ขับรถขึ้นเขาทางโค้งอย่างปลอดภัย
จากประสบการณ์ที่ผมเคยขับเส้นทางที่โหดๆในการท่องเที่ยวเมืองไทย ผมเชื่อว่าในทุกการเดินทางที่ยากลำบากมักจะมีสิ่งสวยงามพร้อมประสบการณ์ใหม่ๆ รอเราอยู่เสมอ
การขับรถเข้าโค้งหักศอกขึ้นเขารูปฟันปลา
ในการขับแบบนี้ต้องให้ผู้ช่วยดูรถด้านซ้ายด้วย โดยมองถนนด้านบนก่อนว่าไม่มีรถสวนลงมา แล้วกดแตรสักนิดก่อนจะขับขึ้นไป หลักการขับก็เหมือนเข้าโค้งธรรมดา จะเลี้ยวซ้ายก็หักพวงมาลัยไปทางขวาก่อน แล้วหักพวงมาลัยไปทางซ้ายเข้าโค้ง เมื่อรถเข้าโค้งล้อหน้าจะเกิดแรงต้าน รถต้องใช้กำลังมาก ทำให้รถขับขึ้นได้ช้า ควรคืนพวงมาลัยกลับมาบ้าง และเร่งเครื่องทำแบบนี้เป็นจังหวะไปมาจนพ้นโค้ง การขับลงโค้งแบบนี้อย่าใช้ความเร็ว ควรลงช้าๆ ใช้เบรคช่วยชะลอความเร็วแต่อย่าเหยียบแรง ท้ายรถจะปัด ยิ่งหน้าฝนท้ายรถจะปัดได้ง่าย ถ้าท้ายรถปัดรถจะเสียการทรงตัว ให้หักพวงมาลัยไปทิศทางท้ายรถ เช่น ท้ายรถปัดไปทางขวาก็ให้หักพวงมาลัยไปทางขวา เมื่อรถทรงตัวได้แล้วให้บังคับรถไปในทิศทางที่ต้องการ ถ้าเอาไม่อยู่ให้เลือกทางภูเขาไว้ก่อน อย่าเลือกทางหน้าผาก็แล้วกัน อีกอย่าง คือ การเพิ่มระยะทางการเบรค การเบรครถกะทันหัน รถเราอาจไปชนรถข้างหน้า ควรเลี้ยวรถดึงพวงมาลัยไปทางไหล่ทาง หรือมีพื้นที่เพื่อเพิ่มระยะทางการเบรค
การขับรถบนภูเขาที่มีทางคดเคี้ยวไปมาเป็นเวลานานๆ
เมื่อถึงทางตรงลงเขายาวๆ อย่าขับเร็วเด็ดขาด คนขับส่วนมากจะขับรถด้วยความเร็วสูง สิ่งนี้ อันตรายมากครับ ทางแบบนี้ น้ำหนักรถ ความเร็ว ระยะทางถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เช่น มีรถ,คน,ฯลฯ จากข้างทาง รถจะหักหลบไม่พ้นแน่ๆ และถึงจะหักหลบได้แต่รถต้องเกิดอะไรที่ไม่คาดฝันแน่ๆ ไม่พลิกคว่ำ แหกข้างทางเข้าป่า หรือไม่ก็ชนรถที่วิ่งสวนมา
การขับในทัศนวิสัยไม่ดี
ทางโค้งแคบที่มีสันเขาบังสายตา ควรเข้าโค้งแบบธรรมดา ต้องบีบแตรส่งสัญญาณทุกครั้งก่อนจะเข้าโค้งเพื่อป้องกันรถที่วิ่งสวนมา เนื่องจากคนที่ขับรถเจ้าถิ่นบนภูเขาเป็นประจำจะขับรถตัดโค้ง ส่วนทางลูกรังหรือทางที่มีหินลอย ทางแบบนี้ถือได้ว่าเป็นทางปราบเซียน เกิดอุบัติเหตุกันมาหลายคันแล้วครับ การที่ล้อรถลอยตัวขณะวิ่งเข้าโค้งเราไม่สามารถบังคับได้อย่างที่ต้องการ และการที่เราไม่คุ้นเคยกับเส้นทางมาก่อนก็ไม่ควรขับรถด้วยความเร็ว และการขับขี่ทุกครั้งต้องมี “สติ” ครับ