เสียงดังแกร๊กๆ เวลาสตาร์ท สักพักก็เงียบไป..เกิดจาก
เรื่องใกล้ตัวที่คาดไม่ถึง บางครั้งความไว้เนื้อเชื่อใจ ก็อาจย้อนกลับมาทำร้ายเราก็เป็นได้ ดังกรณีตัวอย่างที่คนใกล้ตัวผู้เขียน ประสบมา กับเรื่องราวที่ดูจะเป็นปัญหากวนใจของผู้ใช้รถยนต์ อันหาสาเหตุที่มาได้ยาก นั่นก็คือเรื่องของ “เสียง” โดยเฉพาะ เสียงดังแกร๊กๆ มาจากในห้องเครื่อง แถมยังดังเอาตอนสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ๆ พอสักพัก เสียงก็เงียบลง หายไป บางครั้งก็เป็นตอนสตาร์ทเครื่องเย็น บางครั้งก็เป็นตอนสตาร์ทเครื่องร้อน..เอาล่ะสิ งานนี้ไม่หมูอย่างที่คิด
เสียงตามสายที่ได้ฟังครั้งแรก ก็คือ เสียงดังแกร๊กๆ จากปลายสายที่บอกเล่าผ่านไมโครโฟนบนสัญญาณ 4G มาให้ฟัง ถึงอาการของรถยนต์เก๋งไซส์กลางค่อนไปทางใหญ่ยี่ห้อหนึ่ง จากค่ายญี่ปุ่น ที่มีทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ และ2.5 ลิตร V6 สูบ โดยรถคันเจ้าปัญหานี้เป็นรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร
จากคำบอกเล่าที่พ่นผ่านปลายสายถึง เสียงดังแกร๊กๆ พูดตามตรงเลยว่า มึนตึ๊บ เพราะไม่รู้จะตอบคำถามนี้ได้อย่างไร จึงได้ถามย้อนกลับไปว่า ดัง มาจากส่วนไหนในห้องเครื่องยนต์ ซ้าย-ขวา-หน้า-หลัง เพราะผู้เขียนไม่ใช่เจ้าของรถ ไม่ได้อยู่กับรถตลอด จึงค่อยๆ หาข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ต่อไป
“ดังมาจากในเครื่องนี่แหล่ะ” ปลายสายว่ามาอย่างงี้ มันจะดังตอนสตาร์ท สักพักพอเครื่องเริ่มร้อน เสียงก็หายไป รถก็ขับได้ตามปกติ ไม่มีเสียงแปลกประหลาดใดๆ เลย
ซึ่งอาการเสียงดังที่ว่านี้ ไม่ได้เป็นเฉพาะเครื่องเย็นอย่างเดียว เครื่องร้อนตอนสตาร์ทใหม่ๆ ก็ดังด้วยเช่นกัน แต่ดังน้อยกว่า พอแป๊ปเดียว เสียงที่ว่าก็หายไป ซึ่งเจ้าของมองว่า เรื่องนี้ผิดปกติแน่นอน
ใครจะคิดว่า เสียงดังแกร๊กๆ ที่ว่ามันจะมาจาก น้ำมันเครื่อง
แน่นอนว่าเรื่องนี้ ถาม-ตอบ ผ่านระบบ 4G คงไม่ได้รับการแก้ไขเป็นแน่ เพราะผู้เขียนเองก็ไม่สามารถหาสาเหตุได้ ถ้าไม่ได้ฟังด้วยตัวเอง รวมถึงการที่ต้องจับนู่น ดูนั่น เช็คนี่ไปด้วย
เมื่อเวลาตรงกัน เก๋งญี่ปุ่นคันหรู ที่เพิ่งผ่านการใช้งานมา 1.3 แสนกม.ในระยะเวลาเพียง 6 ปี ก็ได้มาจอดให้ผู้เขียนได้ฟังสำเนียงอันแปลกแปร่ง ที่เจ้าของรถว่ามันผิดปกติ
ตอนที่ได้เจอกับรถตัวเป็นๆ นั้น เสียงที่ว่า ดูจะไม่ชัดเจนเท่าไหร่ อาจจะด้วยเครื่องยนต์ยังร้อนอยู่ก็เป็นได้ จึงได้สอบถามข้อมูลไปเรื่อยๆ เผื่อจะมีตรงไหนผิดสังเกตให้เราได้ประเมิน
จากเอกสาร ใบเสร็จแจ้งซ่อม แจ้งเปลี่ยน และคำบอกเล่า รถคันนี้ เข้าศูนย์บริการ มาโดยตลอด ไม่ว่าจะมีอะไรเสีย แอร์ไม่เย็น เช็คระยะ ใช้บริการที่ศูนย์บริการของยี่ห้อตัวเองมาอย่างต่อเนื่อง (ตามประสาคนมีกะตังค์ และไม่ชอบความวุ่นวาย)
จนผู้เขียนคิดไปคิดมา พร้อมดูประวัติจากใบเสร็จประกอบไปด้วย ก็ยังคิดไม่ตกว่า มันจะมีอะไรที่ทำให้รถคันนี้มีเสียงดังผิดปกติ
เมื่อมันดังมาจากในตัวเครื่อง แสดงว่าต้องมีชิ้นส่วนในตัวเครื่องได้รับการเสียดสี โดยที่มีการหล่อลื่นไม่ทัน เพราะสักพักเสียงก็หายไป พอเช็คจากใบเสร็จ น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ก็เปลี่ยนถ่ายตามระยะ ไม่มีอะไรผิดแผก เพราะถึงเวลาทางศูนย์ก็โทรมาแจ้งก่อนเสมอ
อะไรดลใจอีกครั้ง หลังจากก้มๆ เงยๆ จนเกือบหน้ามืด พลันที่มือผู้เขียน ไปคว้าชักเอาก้านน้ำมันเครื่องขึ้นมาดู ทั้งๆ ที่เพิ่งเปลี่ยนถ่ายไปได้ 3 เดือนเอง
แล้วก็พบข้อสงสัยที่ว่า ทำไมก้านวัดน้ำมันเครื่อง ถึงมีคราบดำๆ เกาะอยู่ที่ก้าน ซึ่งโดยปกติ หากเราชักก้านขึ้นมาเพื่อเช็คดูระดับน้ำมันเครื่อง ตัวเหล็กก้านวัด จะมีเพียงน้ำมันเกาะเท่านั้น เอาผ้าเช็ดน้ำมันก็ออก แล้วจะเหลือแต่ก้านที่เป็นสีของโลหะ ไม่ควรจะมีสิ่งแปลกปลอมฝังตัวอยู่ที่ก้านวัด
งานนี้วิเคราะห์ได้ว่า น่าจะมีสิ่งแปลกปลอมใดๆ ปะปนในน้ำมันเครื่อง จนทำให้อุปกรณ์ที่ต้องมีน้ำมันเครื่องวิ่งผ่าน อย่างเช่นปั๊มน้ำมันเครื่อง เกิดการอุดตัน จนทำให้ช่วงสตาร์ทครั้งแรก ฉีดน้ำมันไปหล่อลื่นไม่ทัน จึงเกิดการเสียดสีของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์
เมื่อมองว่างานนี้ไม่หมูนัก การจะรื้อปั๊ม รื้อฝักบัวฉีดน้ำมันเครื่องมาล้าง หรือเปลี่ยน ดูจะเป็นงานช้าง และค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง จึงได้เลือก เปิดวาล์ว (งานไม่ยาก) ออกมาดูเพื่อย้ำความแน่ใจ แล้วก็เป็นอย่างที่สันนิษฐาน มีคราบฟิล์ม ดำๆเกาะตามแคมชาฟท์ และฝาวาล์ว
วิเคราะห์จากคราบฟิล์มสีดำได้ว่า
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไม่ตรงตามกำหนดเวลา
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจริง แต่ไม่เปลี่ยนกรอง
- ใส่หัวเชื้อน้ำมันเครื่องมา หรือไม่ก็สารมโนๆอะไรทำนองนั้น
- น้ำมันเครื่องไม่ได้มาตรฐาน