กระจกไฟฟ้า … ใช้ให้ครบ แม้ขับคนเดียวก็ตาม

ว่าด้วยเรื่องของ “กระจกไฟฟ้า” อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เรียกได้ว่าจัดมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานแทบจะในรถทุกรุ่น ไม่ว่าจะ 2 ประตู หรือ 4 ประตูก็ตาม …โดยประเด็นสำคัญที่ทำให้เกิดความเสียหายคือ “ลืมใช้งาน” เพราะปกติ ผู้ขับขี่ก็มักจะใช้ กระจกไฟฟ้าฝั่งคนขับเป็นหลักในทุกๆ กิจกรรม และก็อาจจะมีบ้างที่ข้ามไปใช้ฝั่งผู้โดยสารตอนหน้า จนลืมไปว่ายังมีกระจกไฟฟ้าอีก 2 บานในส่วนของผู้โดยสารด้านหลัง ซึ่งแทบจะไม่เคยใช้งาน หรือใช้งานน้อยมากจนนับครั้งได้ ซึ่งนั่นแหละครับ คือ ปัญหาที่จะทำให้เราต้อง “เสียเงิน” ได้ในอนาคต หากไม่รู้จักดูแลรักษา

กระจกไฟฟ้า

โดยวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ “ใช้งาน” ครับ เพราะส่วนประกอบของกระจกไฟฟ้าไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแต่มีจุดอ่อนในเรื่องของวัสดุ เช่น “ยาง, พลาสติก หรือสายสลิง” รวมอยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่ามันมีอายุการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองร้อน ที่วัสดุพวกนี้สามารถเสื่อมคุณภาพจนแข็งกรอบ หรือเปื่อย ได้ตามอายุขัย

แถมจะยิ่งไปไวมากขึ้นอีกด้วย หากไม่มีความเคลื่อนไหวจากการใช้งาน ที่ต่อมาจะกลายเป็นความ “ฝืด” จนมอเตอร์ต้องรับภาระหนัก และท้ายที่สุดก็อาจจะ “ไหม้” เสียหายได้ แต่ถ้ามอเตอร์ยังฟิตปั๋ง เวรกรรมก็จะตกไปอยู่ในส่วนของวัสดุดังกล่าว ซึ่งแข็งกรอบ พร้อมแตกเสียหายทันทีเมื่อเกิดการเคลื่อนไหว พูดง่ายๆ ว่าเสียเงินแน่ ไม่ทางใด ก็ทางหนึ่ง

กระจกไฟฟ้า

เพราะปัญหามันเกิดจากความฝืด แบบไร้การหล่อลื่นในจุดเคลื่อนไหวต่างๆ ซึ่งเกิดจากเราไม่ได้ใช้งานนั่นล่ะครับ เพราะฉะนั้นวิธีดูแลที่ง่ายที่สุด ก่อนปัญหาจะเกิดก็อย่างที่บอกไปว่า ต้อง “ใช้งาน” บ้าง เปิด-ปิดกระจกไฟฟ้าทุกบานเท่าที่ทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ 2 บานผู้โดยสารด้านหลัง ที่ส่วนใหญ่มัก “ลืม” ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวในระบบ และป้องกันชิ้นส่วนแข็งกรอบแตกก่อนวัยอันควรนั่นเอง

หรือถ้าเป็นไปได้ก็ใช้เงินป้องกันปัญหา ไม่ว่าจะเข้าศูนย์ หรือเข้าอู่ ก็ให้เค้าเปิดแผงประตูออกมา ไล่หยอดน้ำมัน ทาจารบีในจุดเคลื่อนไหวต่างๆ เชื่อเถอะว่าใช้งบประมาณแค่ไม่กี่ร้อยบาท แต่ไม่ใช่ว่าจะต้องทำทุกครั้งนะครับ เอาซัก 2-3 ปี ทำซักครั้งก็ได้ … แล้วก็อย่าลืมว่าต้อง “ใช้งาน” เค้าบ้างนะครับ ง่ายๆ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถประหยัดเงินค่าซ่อม ค่าอะไหล่ และยืดอายุการใช้งานกระจกไฟฟ้าออกไปได้มากทีเดียว