บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เพิ่มสายการประกอบรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูเป็นครั้งแรกในไทย
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดสายการประกอบรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็ม ดับเบิลยู เอฟ 800 อาร์ ซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง อย่างเป็นทางการ ณ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอร์ริ่ง จ.ระยอง ซึ่งจะประกอบรถมอเตอร์ไซค์ ภายใต้พื้นที่กว่า 1,200 ตารางเมตร ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทย
“โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่ จ.ระยอง เป็นโรงงานเพียงแห่งเดียวของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป จากเครือข่ายการผลิต ณ ปัจจุบัน 28 โรงงาน ใน 13 ประเทศ ที่สามารถประกอบยนตรกรรม ระดับหรูได้มากถึงสามแบรนด์ ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด พิสูจน์ ให้เห็นอีกครั้งถึงศักยภาพและประสิทธิภาพในการประกอบยนตรกรรมที่มีความหลากหลาย มากที่สุดแห่งหนึ่งของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ด้วยความโดดเด่นด้านทักษะระดับสูงและ ความเชี่ยวชาญในการผลิต ทำให้โรงงานแห่งนี้เหมาะสำหรับการผลิตสุดยอดรถมอเตอร์ไซค์ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพอย่างแท้จริง” มร. ฮาราลด์ ครูเกอร์ กรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู เอจี ด้านการผลิต กล่าว
มร. สเตฟาน ชาลลาร์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด กล่าวว่า “การเปิดสายการประกอบ รถมอเตอร์ไซค์ที่ จ.ระยอง ถือเป็นความสำเร็จด้านกลยุทธ์การเติบโตทางธุรกิจที่สำคัญอีกขั้นหนึ่งของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด การประกอบรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู เอฟ 800 อาร์ ภายในประเทศไทยนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเราในตลาดประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น คาดว่าการเปิดสายการประกอบดังกล่าวจะส่งผลให้ยอดขายรถมอเตอร์ไซค์ในปีที่จะถึงนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”
บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 โดยรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูที่จำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมดจนถึงปัจจุบัน ผลิตจากโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี “นับเป็นครั้งแรกที่เรามอบหมายให้โรงงานบีเอ็มดับเบิลยูที่มีสัดส่วนการถือหุ้นเป็นของบีเอ็ม ดับเบิลยูเองทั้งหมดที่ตั้งอยู่ในประเทศอื่นเป็นฐานการประกอบรถมอเตอร์ไซค์ และในอนาคต ไม่นานนี้ เรามีแผนที่จะขยายศักยภาพของโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู จ.ระยอง ให้ครอบคลุม การประกอบรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นต่างๆ เพื่อส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ ในเอเชียอีกด้วย” มร. สเตฟาน ชาลลาร์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด กล่าว การเปิดสายการประกอบในประเทศไทยจะทำให้ผู้บริโภคชาวไทยสัมผัสประสบการณ์ของ แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้ง่ายยิ่งขึ้น “จากการที่บีเอ็มดับเบิลยู เอฟ 800 อาร์ ได้รับการประกอบภายในประเทศ ส่งผลให้มีราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น และจะทำให้เราสามารถกำหนดยุทธศาสตร์ทางการตลาดของเราขึ้นไปได้อีกในระยะยาว ทั้งนี้ รถมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นประกอบในประเทศไทยจะวางจำหน่ายที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป” มร. สเตฟาน ชาลลาร์ กล่าวปิดท้าย
โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป จ.ระยอง โดดเด่นด้วยศักยภาพและประสิทธิภาพที่มี ความหลากหลาย
บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอร์ริ่ง ประเทศไทย เริ่มเดินสายการผลิตเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2543 โดยตั้งอยู่ ณ ชายฝั่งตะวันออกของประเทศไทย ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ (จังหวัดระยอง) ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 115 กม. และมีพื้นที่โรงงานทั้งหมดเป็นอาณาบริเวณถึง 75,000 ตารางเมตร
ในปีพ.ศ. 2555 ที่ผ่านมา ทางโรงงานมีสถิติการประกอบรถยนต์ถึง 6,065 คัน ด้วยทีมงานทั้งหมด 278 คน โดยในปัจจุบันสามารถประกอบรถยนต์รุ่นต่างๆ ได้แก่ มินิ คันทรี่แมน และบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3, ซีรี่ส์ 5, ซีรี่ส์ 7, เอ็กซ์ 1 และ เอ็กซ์ 3 ทั้งนี้ จะสามารถรองรับการประกอบรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู รุ่น เอฟ 800 อาร์ เพิ่มเติมอีกด้วย
นับตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการในปี พ.ศ. 2543 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้ใช้เม็ดเงินในการลงทุนสำหรับโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอร์ริ่ง จ.ระยอง เป็นเม็ดเงินรวมกว่า 50 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท
โรงงานประกอบรถยนต์ทั่วโลกและผู้นำแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ในด้านความยั่งยืน
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก โดยผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์ BMW, MINI และ Rolls-Royce พร้อมด้วยเครือข่ายการผลิตและประกอบรถยนต์ 28 แห่งใน 13 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการในกว่า 140 ประเทศทั่วโลก
ในปี พ.ศ. 2555 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์ 1.85 ล้านคัน รถมอเตอร์ไซค์มากกว่า 117,000 คัน โดยมีกำไรก่อนหักภาษีในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 เป็นเงินจำนวน 7.82 พันล้านยูโร (คิดเป็นเงินไทยกว่า 3 แสนล้านบาท) จากรายได้ทั้งหมดกว่า 76.85 พันล้านยูโร (คิดเป็นเงินไทยกว่า 3 ล้านล้านบาท) และมีพนักงานรวมถึง 105,876 คน เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เกิดจากวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่ออนาคตและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ด้วยการใส่ใจในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในทุกผลิตภัณฑ์และทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย
{gallery}BMW MOTORCYCLE{/gallery}