ของหายากระดับ Rare อีกคันกับ BMW M3 CS 2018 (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม3 ซีเอส 2018) เวอร์ชั่นพิเศษแบบ Special Edition ที่มีเพียง 1,200 คันทั่วโลก และ 550 คันในประเทศสหรัฐอเมริกา
BMW Group ปล่อยของหายากเวอร์ชั่นพิเศษสุดแบบ Special Edition ในชื่อรุ่น BMW M3 CS 2018 (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม3 ซีเอส 2018) ซึ่งพื้นฐานของตัวถังแบบ 4 ประตู ที่จัดหนักแบบเต็มข้อ ทั้งจากความสปอร์ตของรูปลักษณ์ และความดุดันในสมรรถนะที่ไว้ใจได้ โดยเฉพาะกับยนตรกรรมที่ได้รับการประทับตราสัญลักษณ์ M … ซึ่งถ้าอยากรู้รายละเอียดว่ามัน “เจ๋ง” แค่ไหนก็เชิญทัศนากันได้เลยครับ
BMW M3 CS 2018 พื้นฐานซีดาน ผ่านคอร์สลดน้ำหนัก
บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม3 ซีเอส 2018 เวอร์ชั่นพิเศษสุดแบบ Special Edition มาพร้อมกับการแต่งหล่อบนพื้นฐานของตัวถังแบบ 4 ประตู ที่เข้าคอร์สลดนน้ำหนักชุดใหญ่ ด้วยการเปลี่ยนไปใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และเส้นใยพลาสติก CFRP (Carbon Fiber-Reinforced Plastic) ในส่วนของฝากระโปรงหน้า, หลังคา และโครงสร้างตัวถัง ช่วยทำให้เบาลงอีกราวๆ 50 กก. ซึ่งทำให้เวอร์ชั่นนี้คือ M3 CS รุ่นที่มีน้ำหนักเบาที่สุด เท่าที่เคยผลิตมา ทั้งยังมีความเฉียบคมยิ่งขึ้นจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง
อารมณ์ความสปอร์ตได้รับการอัพเกรดด้วยภายนอกที่เสริม Splitter ด้านหน้า สปอยเลอร์บนฝากระโปรงท้าย และชุด Diffuser กันชนหลังที่ยกมาจาก M4 GTS ออกแบบให้รับกับชุดท่อไอเสียสแตนเลส M Sports Exhaust System โดยในส่วนของกันชนหน้า และ Diffuser หลัง ติดตั้งครีบ Gurney Flap จัดเรียงกระแสลม เพื่อยกระดับประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์
นอกจากการปรุงแต่งรูปลักษณ์เพื่อยกระดับสมรรถนะแล้ว ยังได้เพิ่มความดุดันมากขึ้นด้วย Package ชุด BMW Individual High Gloss Shadow Line และไฟท้ายแบบรมดำ Darkened Rear Light ซึ่งทำให้โทนสีตัวรถ สีขาว Alpine White โดดเด่นขึ้นอีกระดับ
แต่ถ้าสีขาว Alpine White เกิดไม่ถูกโฉลก ก็สามารถเลือกออพชั่นสีอื่นได้ โดยจะมีให้เลือกคือ สีฟ้า San Marino Blue Metallic, สีเทา Lime Rock Grey Metallic, สีน้ำเงิน Frozen Dark Blue II Metallic และสีดำ Black Sapphire Metallic
ภายในปรับแต่งใหม่ในสไตล์ Special Edition
ห้องโดยสารภายมากับความแตกต่างจากเวอร์ชั่นมาตรฐาน โดยหลักๆ จะเป็นในเรื่องของโทนสี ซึ่งจะมีสีเงินกับ สีดำ Silverstone/Black ใช้วัสดุที่ให้อารมณ์สปอร์ต เช่น หนัง Merino และ Alcantara ติดตั้งเบาะนั่งคู่หน้า M Sports Seats ที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้เบา และกระชับสรีระ
โดยจะมาพร้อมกับเข็มขัดนิรภัยลาย BMW M Stripes และพวงมาลัย M Sports Steering Wheel หุ้มหนัง Alcantara สี Anthracite พร้อมตำแหน่งมาร์คจุดสีเงินที่ 12 นาฬิกา
ส่วนของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ยังเรียกว่ามีความเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, ชุดเครื่องเสียงจาก Harman Kardon, ระบบนำทาง BMW Navigation System Professional ที่ติดตั้งมาให้เป็นครั้งแรก รวมถึงความสะดุดตาจากปุ่ม Start/Stop สีแดงสด
มั่นใจได้ในความแรง กับยนตรกรรมรหัส M
M3 CS มากับเครื่องยนต์ 6 สูบ BMW M TwinPower Turbo, ระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแรงดันสูง High Precision Direct Injection รวมถึงระบบวาล์วแปรผันอย่าง VALVETRONIC และ Double-VANOS พร้อมด้วยการอัพเกรดใหม่ ทำให้มีพละกำลังเพิ่มขึ้นอีก 28 แรงม้าเป็น 453 แรงม้า ที่ 6,250 รอบต่อนาที
ส่วนแรงบิดนั้นเพิ่มขึ้นอีกราว 10% หรือราวๆ 600 นิวตันเมตร และมีให้ใช้ตั้งแต่ 4,000 – 5,380 รอบต่อนาที โดยจะมาพร้อมกับชุด M Driver’s Package เร่งจาก 0-60 ไมล์/ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.7 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 174 ไมล์/ชม. หรือราวๆ 280 กม./ชม.
ด้านระบบส่งกำลังนั้นมากับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด M Double Clutch Transmission (M DCT) พร้อมระบบ Drivelogic, Paddle Shift และระบบล็อครอบออกตัว M Launch Control
ระบบช่วงล่างนั้นมากับตัว Adaptive M Suspension พร้อมฟังค์ชั่นเลือกปรับแต่งด้วยโหมดมาตรฐาน คือ Comfort, Sport และ Sport+ เสริมด้วยความเร้าใจจากระบบล็อคเฟืองท้าย Active M Differential ตลอดจนระบบ M Dynamic Mode (MDM)
ระบบเบรกจะมากับ BMW M Compound Brakes เป็นอุปกรณ์มาตรฐานจับคู่คาลิปเปอร์ด้านหน้า 4 Port และด้านหลัง 2 Pot แต่ถ้าอยากได้ของหนักก็มีออพชั่น BMW M Carbon Ceramic Brakes รออยู่ โดยจะมากับชุดคาลิปเปอร์ 6 Pot ในด้านหน้า และ 4 Pot ในด้านหลัง
ติดตั้งล้ออัลลอยด์น้ำหนักเบาสีเทา Orbit Grey Matt ที่ออกแบบ และพัฒนามาจาก M4 เวอร์ชั่นตัวแข่งในรายการ DTM ซึ่งจะมีขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 265/35 R 19 ในด้านหน้า และด้านหลังขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 285/30 R 20 โดยใช้ยางแบรนด์ Michelin รุ่น Pilot Super Sport
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=Drs_kRWrLzs[/embedyt]