GLS 350 d 4MATIC AMG Premium ประกอบใน…. เต็มสูตรความหรูหรา แต่ราคาเอื้อมง่าย
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ก้าวข้ามทุกบรรทัดฐานความหรูหรา ด้วยการส่ง GLS 350 d 4MATIC AMG Premium “สุดยอดยนตรกรรมอเนกประสงค์พรีเมี่ยม” (Large Full-Size SUV) แบบ 7 ที่นั่งรุ่นประกอบในประเทศ สู่ตลาดเมืองไทยอย่างเป็นทางการ
พร้อมนำเสนอความโดดเด่น จากการผสานความหรูเหนือระดับในสไตล์ S-Class เข้ากับความแข็งแกร่ง และอเนกประสงค์ในแบบฉบับ SUV ภายใต้ความเพียบพร้อมจากระบบความปลอดภัยขั้นสูงสุด เพื่อตอกย้ำฐานะความเป็นผู้นำ และตอบโจทย์ความต้องการ Premium SUV ของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน กับราคาดุเดือดเร้าใจที่ 6,499,000 บาท
ความ “ครบ” ที่มอบโอกาสเป็น “เจ้าของ” ได้ “ง่าย” ขึ้น
รูปลักษณ์ภายนอกยังคงสะกดสายตา ที่มาพร้อมความโดดเด่นจากเทคโนโลยีไฟหน้าแบบ Multibeam LED พร้อมระบบไฟสูงแบบ Ultra Range Highbeam ที่ปรับความเข้มของแสง และความยาวของลำแสงได้อิสระ โดยมีระบบตรวจจับวัตถุที่คำนวณความสว่างอัตโนมัติ ขณะที่ด้านหลังนั้นมากับระบบไฟท้ายแบบ LED เสริมด้วยล้ออัลลอยด์น้ำหนักเบาดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ลวดลาย 5 ก้านคู่ขนาด 21 นิ้ว และชุดหลังคา Panoramic Sliding Sunroof เลื่อนเปิด-ปิดอย่างง่ายดาย ด้วยระบบไฟฟ้า สำหรับช่วยเพิ่มสุนทรียะในการขับขี่
ด้านภายในห้องโดยสาร ซึ่งรองรับได้สูงสุด 7 ตำแหน่ง ถูกออกแบบให้มีความกว้างขวาง และสะดวกสบายด้วยมาตรฐานเดียวกับ S-Class ซึ่งประกอบด้วยระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น 60 มม. ทำให้เบาะนั่งแถวที่ 2 พร้อมระบบปรับไฟฟ้า และระบบบันทึกตำแหน่ง สามารถปรับเลื่อนถอยหลังได้มากถึง 10 ซม. สำหรับการเพิ่มพื้นที่วางขา รวมไปถึงพนักพิงที่ปรับเอนได้มากขึ้น
ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 แบบ Full-Size นั้นรองรับผู้โดยสารที่มีส่วนสูงได้ในระดับ 194 ซม. และมาพร้อมระบบ Easy-Entry ออกแบบพิเศษให้ทั้งเบาะ และพนักพิงของแถวที่ 2 พับขึ้นด้วยระบบไฟฟ้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้การเข้าสู่ที่นั่งแถว 3 ทำได้ง่ายดายขึ้น
ขณะเดียวกันเบาะนั่งแถวที่ 2 และ 3 ก็ยังคงปรับพับได้อย่างอิสระ สำหรับรองรับการใช้งานที่หลากหลาย เพื่อการเพิ่มพื้นที่ความจุสัมภาระ ซึ่งทำได้สูงสุดถึง 2,400 ลิตร ไปจนถึงการเพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางมากขึ้น ด้วยระบบไฟส่องสว่าง Ambient Light ที่มีให้เลือกถึง 64 สี พร้อมด้วยหน้าจอขนาด 11.6 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 เพื่อมอบความบันเทิงแบบ MBUX Rear Seat Entertainment จำนวน 2 ตำแหน่ง พร้อมระบบควบคุมหน้าจอแบบสัมผัส และหูฟังแบบ Wireless Head Sets คุณภาพสูง
เสริมทัพด้วยเทคโนโลยีความสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัย เช่น ระบบแสดงภาพผ่านกล้อง 360 องศา ที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยไม่ว่าจะเป็นภาพมุมสูง (Bird’s-Eye Perspective) และภาพมุมด้านข้างล้อหน้า เพื่อช่วยเพิ่มความแม่นยำในการถอยจอดรถ, ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Active Distance Assist DISTRONIC) โดยใช้สัญญาณเรดาร์ที่กระจังหน้าคำนวณระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า แบบสัมพันธ์กับความเร็วของรถในขณะนั้น, ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดบอดสายตา (Blind Spot Assist) ที่ทำงานตั้งแต่ความเร็ว 12กม./ชม. และระบบ Active Lane Keeping Assist ที่จะช่วยดึงรถกลับเข้าช่องจราจรเดิมโดยอัตโนมัติหากตรวจพบความเสี่ยงในการชน
ส่วนความสะดวกสบายนั้นเริ่มต้นด้วยระบบเชื่อมต่อที่รองรับได้ทั้ง Apple CarPlay™ และ Android Auto™ ซึ่งมาพร้อมการฟังค์ชั่นปรับแต่งรูปการแสดงผลสไตล์ Classic, Sport, Progressive และ Subtle ที่ควบคุมได้โดยระบบสัมผัสจากปุ่มบริเวณพวงมาลัยดีไซน์สปอร์ต ที่ง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส
โดยมีไฮไลต์ที่ต้องยกให้กับระบบ Mercedes Me Connect กับความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยจะทำงานร่วมกับระบบมัลติมีเดียอัจฉริยะ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุดสำหรับผู้ขับขี่ ซึ่งรองรับการสั่งการผ่าน 2 จุดสำคัญ คือ หน้าจอ Widescreen ระบบสัมผัส (อินโฟเทนเมนต์) และ Touchpad (คอนโซลกลาง)
โดยระบบนี้มีจุดเด่นอยู่ที่คุณสมบัติการสร้างความผูกพันระหว่างผู้ขับขี่, ผู้โดยสาร และตัวรถ จากการเรียนรู้ และจดจำความต้องการผ่านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สามารถปรับแต่ง หรือปรับเปลี่ยนตามลักษณะการใช้งานจริงของผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งมาพร้อมกับฟังค์ชั่นใหม่ๆ อันน่าสนใจ อาทิ
- Navigation ระบบนำทางแบบใหม่ มาพร้อมกับ GPS ที่แม่นยำยิ่งกว่า บนแผนที่แสดงผลแบบ 3 มิติ (3D) ผ่านภาพกราฟิกความละเอียดสูง ซึ่งนอกจากใช้งานง่ายด้วยการสัมผัสหน้าจอแล้ว ระบบยังสามารถรายงานสภาพถนน และสถานะของร้านค้าต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย
- Personal Profiles ความสามารถในการจดจำข้อมูลของผู้ขับขี่แต่ละคน ตั้งแต่ลักษณะของการปรับเบาะที่นั่ง, สีไฟในห้องโดยสารที่ชอบ หรือกระทั่งสถานที่ที่ไปเป็นบ่อยครั้ง ฯลฯ ด้วยความสามารถในการจดจำได้มากถึง 22 โปรไฟล์
- Linguatronic ระบบสั่งการด้วยเสียงที่รองรับได้ทั้งภาษาอังกฤษ, ภาษาเยอรมัน และภาษาฝรั่งเศส ของทุกสำเนียงทั่วโลก (Natural Speech Recognition) ที่สามารถรับรู้ และเข้าใจได้เกือบทุกคำที่ปรากฏอยู่ในระบบอินโฟเทนเม้นท์ของรถ เพียงผู้ขับขี่ทำการเปิดระบบง่ายๆ โดยพูดว่า “Hey, Mercedes”
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อีกหลากหลายเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเพิ่มบริการ และฟังค์ชั่นต่างๆ ได้ตามต้องการผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน เช่น
- ระบบ Mercedes-Benz Emergency Call System ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถชน และถุงลมนิรภัยทำงาน เซ็นเซอร์ของระบบจะส่งตำแหน่งให้กับศูนย์ช่วยเหลือโดยอัตโนมัติทันที
- ระบบ Vehicle Monitoring สำหรับเช็คสถานะ และตำแหน่งล่าสุด หรือเส้นทางการขับขี่
- ระบบ Vehicle Set-Up ที่ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบสภาพรถได้จากระยะไกลจากเซ็นเซอร์ ที่จะทำการส่งข้อมูลผ่านแอพพลิเคชั่นให้ทั้งผู้ขับขี่ และศูนย์ซ่อมบำรุงเปิดดูรายละเอียดข้อมูลสถานะต่างๆฃ
- ระบบ Maintenance Management กับการทำหน้าที่ช่วยเตือน เมื่อถึงเวลานำรถเข้าตรวจสภาพ และจะทำการตั้งวัน และเวลาเข้ารับบริการในครั้งต่อไปให้อัตโนมัติ
- ระบบ Online Booking ฟังค์ชั่นสำหรับนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการต่างๆ
สมรรถนะอันแข็งแกร่งในแบบฉบับยนตรกรรม SUV เกิดขึ้นจากขุมพลังดีเซลแบบ 6 สูบ ขนาด 2,925 ซีซี พ่วงระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ 2 – Stage ซึ่งให้กำลังสูงสุดถึง 286 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ รอบต่ำเพียง 1,200-3,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ 9G-Tronic พร้อม Gearshift Paddles ที่พัฒนาให้มีการเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว และนุ่มนวล ตลอดจนประหยัดเชื้อเพลิงกว่า 6.5%
ขณะที่การขับเคลื่อนมากับระบบ 4 ล้อ (4MATIC) แบบ Full Time และระบบช่วงล่างแบบถุงลม (AIRMATIC) พร้อมระบบควบคุมระดับอัตโนมัติ สำหรับมอบประสบการณ์การขับขี่แบบ Off-Road ที่ดีที่สุด ควบคู่ไปกับความดุเดือดในสไตล์ On-Road ที่เร้าใจที่สุด ด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7 วินาที และความเร็วสูงสุดระดับ 227 กม./ชม. ตลอดจนการเป็นครั้งแรกที่จะได้พบกับฟังค์ชั่นเตรียมรถเข้าสู่เครื่องล้างอัตโนมัติ ผ่านการทำงานร่วมกับระบบ AIRMATIC ที่ใช้งานง่ายดายเพียงสั่งการผ่านหน้าจอ Media Display เท่านั้น
ราคารถใหม่
Mercedes-Benz รุ่น GLS 350 d 4MATIC AMG Premium ราคา 6,499,000 บาท