McLaren Senna GTR LM ฉลองครบรอบ 25 ปี ให้ชัยชนะ Le Mans ปี 1995
หลังจากเปิดตัว McLaren Senna LM เวอร์ชั่นพิเศษเพียง 5 คันเพื่อฉลองชัย Le Mans ปี 1995 ไปได้ไม่นาน แบรนด์ผู้ผลิตสัญชาติอังกฤษรายนี้ก็ให้ McLaren Special Operations (MSO) เสิร์ฟความโหดต่อเนื่องทันทีอีก 5 คัน กับ McLaren Senna GTR LM ซึ่งมาพร้อมลวดลายพิเศษเฉพาะตัว
McLaren Senna GTR LM กับฐานะตัวแทนความโดดเด่นจากแต่ละช่วงเวลา
โดยทั้ง 5 คัน จะนำเสนอภาพที่สื่อถึง McLaren F1 GTRs ซึ่งเข้าเส้นชัยในการแข่งขัน Le Mans ปี 1995 ทั้ง 5 อันดับ ประกอบด้วย อันดับ 1st, 3rd, 4th, 5th และ 13th จากลวดลายของแต่ละคันที่มีความแตกต่าง จากการวาดด้วยมือที่ยาวนานถึงกว่า 800 ชั่วโมง
โดยคันแรก คือ GTR LM 825/1ที่มีแรงบันดาลใจมาจาก McLaren F1/01R หรือที่เรียกติดปากกันในยุคนั้นว่า “The Ueno Clinic car” เจ้าของตำแหน่งอันดับ 1 ในการแข่งขัน Le Mans ปี 1995 ซึ่งมากับความโดดเด่นด้วยโทนสีเทา Charcoal Grey
ส่วนคันที่ 2 คือ GTR LM 825/6 จากแรงบันดาลใจของรุ่น F1/06R ที่คว้าชัยในลำดับ 3 หลายคนรู้จักในชื่อ “’The Harrods Car” ซึ่งมีที่มาจากลวดลายบนรถอีกเช่นกัน ส่วนโทนสีที่ใช้นั้นมากับสีเหลือง Solar Yellow และคาดกลางด้วยโทนสีเขียว Heritage Green ซึ่งเป็นสีเอกลักษณ์ของแบรนด์ Harrods
คันที่ 3 คือ GTR LM 825/2 มีที่มาจากรุ่น F1/02R ซึ่งเข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่ 4 และชื่อที่รู้จักกันว่า “The Gulf Car” ที่สะดุดตาด้วยโทนสีน้ำเงิน Gulf Racing blue พร้อมการตกแต่งรายละเอียด้วยโทนสีส้ม “Gulf 95 Orange”
สำหรับคันที่ 4 อย่าง GTR LM 825/7 ได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่น F1/07R ที่รู้จักในนามว่า “The Jacadi Car” ซึ่งเข้าเส้นชัยในอันดับ 5 มากับโทนสีน้ำเงิน Royal Blue และการประทับตราโลโก้ “ELF” ดั้งเดิม แบบเดียวกับที่เคยเป็นสปอนเซอร์ให้กับการแข่งขันในปี 1995
ปิดท้ายด้วยรุ่น GTR LM 825/5 จากแรงบันดาลรุ่น F1/05R ด้วยชื่อที่รู้จักกันว่า “The Cesar car” เจ้าของลำดับที่ 13 ในการเข้าเส้นชัย และรายละเอียดบนตัวถังที่เพียบด้วยสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของการแข่งขัน Le Mans ชนิดที่เรียกว่าโดดเด่นที่สุดจากทั้งหมด 5 คันก็ว่าได้
และนอกจากลวดลายที่สะดุดตาแล้ว รูปลักษณ์ของทุกคันยังมากับการออกแบบจากหลักอากาศพลศาสตร์ชั้นสูง ซึ่งสามารถสร้างแรงกด Downforce ได้มากกว่า 1,000 กก. พร้อมด้วยขุมพลังจากพื้นฐานเครื่องยนต์เบนซิน 4.0 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศ Twin-Turbocharged ที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นใหม่ ด้วยการลดน้ำหนักลงอีกราว 65% ทำให้ได้กำลังเพิ่มขึ้นอีก 20 แรงม้า เป็น 845 แรงม้า ตามด้วยการปรับเปลี่ยนชุดท่อไอเสียเป็นแบบ GTR’s Inconel Exhaust System ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ก่อนปิดท้ายด้วยการเปลี่ยนล้อไปใช้แบรนด์ OZ Racing เสริมความโดดเด่นด้วยชุดคาลิปเปอร์เบรกสีทอง Satin Gold
ด้านภายในก็มากับความพิเศษด้วยพวงมาลัยแบบ Racing พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift สีทอง Anodised Gold พร้อมด้วยปุ่มควบคุมที่หยิบยืมดีไซน์มาจาก McLaren F1’s ด้วยโทนสีทอง ตามด้วยแป้นเหยียบจากไททาเนียม, สายห่วงหนังสำหรับดึงปิดประตู และเบาะนั่ง Racing Seat ที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมเข็มขัดนิรภัยแบบ 6 จุด