Hyundai H-1 ที่สุดแห่งรถอเนกประสงค์ ซึ่งมากด้วยความคุ้มค่า
Hyundai H-1 ยนตรกรรมอเนกประสงค์ MPV Series เรียกได้ว่าเป็นยนตรกรรมระดับ “เรือธง” ของแบรนด์ ที่ยังคงรักษามาตฐานกระแสตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคมาโดยตลอด นับตั้งแต่เปิดตัวจนมาถึงปัจจุบัน ด้วยสิ่งโดดเด่นในเรื่องของความ “คุ้มค่า” และ “สมรรถนะ” ที่เหนือความคาดหมาย
Hyundai H-1 กับ 3 สไตล์รุ่นย่อยให้เลือกตามความต้องการ
Hyundai H-1 ทำตลาดในเมืองไทย 3 รุ่นย่อย เริ่มจากรุ่น Touring ความคุ้มค่าในแบบเริ่มต้น ซึ่งภายนอกมากับอุปกณณ์มาตรฐาน เช่น ชุดไฟหน้าแบบ Multi-Reflector, ไฟตัดหมอกหน้า, กระจกมองข้างปรับ และพับเก็บไฟฟ้า, มือเปิดประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ และประตูด้านหน้าแบบ Tilting Door พร้อมประตูห้องโดยสารแบบบานเลื่อนสองข้าง และเสาอากาศวิทยุแบบ Short-Type
ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกของรุ่น Elite Plus และรุ่น Deluxe ประกอบด้วย ชุดไฟวิ่งกลางวันแบบ LED และกระจกมองข้างปรับ และพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED, ประตูด้านหน้าแบบ Tilting Door, คิ้วป้ายทะเบียนหลังโครเมี่ยม, สปอยเลอร์ประตูท้าย และเสาอากาศวิทยุแบบ Short-Type
ในรุ่น Elite Plus นั้นจะมากับโลโก้เพื่อบ่งบอกความพิเศษ ในขณะที่รุ่น Deluxe นั้นยกระดับความหรูด้วยไฟส่องพื้นที่กระจกมองข้าง (Courtesy Lamps), ประตูห้องโดยสารบานเลื่อนสองข้างแบบไฟฟ้า พร้อมรีโมท และทั้ง 3 รุ่นจะมากับล้อขนาด 16 นิ้ว โดยในรุ่น Touring มากับล้อกะทะพร้อมฝาครอบ ส่วนรุ่น Elite Plus และรุ่น Deluxe จะมากับล้ออัลลอยด์
ครบครันฟังค์ชั่น สำหรับรถอเนกประสงค์
รุ่น Touring มากับการตกแต่งภายในแบบ Two-Tone และเลือกใช้วัสดุผ้า พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น พวงมาลัยปรับระดับ สูง-ต่ำ, หน้าปัดแบบ Supervision Meters, ระบบปรับอากาศแบบ Manual พร้อมปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ และช่องลมแยกสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง, กระจกไฟฟ้าขึ้น-ลงอัตโนมัติสำหรับฝั่งคนขับ, เบาะแถวที่ 2 ปรับหมุน 180 องศา ตามด้วยการติดตั้งชุดเครื่องเสียง วิทยุ/CD 1 แผ่น รองรับไฟล์ MP3 ช่องต่อสำหรับ USB, iPod พร้อมลำโพง 4 จุด
รุ่น Elite Plus และรุ่น Deluxe เพิ่มเติมด้วยสไตล์การตกแต่ง และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายมากขึ้น เช่น การเลือกใช้ลายไม้ รวมถึงวัสดุหนังในส่วนเบาะนั่ง พวงมาลัย และคันเกียร์, ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ที่พวงมาลัย, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ (รุ่น Elite Plus เป็นแบบ Manual), ไฟภายในห้องโดยสารแบบ LED พร้อม Mood Lighting 6 สี และพนักพิงศีรษะแบบปีกผีเสื้อ
ระบบความบันเทิงในรุ่น Deluxe มากับชุดเครื่องเสียงวิทยุ CD/DVD แบบ 2 DIN รองรับไฟล์มัลติมีเดีย พร้อมหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 8 นิ้ว รองรับบลูทูธ, เครื่องเสียงพกพา, ระบบ Wi-Fi, ช่องต่อ USB, HDMI, ระบบแผนที่นำทาง GPS พร้อมด้วยจอภาพ LCD ติดเพดานพับไฟฟ้าแบบ Full HD ขนาด 13.3 นิ้ว และลำโพง 6 ตำแหน่ง
รุ่น Elite Plus อัพเกรดระบบความบันเทิง ด้วยชุดเครื่องเสียงจาก Pioneer ควบคุมผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับไฟล์มัลติมีเดีย CD/DVD, บลูทูธ, ช่องต่อ USB, HDMI, SD Card, Apple CarPlay, Android Auto, รวมถึงฟังค์ชั่น AppRadio และ MIXTRAX ของ Pioneer, ระบบแผนที่นำทาง GPS, กล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะ พร้อมด้วยการติดตั้งจอภาพ LCD ติดเพดานพับไฟฟ้าขนาด 10.1 นิ้ว และลำโพง 6 ตำแหน่ง
สมรรถนะ และความปลอดภัย ที่ครอบคลุมได้ทุกความต้องการ
Hyundai H-1 มากับเครื่องยนต์ดีเซล CRDI – Commonrail Direct Injection พิกัด 2,500 ซีซี, เทอร์โบแปรผัน VGT – Variable Geometry Turbo พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ผลิตกำลังสูงสุด 175 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 441 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ พร้อมระบบ Sequential Shift และระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบ 5-Link ปิดท้ายด้วยระบบเบรกแบบดิสก์ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง
ระบบความปลอดภัยจะประกอบด้วย โครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ Four Rings, ถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบ SRS, เข็มขัดนิรภัยที่นั่งด้านหน้าฝั่งติดกับประตูแบบ ELR 3 จุด, เข็มขัดนิรภัยที่นั่งด้านหลังและที่นั่งด้านหน้าตำแหน่งกลาง แบบ 2 จุด, ระบบป้องกันการหนีบสำหรับกระจกไฟฟ้า (ฝั่งคนขับ), ไฟเบรคดวงที่ 3 แบบ LED และสัญญาณเตือนกะระยะถอยหลังสำหรับรุ่น Elite Plus และรุ่น Deluxe ส่วนกล้องมองภาพรอบทิศทางอัจฉริยะ (Smart View) จะถูกติดตั้งมาให้ในรุ่น Deluxe
ราคารถใหม่ Hyundai H-1
รุ่น Touring 2.5 CRDi VGT ราคา 1,289,000 บาท
รุ่น Elite 2.5 CRDi VGT ราคา 1,499,000 บาท
รุ่น Deluxe 2.5 CRDi VGT ราคา 1,679,000 บาท