รีวิว : 15 บทสรุป การขับทดสอบ Honda Accord 2021 ปรับใหม่ ใส่ออปชั่นมาแบบ ล้นๆ
ครบรอบ 2 ปี สำหรับ Honda Accord เจนเนอเรชั่นที่ 10 ถือเป็นระยะเวลาที่ต้องมีการปรับเพื่อกระตุ้นตลาด และแม้ว่าจะเป็นช่วงโควิด แต่การปรับในครั้งนี้จะมีอะไรบ้างนั้น เดี๋ยวเราไปดูบทสรุปหลังจากการทดสอบกันว่า ปรับแล้วดี ปรับแล้วเด่น ปรับแล้วโดนใจตรงไหน
การปรับในครั้งนี้ของ Honda Accord 2021 เจนเนอเรชั่นที่ 10 ยังไม่ใช่การปรับแบบ ไมเนอร์เชนจ์ นัก น่าจะเรียกว่าเป็นการปรับแบบใส่ออปชั่น เพื่อมาเติมเต็มสิ่งที่แฟนๆ เรียกร้อง และสื่อมวลชนเคยให้ความเห็นตั้งแต่ แอคคอร์ด เจนฯ นี้เปิดตัว โดยฮอนด้าได้บอกไว้ว่า ครั้งนี้เป็นการ ยกระดับความคุ้มค่าขึ้นอีกขั้น ในทั้ง 3 รุ่นย่อย ซึ่งมีดังนี้
- รุ่น e:HEV TECH ราคา 1,799,000 บาท
- รุ่น e:HEV EL+ ราคา 1,639,000 บาท
- รุ่น EL ราคา 1,499,000 บาท (ราคาปรับขึ้นจากเดิม 24,000 บาท)
15 บทสรุป หลังการขับ และสัมผัส Honda Accord 2021 ใหม่
- อย่าเพิ่งร้องทักว่า รุ่นไฮบริด หายไปไหน ฮอนด้าเค้าปรับการเรียกชื่อใหม่ ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว โดยเริ่มมาจาก ฮอนด้า ซิตี้ ถ้าเป็นเครื่องยนต์พันธุ์ผสม จะใช้ชื่อว่า e:HEV
2. อย่างที่บอกไปตอนต้น การปรับครั้งนี้เค้าไม่ได้เรียก ไมเนอร์เชนจ์ ฉะนั้นรูปลักษณ์หน้าตา ไม่ได้ถูกเสริมเติมแต่งแต่อย่างใด สังเกตได้จากราคาที่ให้ไว้ด้านบน ซึ่งคงราคาเดิมในรุ่นที่เป็นเครื่อง e:HEV ส่วนรุ่น EL หรือเครื่องยนต์ 1.5 Turbo ที่เป็นเครื่องยนต์เบนซินนั้น จะปรับเพิ่มจาก 1,475,000 บาท เป็น 1,499,000 บาท เรียกได้ว่าเพิ่มเล็กน้อย
3. ภายนอกของรุ่น EL หรือ 1.5 Turbo นั้น หลายคนที่ซื้อไปก่อนหน้านี้ มักนำไปติดตั้ง สปอตไลท์ ด้วยตนเองในภายหลัง เพราะฮอนด้าไม่ได้มีให้แต่แรก ถ้าจะมีก็ต้องรุ่นที่เป็นไฮบริด ดังนั้นครั้งนี้ฮอนด้าได้จัดการติดตั้ง สปอตไลท์แบบ LED มาให้เรียบร้อย ไม่ต้องไปหาใส่เองอีกแล้ว เพราะราคาแรงเอาเรื่องอยู่
4. ชายล่างด้านกันชนหลัง ดีไซน์สปอร์ตขึ้นแบบ ท่อไอเสียคู่พร้อมปลอกสเตนเลส ในรุ่น EL ช่วยให้ดูซิ่งขึ้น สปอร์ตขึ้น เข้ากับบุคลิกของรุ่นนี้ ซึ่งภายนอกของรุ่น EL หรือ 1.5 Turbo จะมีปรับเพิ่มเพียงเท่านี้ นอกนั้นทุกอย่างเหมือนเดิมหมด ไม่ว่าจะหน้าตา ล้อแม็ก เป็นต้น
5. ส่วนในรุ่นที่เป็น e:HEV ไม่ต้องถามหาอะไรเพิ่ม หรือแต่งหน้าทาปากแต่อย่างใด เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็ใส่ออปชั่นมาเต็มอยู่แล้ว โดยภายนอกนั้นปรับความเป็น e:HEV ให้ชัดเจนขึ้น สร้างความโดดเด่นแตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซินด้วย โลโก้ H Mark กรอบสีฟ้า ใหม่ และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย เป็นการเพิ่มความแตกต่างอย่างเด่นชัดระหว่างขุมกำลังทั้งสองแบบนี้
6. ภายในรุ่น EL เครื่องยนต์เบนซิน เปลี่ยนสีเบาะหนังใหม่เป็น สีน้ำตาล หรูหรา และดูพรีเมียมขึ้นมาก เทรนด์รถยุโรปก็เป็นสีน้ำตาลเช่นกัน (สีน้ำตาลเดิมจะมีเฉพาะในรุ่นไฮบริด) ยกเว้นสีภายนอกถ้าเป็นสีเงินลูนาร์ จะได้เบาะสีดำ
7. กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ ติดตั้งเพิ่มมาให้เลยในรุ่น EL
8. ม่านบังแดดหน้าต่างข้างด้านหลัง ติดตั้งมาให้ในรุ่น EL ซึ่งแต่เดิมจะมีเฉพาะในรุ่นไฮบริด
9. กระจกหน้าต่างทั้ง 4 บานแบบ One-touch หรือกระจกไฟฟ้าออโต้ทั้ง 4 บาน ติดตั้งเพิ่มมาให้ในรุ่น EL
10. ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง ใสเพิ่มเข้ามาให้ในรุ่น EL ซึ่งแต่เดิมจะมีเฉพาะในรุ่นไฮบริด
11. ช่องชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือแบบ wireless charger ติดตั้งมาให้ในรุ่น EL แต่เดิมจะมีเฉพาะในรุ่นไฮบริด
12. เครื่องยนต์ทั้งแบบเบนซิน 1.5 Turbo และ e:HEV ไม่ได้มีการปรับแต่งแต่อย่างใด รวมไปถึงช่วงล่างยังเหมือนเดิม ถ้าให้คอมเม้นในเรื่องการขับขี่ ต้องบอกว่ายังไม่ได้ถูกปรับในเรื่อง performance ให้กับแอคคอร์ด G10 แต่อย่างใด
13. เทคโนโลยี Honda Sensing ที่ติดตั้งเพิ่มเข้ามาในรุ่น EL แม้จะไม่ฟูลออปชั่นเท่า e:HEV แต่ก็ให้แบบที่เป็นตัวใหญ่ๆ มาเลย (แต่เดิมในรุ่น EL จะไม่มีให้) ซึ่งการทำงานของแต่ละระบบมีความแม่นยำ และความสมูธอย่างเช่น จังหวะพวงมาลัยดึงกลับ และการลดความเร็วอัตโนมัติในระดับที่น่าพอใจ
14. รุ่น e:HEV เพิ่ม ระบบฟอกอากาศพลาสม่าคลัสเตอร์ (plasmacluster technology) นี่เป็นสิ่งเดียวสำหรับภายในห้องโดยสารที่ปรับเพิ่มเข้ามา
15. การปรับครั้งนี้ ต้องบอกว่า เป็นการเพิ่มออปชั่นแบบจัดเต็ม ไฮไลท์อยู่ที่รุ่น EL เพราะแต่เดิมมีเสียงเรียกร้องว่า ให้ออปชั่นมาน้อยเกินไป คราวนี้ใส่มาทั้ง ไฟตัดหมอก เบาะสีน้ำตาล ช่อง USB ชาร์จไฟตรงช่องแอร์หลัง แท่นชาร์จแบบไวร์เลส ม่านหน้าต่างประตูหลัง กระจกมองปรับตัดแสงอัตโนมัติ กระจกหน้าต่างออโต้ทั้ง 4 บาน และระบบ Sensing ซึ่งที่กล่าวมานี้เอาเงิน 24,000 บาท ไปติดตั้งเองไม่มีทางได้แน่นอน
การปรับใส่ออปชั่นเพิ่มแบบท่วมท้นครั้งนี้ เรียกได้ว่า เอาใจกลุ่มหรูสายซิ่งที่เดิมมองว่า ออปชั่นที่ให้มาน้อยไปหน่อย ส่วนใครที่สนใจจะเข้ามาเป็นสมาชิก ฮอนด้า แอคคอร์ด เจนฯ 10 ในรุ่น EL หรือ 1.5 Turbo คงตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะ เพราะเค้าเอาออปชั่นที่มีอยู่แล้วจากรุ่นท้อป ลงมาใส่ในรุ่น EL นี้