Mercedes-Benz EQC Edition 1886 ความ Limited บนสถานะก้าวแรกของยนตรกรรมไฟฟ้าล้วน
The Special Car for a Special Moment คือ ความพิเศษสุดๆ สำหรับ Mercedes-Benz EQC Edition 1886 ในฐานะ Limited Special Edition ที่เปรียบเสมือน “รุ่งอรุณ” แห่งยุคยนตรกรรมไฟฟ้า Electric Mobility เต็มรูปแบบ แห่งค่ายดาวสามแฉก เช่นเดียวกับตัวเลข 1886 ต่อท้ายชื่อ ที่มาพร้อมความหมายแฝง ในการให้เกียรติให้แก่ Karl Friedrich Benz ผู้ซึ่งสร้างยานยนต์ชื่อ Benz Patent-Motorwagen ที่ใช้เชื้อเพลิงเบนซิน และได้รับการยอมรับว่าเป็นรถยนต์คันแรกของโลก ในปีนั้น
Mercedes-Benz EQC Edition 1886 … as The Limited Edtion
แน่นอนว่าพื้นฐานยังคงเป็น Mercedes-Benz EQC 400 4Matic ยนตกรรมรุ่นแรก แห่งค่ายดาวสามแฉกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า “ล้วนๆ” แต่เมื่อมาในฐานะพิเศษ Edition 1886 ซึ่งให้เกียรติแก่หนึ่งใน “บิดา” Mercedes-Benz อย่าง Karl Friedrich Benz ทั้งที ทำให้ Mercedes-Benz EQC Edition 1886 จึงต้องมาพร้อม “อัตลักษณ์” พิเศษ
ซึ่งจะประกอบด้วยภายนอกที่สปอร์ตมากขึ้นด้วยตัวถังโทนสีเงิน Metallic High-Tech Silver เสริมความโดดเด่นด้วยชุดกระจังหน้าสีดำ ไปจนถึงการเลือกใช้สีดำเงา High-Gloss Black ในส่วนของตราสัญลักษณ์ EQC Edition 1886 บริเวณซุ้มล้อหน้า และล้ออัลลอยด์ตกแต่งด้วยโทนสีขาวลาย 10 ก้านขนาด 20 นิ้ว
ส่วนภายในห้องโดยสารมากับเบาะนั่งดีไซน์ใหม่ ตัดเย็บแบบงานฝีมือ หุ้มด้วยหนัง ARTICO สลับ DINAMICA ในโทนสีฟ้า Indigo Blue และสีดำ พร้อมงานปักอักษร EQC Edition 1886 บริเวณพนักพิง และการประทับตราไว้ที่คอนโซลกลาง ตลอดจนพรมพื้นที่มากับอักษณ “EQC” ทั้งยังมอบความรู้สึก Feel-Good ในทุกการเดินทาง ด้วยแพคเกจ ENERGIZING ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสบายแก่ผู้ขับ และผู้โดยสารในขณะเดินทางอย่างเหมาะสมอีกด้วย
ก้าวแรกสุดพิเศษ แห่งฐานะยนตรกรรมไฟฟ้าล้วน
สำหรับ “สมรถนะ” ของ Edition 1886 ยังคงตั้งอยู่บนพื้นฐานของ Mercedes-Benz EQC ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ โดยยังคงใช้เครื่องชาร์จออนบอร์ดระบายความร้อนด้วยน้ำ (OBC) ขนาด 7.4 kW โดยสามารถชาร์จแบบกระแสสลับ (AC) ได้ทั้งที่บ้าน และสถานีชาร์จสาธารณะ ส่วนการชาร์จไฟที่ Mercedes-Benz Wallbox นั้นเคลมว่าชาร์จได้เร็วกว่าถึง 3 เท่า
ในขณะที่เรื่องพละกำลังนั้นเรียกได้ว่า “สะใจ” สายโหด ด้วยเรี่ยวแรงระดับ 402 แรงม้า พร้อมแรงบิด 764 นิวตันเมตร จากการขับเคลื่อนโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว แยกติดตั้งที่เพลาหน้า และหลัง เพื่อสร้างการขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังแบบ Single Speed สู่ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ All-wheel drive
ซึ่งเคลื่อนที่จากหยุดนิ่งถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 5.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 180 กม./ชม. ในขณะที่แบตเตอรีลิเธียมไอออนความจุ 80 kWh หากชาร์จเต็ม จะสามารถวิ่งได้ไกลถึงระดับ 450-471 กม. เลยทีเดียว