รีวิว : BMW 740Le xDRIVE PLUG IN HYBRID งานนี้มี “เงิบ” ถ้าประเมินเจ้ายักษ์คันนี้เป็นแค่ “ยนตรกรรมโลกสวย”
BMW 740Le xDRIVE PLUG IN HYBRID ราคาค่าตัว 6,699,000 บาท คือ ยนตรกรรมขนาดยักษ์จากค่ายใบพัดฟ้า-ขาว ในอนุกรม 7 Series ที่เราๆ ท่านๆ มักจะคุ้นเคยกันดีกับภาพความเป็นรถผู้บริหาร ที่มักจะ “แล่น” อย่างงามสง่าอยู่บนท้องถนน แต่เชื่อมั้ยว่าถ้าถึงเวลาต้อง “ซิ่ง” เข้าจริงก็แทบจะทำเอาเราลืม “หายใจ” ได้เลยทีเดียว
Comment by หนุงหนิง…สวิงแรง
ยอมรับตามตรงว่าผมเองก็เป็นแฟนค่ายใบพัดฟ้า-ขาวคนหนึ่ง และ 7 Series คือรุ่นที่แทบไม่อยู่ในสายตาผมเลบแม้แต่น้อย เพราะเรื่องแรกเลยคือ “แพง”, เรื่องที่ 2 คือ ขนาดตัวรถที่ทั้งใหญ่ ทั้งยาว จนน่าจะขาด “ความคล่องตัว” จนดูแล้วน่าจะลำบากหากต้องใช้งานในเมือง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “เวอร์ชั่นโลกสวย” ด้วยระบบ HYBRID ที่ผมมองว่า “ไม่น่าจะตอบสนองเท้า” ได้ดีเท่าไหร่
แต่เชื่อมั้ยว่าความคิดผมเปลี่ยนไปทันที หลังจากได้ขับเจ้านี่เพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น “คุณพระคุณเจ้าช่วย” ใครจะเชื่อว่า BMW ทำรถ HYBRID ออกมาเพื่อความประหยัด แต่พอกระแทกคันเร่งทีอารมณ์อย่างกับรถคนละคัน ราวกับอัญเชิญประทับทรงร่างยนตรกรรมจากแผนก M มาสิง
ส่วนเรื่องข้อ Comment ตัวรถบอกเลยว่า “ไม่มี” เพราะด้วยคุณภาพของแบรนด์ระดับหัวแถวเมืองไทย และตัวรถที่เรียกได้ว่าระดับท็อปที่คนควักเงินซื้อ ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลแน่นอน ฉะนั้นสิ่งเดียวที่ผมจะบอกก็คือ “คนขับ” ควรต้องปรับให้ชินกับรถทั้งในเรื่องของขนาด และพละกำลัง เพราะแม้จะมีระบบตัวช่วยในหลายๆ อย่างที่ล้ำหน้าแค่ไหนก็ไม่ควรประมาท และช่วยให้ขับได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเวลา “ซิ่ง” นี่แหละที่สำคัญที่สุด
BMW 740Le xDRIVE PLUG IN HYBRID (น่าจะเรียก M สายรักษ์โลก)
BMW 740Le xDRIVE PLUG IN HYBRID คือ เรือธงคันใหญ่ในอนุกรม 7 Series ที่เราคงไม่ต้องสาธยายในเรื่องของความ “หรูหรา” หรือ “ออพชั่น” ให้เปลืองพื้นที่ เพราะจุดเด่นสำคัญเลยก็คือความโดดเด่นด้านการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี BMW eDrive ในตระกูล iPerformance แบบ “เสียบปลั๊กชาร์จ” ที่สร้างตัวเลขน่าสะพรึงด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.3 วินาทีเท่านั้น
คิดดูสิครับว่าถ้าเป็นตัวแรงในตระกูล M เราคงไม่แปลกใจเท่าไหร่กับอัตราเร่งระดับนี้ แต่นี่ดันมาจากรถ PLUG IN HYBRID ที่เน้นเรื่องความประหยัดเป็นหลัก จนทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าน่าจะเป็นการหมายถึงอะไรบางอย่าง เช่น BMW ค้นพบวิธีที่จะทำให้ “ความแรง” และ “ความประหยัด” รวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้วก็ได้
สำหรับการขับเคลื่อนของ 740Le xDRIVE PLUG IN HYBRID เกิดขึ้นจาก 2 ส่วนด้วยกัน คือ ระบบไฮบริดซึ่งมีพื้นฐานการทำงานที่หลายๆคนน่าจะรู้จึกกันดี เช่น เจนเนอเรเตอร์สำหรับปั่นไฟ และแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูง เพื่อจ่ายไฟสู่มอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับทำหน้าที่ขับเคลื่อน ร่วมกับเครื่องยนต์เบนซินที่เปิดฝากระโปรงหน้ามาก็เซอร์ไพรส์ทันที
เพราะเราคาดเดาว่าน่าจะเป็นเครื่องยนต์บล็อค 6 สูบ 3.0 ลิตร แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงเครื่องยนต์บล็อคเล็กพิกัด 2.0 ลิตร 4 สูบเท่านั้น พร้อมกับพ่วงของแรงอย่างเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ซึ่งสร้างพละกำลังได้สูงถึง 255 แรงม้า และแรงบิดสูงถึง 400 นิวตันเมตร นับรวมกับทัพเสริมจากมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 83 กิโลวัตต์ และแรงบิดอีก 249 นิวตันเมตร ซึ่งบวกลบคูณหารแล้วได้เท่าไหร่ไม่รู้ … รู้แต่มันเป็นอะไรที่ “สะใจ” สุดๆ เมื่อ “จุ่มคันเร่ง”
“ขุ่นพระ” นี่หรือ “สมรรถนะ” ของรถ HYBRID
ถ้าใครเคยขับรถแวะไปทำธุระที่ตึก All Seasons Place ล่ะก็ คงพอเดาออกว่านี่คือ “ลานจอดรถปราบเซียน” แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่ทั้งซับซ้อน และรถราคับคั่งจนต้องจอดซ้อนคัน ชนิดที่ว่าเหลือเลนให้วิ่งแบบแทบจะพอดีคัน แถมจะเลี้ยวทีก็ต้องกะระยะให้ดีไม่งั้นสี “แลกสี” กันบ้างแน่นอน เอาเป็นว่าถ้า “มือใหม่” ลงไปล่ะก็ “มือเปียกเหงื่อ” แน่นอน
และที่นี่แหละครับ คือ จุดที่ยนตรกรรมสุดหรูจอดรอผมอยู่ และต้องขับออกมา ซึ่งที่รอดมาได้ก็ไม่ใช่เพราะฝีมือล้วนๆ นะครับ หากแต่เป็นเพราะ 740Le xDRIVE PLUG IN HYBRID มีสมรรถนะจนต้องยอมรับเลยทีเดียว ในเรื่องของการควบคุมแม้จะเป็นซีดานคันยักษ์ แต่ก็ยังสั่งการให้เชื่องมือได้ง่ายในเวลาเพียงไม่นาน ด้วยน้ำหนักพวงมาลัยที่เบาแรงในความเร็วต่ำ ช่วยให้คืบคลานออกมาจากลานจอดได้อย่างปลอดภัย แบบมีลุ้นก็แค่ขนาดความกว้างของตัวรถที่พอดีเลนวิ่งอย่างที่บอกไว้แค่นั้น
หลังจากพ้นลานจอดใต้ตึกก็มาสู่ ลานจอดขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า “ถนน” ในกรุงเทพฯ ซึ่งไม่รู้จะ “ติด” ไปถึงไหน ก็แค่ต้องใจเย็นๆ และปล่อยไปตามสถานการณ์จนกว่าโอกาสจะมาถึง และสำหรับการขับขี่ในเมืองก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าประทับใจทีเดียว เพราะแม้จะมีขนาดตัวรถที่ทั้งยาว ทั้งใหญ่ … แต่เชื่อมั้ยว่าด้วยแรงตอบสนองของพละกำลัง และพวงมาลัยที่ตอบสนองได้อย่างเฉียบคม คือ สิ่งที่ช่วยลดขนาดตัวรถลงอย่างเหลือเชื่อ เพราะเค้าให้ความคล่องตัวในการขับขี่ จนทำให้ผมกล้า “มุด” ประดุจขับ 3 Series ยังไงยังงั้น จนถึงขนาดล้มเลิกความคิดที่จะออกไป “ซ่าส์” นอกเมืองเลย
และหันมา “ป่วน” กับการขับขี่ในเมืองแทน โดยนอกจากความคล่องตัวที่เหลือเชื่อแล้ว อัตราเร่งยังเป็นอีกจุดที่ “น่ากลัว” ทีเดียว เพราะในขณะที่กดคันเร่งเต็มๆ ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์ จะพร้อมใจกันส่งกำลังทั้งหมดผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDRIVE โดยสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ “แรงดึง” หนักๆ แต่สุภาพจะกดตัวคุณอยู่กับเบาะๆ ตั้งแต่วินาทีแรก ตามด้วยความเร็วที่ไต่ขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง
แถมยังรวดเร็วชนิดที่ว่าถ้าไม่เหลือบตามองระดับความเร็ว คุณคงไม่ยอมถอนเท้าจากคันเร่งเป็นแน่ๆ เพราะในพริบตาเดียว “เจ้ายักษ์” คันนี้จะทะลุ 200 กม./ชม. ไปแบบหน้าตาเฉย นี่แหละคือจุดที่ “น่ากลัว” แต่ในความน่ากลัว มันก็มีความ “มันส์” ในอารมณ์เป็นตัวหนุนส่งๆ ให้เราทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้อีกหลายครั้ง ทั้ง “มุด” ทั้ง “กระแทก” คันเร่งเกือบทะลุ 200 กม./ชม. ซึ่งคงต้องขออภัยใครก็ตามที่เจอ 7 Series บ้าพลังในวันนั้น
Gallery : BMW 740Le xDRIVE PLUG IN HYBRID
บทความแนะนำ
ปตท. มอบสิทธิ์เฟรนไชส์ Jiffy ในประเทศลาว ผลักดันแบรนด์คนไทยสู่เวทีอาเซียน
อีซูซุพาเที่ยวเส้นทาง Unseen กัมพูชา กับอีซูซุคาราวานสัญจร 2017 “เที่ยวดี ทำดี…ฉลอง 60 ปีอีซูซุ”