ้าจะพูดถึง MPV อเนกประสงค์แบบ 7 ที่นั่งจากค่าย CHEVROLET คงต้องย้อนกลับไปนึกถึง CHEVROLET Zafira ซึ่งเคยมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับตลาดรถอเนกประสงค์เมืองไทยเมื่อ 10 ปีก่อน ณ ปัจจุบัน CHEVROLET ส่งรถอเนกประสงค์โฉมใหม่ล่าสุดในชื่อ “SPIN” ออกสู่ตลาดเมืองไทยอีกครั้ง โดย อาศัยการเติมเต็มช่องว่างของรถซีดาน รถอเนกประสงค์ SUV และรถกระบะ ด้วยการพัฒนาใหม่จากทีมนักออกแบบของเจนเนอรัล มอเตอร์ส บราซิล ให้รูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นด้วยเส้นสายที่บึกบึนและโอ่อ่า ทำให้ตัวรถเปี่ยมด้วยความทันสมัยอย่างมีเอกลักษณ์ ด้วยการออกแบบที่เอาใจใส่ในทุกรายละเอียดทั้งตัวถังภายนอก ห้องโดยสารภายใน เครื่องยนต์ สมรรถนะการขับขี่ การควบคุม ความสะดวกสบายและการตกแต่งอย่างพิถีพิถันลงตัว
CHEVROLET SPIN
ก่อนจะเริ่มทำการทดสอบ ผมขอพาไปรู้จักกับ CHEVROLET SPIN ให้ลึกซึ้งกว่านี้สักหน่อย เส้นสายภายนอกของสปินเน้นที่ความบึกบึนเป็นหลัก สัดส่วนตัวถังยกเส้นสันด้านข้างตัวรถให้ดูสูงมากกว่าปกติ ทำให้ตัวรถดูใหญ่ขึ้น ส่วนบนหลังคามีแร็คหลังคาเก็บสัมภาระมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้ด้วย สามารถวางของขนาดใหญ่ได้อย่างสบาย พร้อมทั้งสร้างความโดดเด่นด้วยกระจังหน้าดูอัลพอร์ทเอกลักษณ์เฉพาะของเชฟโรเลต แต่จุดไฮไลท์ต้องยกให้การออกแบบห้องโดยสารที่มีรายละเอียดอันพิถีพิถัน และ กว้างขวางรองรับผู้โดยสาร 7 ที่นั่งอย่างสะดวกสบาย พร้อมความอเนกประสงค์ ทันสมัยและมีกลิ่นอายความสปอร์ต การออกแบบนี้รองรับการใช้งานสูงสุด เบาะที่นั่งที่สามารถพับได้ 23 รูปแบบ ตำแหน่งเบาะนั่งที่ค่อนข้างสูงทำให้เกิดมุมมองแบบโรงภาพยนตร์ แถมยังมีช่องเก็บของในห้องโดยสารมากถึง 32 ช่อง มีเนื้อที่ความจุอยู่ที่ 162 ลิตร เมื่อใช้เบาะ 7 ที่นั่ง โดยจะเพิ่มเป็น 864 ลิตร หากพับเบาะแถวหลังลง และจะมีเนื้อที่สูงถึง 1,608 ลิตรหากพับเบาะแถวกลางลง
ดีไซน์แบบดูอัล-ค็อกพิท
ที่สำคัญยังคงเอกลักษณ์ของเชฟโรเลต ที่ใช้ดีไซน์แบบดูอัล-ค็อกพิท ในการดีไซน์แผงคอนโซลแบบทูโทน ที่ให้ผู้โดยสารตอนหน้ามีอารมณ์เวลานั่งเช่นเดียวกันผู้ขับขี่ มาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล ส่วนมาตรวัดรอบเครื่องยนต์เป็นแบบเข็มอนาล็อกช่วยเพิ่มความสปอร์ต หากเข้าในที่มืดแผงมาตรวัดของเชฟโรเลต เรืองแสงโทนสีฟ้าไอซ์บลู ระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน (หน้า/หลัง) เครื่องเสียงซีดี/เอ็มพี3 ลำโพงสี่ตัว พร้อมระบบเชื่อมต่อยูเอสบีและบลูทูธ ช่องเสียบต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร เพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ DOHC (Double Overhead Camshafts) 16 วาล์วพร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ต่อเนื่อง DCVC – (Double Continuous Variable Camphasing) หัวฉีดเชื้อเพลิงมัลติพอยท์ ให้พละกำลังสูงสุดที่ 107 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 148 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบ/นาที ถ่ายพละกำลังลงพื้นด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบ Driver Shift Control ให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ได้เองแบบเกียร์ธรรมดา
เริ่มออกเดินทาง
เมื่อรู้จัก SPIN กันไปพอสมควร ออกเดินทางไปพร้อมผมดีกว่าครับ ระยะทางราวๆ 200 กม. การทดสอบครั้งนี้ผมเน้นที่ฟังก์ชั่นการใช้งานมากกว่าที่จะบีบเค้นสมรรถนะออกมาเต็มร้อย ด้วยความเป็นรถอเนกประสงค์ แร็คหลังคาจึงสามารถวางกระดานเซิร์ฟบอร์ดขนาดใหญ่ได้ พร้อมกับจักรยานอีกหนึ่งคัน ซึ่งตอนนี้กระแส “รักษ์โลก” ด้วยการขี่จักรยานกำลังมาแรง ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะนำจักรยานขึ้นรถติดไปในการท่องเที่ยวด้วย เมื่อเปิดประตูเข้ามาในรถ นอกจาการดีไซน์ที่ลงตัวในสไตล์ของเชฟโรเลตแล้ว ฟังก์ชั่นแรกผมลองเชื่อม iPHONE ของผมผ่านระบบ Bluetooth เพื่อฟังเพลงก่อน ซึ่งทำได้ไม่อยากสามารถเลือกฟังเพลงที่เราต้องการได้ทันที หรือคุณจะเลือกเสียบสายกับ USB ก็จะเป็นการชาร์จ iPHONE ไปด้วยในตัว พอเริ่มออกตัวจากที่จอดรถความรู้สึกที่ตอบสนองจากพวงมาลัยอาจจะหนักไปสักนิดในความรู้สึกผม แต่พวงมาลัยแบบ EPS ซึ่งมีระบบไฮดรอลิคเข้ามาช่วยควบคุม จะมีผลดีในความเร็วสูง พอผมขึ้น High Way ใช้ความเร็วประมาณ 120 กม./ชม. ความนิ่งของรถมีสูง พวงมาลัยจะอยู่ในน้ำหนักที่เหมาะสมพอดี ทำให้เวลาเราเดินทางไกลๆ ความเมื่อยล้าในการควบคุมรถจะมีน้อย ในส่วนของเบาะนั่งผู้ขับถือว่าออกแบบให้นั่งสบาย การวางตำแหน่งของฟังก์ชั่นถือว่าใช้ง่าย แต่ที่ผมรู้สึกชอบ คงจะเป็นเรื่องการเก็บเสียงภายในรถที่เหมาะสมกับการเดินทางไกล
สมรรถนะของเครื่องยนต์
มาดูเรื่องสมรรถนะของเครื่องยนต์ดูบ้าง เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรกับน้ำหนักตัวรถ 1,277 กก. ดูแล้วไม่มากเกินไปนัก ในเรื่องของอัตเร่งเมื่อมาประกอบกับระบบส่งกำลังแบบ 6 สปีด แต่เห็นอัตราทดของเกียร์แล้วบอกได้เลยว่า เครื่องยนต์และเกียร์ชุดนี้เน้นที่ความประหยัดน้ำมันมากกว่า ที่จะออกมาสร้างอัตราเร่งแบบจีดจ๊าด แต่ในเรื่องการเร่งแซงถือว่ามีกำลังมากพอในการเดินทาง ความเร็วปลายที่ผมทำได้อยู่ราวๆ สัก 160 กม./ชม. ซึ่งก็มากพอที่จะเรียกใบสั่งแบบส่งถึงบ้านได้ไม่ยาก แต่ความเร็วเดินทางที่เหมาะสมของรถคันนี้อยู่สัก 110 – 120 กม./ชม. กำลังพอดิบพอดี และยังประหยัดน้ำมันอีกด้วย ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง ช็อคอัพแก๊ส พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบคานทอร์ชั่นบีม พร้อมช็อคอัพแก๊ส จะทำงานประสานให้ความนิ่มนวลในการเดินทางได้เป็นอย่างดี
ในราคาค่าตัว 762,000 บาท สำหรับ CHEVROLET SPIN รุ่น LTZ สำหรับผมความเป็นอเนกประสงค์และการดีไซน์ถือว่าไม่เป็นรองใคร แต่ถ้ามีอัตราเร่งที่เร้าอารมณ์ของผมอีกสักนิด จะเป็นรถอีกหนึ่งคันที่ขับแล้วประทับใจไม่มีวันลืม แต่การจะหาเพื่อนร่วมทางสักคัน คุณนั่นแหละที่เป็นผู้ตัดสินใจ ฉะนั้น CHEVROLET SPIN พร้อมแล้วที่จะให้คุณสัมผัสและจับจองได้ที่ศูนย์ผู้แทนจำหน่ายเชฟโรเลตทั่วประเทศครับ
บทความแนะนำ
อะเมซิ่ง นิว เชฟโรเลต ครูซ โฉมใหม่ ตอบสนองผู้ขับขี่ที่มองหาความสปอร์ตและหรูหรา
Chevrolet เชิญลูกค้าทดลองขับ Trailblazer และ Colorado รุ่นใหม่ล่าสุด
Chevrolet ใส่ใจคนที่คุณรักด้วยแคมเปญต้อนรับวันแม่