รีวิว : All New Toyota Alphard & Toyota Vellfire ” ทดสอบ ออล นิว โตโยต้า อัลฟาร์ด และ โตโยต้า เวลไฟร์ “

เปิดตัวแบบอลังการงานสร้างไปไม่กี่วัน ทางโตโยต้าไม่รอช้าจัดกิจกรรมทดสอบสมรรถนะรถอเนกประสงค์แบบ 7 ที่นั่ง รุ่นล่าสุดอย่าง All New TOYOTA Alphard & Toyota Vellfire ” ออล นิว โตโยต้า อัลฟาร์ด และ โตโยต้า เวลไฟร์ ” เพื่อให้สื่อมวลชนได้ร่วมพิสูจน์สมรรถนะ ความหรูหราและสะดวกสบาย ภายใต้แนวคิด GRANDELUXE ในเส้นทางกทม. – ปราณบุรี

 

กิจกรรมทดสอบสมรรถนะ

กิจกรรมในครั้งนี้ทางโตโยต้าได้นำ All New TOYOTA Alphard V6 3.5 ” ออล นิว โตโยต้า อัลฟาร์ด “ และ All New TOYOTA Vellfire 2.5 ” ออล นิว โตโยต้า เวลไฟร์ “ มาให้สื่อมวลชนได้ทดสอบกัน รถอเนกประสงค์แบบ 7 ที่นั่งนี้ ส่วนใหญ่แล้วคนซื้อมักจะไม่ได้ขับ เนื่องจากเป็นรถยนต์หรูสำหรับผู้บริหาร นักการเมืองและเศรษฐีที่ต้องการความสะดวกสบายในขณะเดินทาง เมื่อก่อนรถรุ่นนี้ส่วนใหญ่แล้ว มักจะเป็นรถที่นำเข้ามาจำหน่ายโดยค่ายอิสระ แต่ปัจจุบันความเจริญเติบโตทางตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง ทำให้ทางโตโยต้าประเทศไทย นำเข้ามาทำตลาดรถยนต์นั่งหรูแบบอเนกประสงค์ด้วยตัวเอง หลังจากปล่อยให้ผู้นำเข้าอิสระครองพื้นที่นี้มานาน

All New TOYOTA Alphard

คราวนี้เรามาสัมผัสตัวรถกันบ้างดีกว่า ขอเริ่มที่ All New TOYOTA Alphard V6 3.5 “ออล นิว โตโยต้า อัลฟาร์ด”ซึ่งเป็นตัวหรูหราแบบสุดขีด ตั้งแต่การดีไซน์ภายนอกที่เน้นความโดดเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียม ไฟหน้าพร้อม Daytime Running Lights และไฟตัดหมอกด้านหน้าแบบ LED สเกิร์ตรอบคัน พร้อมรีเฟลกเตอร์ที่สเกิร์ตด้านหลัง ส่วนไฟท้ายและกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED และที่สำคัญต้องอลังการด้วยมูนรูฟคู่

 

ภายใน

มาถึงภายในซึ่งเป็นส่วนสำคัญของรถรุ่นนี้ ต้องบอกว่าเพียบพร้อมด้วยความโอ่โถงเบาะนั่งปรับได้หลายสไตล์ เบาะนั่งผู้ขับปรับได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งผู้ขับขี่ เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังแถวที่ 1 ปรับไฟฟ้า แบบ Executive Lounge พร้อมที่รองขา และแถวที่ 2 เบาะปรับ/พับได้ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อความบันเทิงในการเดินทางอย่างเช่นเครื่องเล่น DVD CD และ MP3 พร้อมช่องต่อ USB iPod AUX รองรับการเชื่อมต่อบลูธูทแบบจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วในด้านหน้า พร้อมลำโพง JBL 17 จุดรอบคัน และจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลังขนาด 9 นิ้ว พร้อมเครื่องเล่น Blu-Ray ระบบฟอกอากาศแบบ Nanoe ให้อากาศภายในห้องโดยสารบริสุทธิ์ ไร้กลิ่น และเชื้อโรค พร้อมปรับแยกอุณหภูมิแบบอัตโนมัติ 3 โซน แยกอิสระ ซ้าย-ขวา สำหรับด้านหน้าและด้านหลัง, ไฟส่องสว่างในห้องโดยสารแบบซ่อนฝ้า ปรับความสว่างได้ 4 ระดับ เปลี่ยนสีได้ 16 เฉดสี พร้อมไฟอ่านหนังสือส่วนตัว

 

จอแสดงข้อมูลการขับขี่

ส่วนความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ก็มีมาให้อย่างจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control แผงควบคุมการโทร-รับโทรศัพท์ และเปิด-ปิด เพลงที่พวงมาลัย ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ 2 ภาษา ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมแอพลิเคชันอัจฉริยะ smart G-BOOK และกล้องมองหลังซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ผมสามารถขับขี่รถคันนี้ได้ง่ายดายขึ้น

 

เครื่องยนต์

มาทดสอบในส่วนของสมรรถนะเครื่องยนต์ขนาด 3.5 ลิตร 24 วาล์ว DOHC Dual VVT-I ให้กำลังสูงสุด 271 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 340 นิวตันเมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Super ECT แบบ Sequential Shift ความโดดเด่นของเครื่องยนต์บล็อคนี้คงจะเป็นที่กำลังอันมหาศาลที่พร้อมจะเร่งแซงทุกขณะที่คุณต้องการ แต่ด้วยระบบส่งกำลังที่ยังไม่ใช่ CVT จึงยังรู้สึกได้ถึงจังหวะการเปลี่ยนเกียร์อยู่นิดหน่อย สำหรับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ราวๆ 9-10 กม.ต่อลิตร ในความเร็วเดินทาง 120 กม.ต่อชั่วโมง มีจังหวะเร่งแซงไปถึง 140 กม.ต่อชั่วโมงบ้างบางเวลา

 

ระบบช่วงล่าง

แต่ความโดดเด่นผมคงต้องยกให้ระบบช่วงล่างใหม่แบบอิสระแมคเฟอสันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลงในด้านหน้า และดับเบิ้ลวิชโบนในด้านหลัง พร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ส่วนระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนี่ยน พร้อมพาวเวอร์ไฟฟ้า ESP และระบบควบคุมการทรงตัวอัจฉริยะ VSC ซึ่งสามารถสร้างความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้มากจริงๆ ทั้งในด้านของการควบคุมที่แม่นยำกว่า การคอนโทรลรถในทางโค้งที่มั่นใจกว่า และที่สำคัญนิ่มนวลแบบสบายๆ ตลอดการเดินทาง

 

All New TOYOTA Vellfire

หลังจากที่พักผ่อนแบบสุดหรูไปแล้วหนึ่งคืนคงต้องมาทำงานกันต่อด้วยการสัมผัส All New TOYOTA Vellfire 2.5 “ออล นิว โตโยต้า เวลไฟร์” ซึ่งมีความแตกต่าง เริ่มตั้งแต่รูปลักษณ์ที่เป็นสปอร์ตมากกว่าเดิม เอาใจกลุ่มเศรษฐีวัยหนุ่มที่มักจะขับเอง หรือใช้งานในครอบครัว เนื่องจากตัวรถเน้นที่การวางตำแหน่งไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED และไฟเลี้ยวแบบ 2 ชั้น และกระจังหน้าโครเมี่ยมดีไซน์ใหม่ ภายในห้องโดยสารเน้นสีดำเพื่อความเป็นสปอร์ต เติมลายไม้เพิ่มความหรู พร้อมเบาะที่นั่งปรับได้หลายรูปแบบ ส่วนอุปกรณ์ความบันเทิงติดตั้งเครื่องเล่น CD DVD MP3 WMA และช่องเชื่อมต่อ USB AUX จอ LED ระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับบลูธูท ที่ด้านหน้า และจอ LED ขนาด 10.2 นิ้ว พร้อมลำโพงรอบคัน 8 จุด, ระบบฟอกอากาศแบบ nanoe ไฟส่องสว่างในห้องโดยสารแบบซ่อนฝ้าปรับความสว่างได้ 4 ระดับ เปลี่ยนสีได้ 16 เฉดสี

 

จอแสดงข้อมูลการขับขี่

ส่วนด้านหน้าคนขับมีจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้วและระบบความคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control, ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry, ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ สามารถรองรับได้ทั้ง 2 ภาษา ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมรองรับระบบ Smart G-BOOK และกล้องมองหลังด้วย ในส่วนตัวผมถือว่าอุปกรณ์มีให้อย่างครบครัน เบาะที่นั่งถือว่าสบายตลอดการเดินทางทุกจุด แต่จะให้ดีน่าจะมีการเพิ่มช่องเสียบ USB ในที่นั่งตอนหลังสักหน่อย เพราะ USB ถือเป็นอีกสิ่งที่มีความจำเป็นของชีวิตคนไทยไปแล้ว

เครื่องยนต์

มาสัมผัสขุมพลังเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 16 วาล์ว Dual VVT-iให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 235 นิวตัน-เมตร ที่ 4,100 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด พร้อม Sequential Shift เครื่องยนต์บล็อคนี้แม้จะมีซีซี. ไม่มากนัก แต่ผมว่าพอเหมาะพอดีกับความเร็วการเดินทางสัก 120-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้รอบเครื่องยนต์ไม่สูงมากนักโดยมีค่าเฉลี่ยสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ราวๆ 12 กิโลเมตรต่อลิตร ประกอบกับเกียร์แบบ CVT ซึ่งมีความนิ่มนวลเป็นเอกลักษณ์ทำให้การเดินทางราบรื่นแบบไร้รอยต่อของระบบส่งกำลัง ในส่วนของอัตราเร่งแม้จะโดยสารเต็มทุกที่นั่ง ก็ยังสามารถเร่งแซงได้อย่างปลอดภัยครับ

 

ระบบช่วงล่าง

ในส่วนของระบบช่วงล่างใหม่ ที่เหมือนกับ All New TOYOTA Alphard V6 3.5 “ออล นิว โตโยต้า อัลฟาร์ด” แต่ล้ออัลลอยเป็นขนาด 17 นิ้ว และน้ำหนักตัวรถที่เบากว่า ทำให้ความรู้สึกในการขับขี่ต่างกันผมว่าความปราดเปรียวของ All New TOYOTA Vellfire 2.5 “ออล นิว โตโยต้า เวลไฟร์” มีมากกว่า พวงมาลัยการบังคับเลี้ยวดูจะคมกริบกว่า ส่วนในเรื่องความนิ่มนวลอาจจะมีน้อยกว่าหน่อย แต่ยังถือว่าเป็นการเดินทางแสนสบายอยู่ดีครับ

 

สุดท้ายผมว่าAll New TOYOTA Alphard V6 3.5 “ออล นิว โตโยต้า อัลฟาร์ด” และ All New TOYOTA Vellfire 2.5 “ออล นิว โตโยต้า เวลไฟร์” คุ้มค่าตั้งแต่เป็นพาหนะที่บ่งบอกสถานะทางสังคมของคุณแล้ว แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือ เครื่องยนต์ที่ดีขึ้น การเดินทางที่แสนสบาย และที่สำคัญคือ ความปลอดภัยที่คุณวางใจได้ ขอบคุณโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ที่ให้เราได้สัมผัสนวัตกรรมดีๆ เช่นนี้เสมอมาก


บทความที่เกี่ยวข้อง

ใหม่ Toyota Alphard ( โตโยต้า อัลพาร์ด ) ปี 2016 ออกมาพร้อมกัน 2 รุ่น  3.5 ลิตร และ Hybrid 2.5 ลิตร ใน ราคา เริ่มต้น 3,549,000 บาท

TOYOTA Vellfire ตอนที่ 1 Overview

TOYOTA Vellfire ตอนที่ 2 interior