BANGSAEN THAILAND SPEED FESTIVAL 2012 Day 1
รอคอยมา 1 ปีเต็มๆ กับมหกรรมทางเรียบ BANGSAEN THAILAND SPEED FESTIVAL 2012 ซึ่งเป็นความร่วมมือของพันธมิตรยักษ์ใหญ่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย , การกีฬาแห่งประเทศไทย , จังหวัดชลบุรี , องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี , เทศบาลเมืองแสนสุขจังหวัดชลบุรี และราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย (ร.ย.ส.ท.) ร่วมสานต่อตำนานการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง บนสนามเฉพาะกิจ ณ ชายหาดบางแสน โดยเนรมิตโฉมชายหาดบางแสน ให้กลายเป็นสนามแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่เปี่ยมด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ด้วยความยาวรอบสนามถึง 3,700 เมตร เพื่อเตรียมรองรับกองทัพรถแข่งทางเรียบ และนักแข่งชั้นแนวหน้าในประเทศไทยและชาวต่างชาติ ในรายการใหญ่ SUPER CAR THAILAND CHAMPIONSHIP, TOYOTA MOTORSPORTS และ TOYOTA BANGSAEN ENDURANCE ณ. ชายหาดบางแสน แหลมแท่น เขาสามมุข จังหวัดชลบุรี
Toyota Bangsaen Endurance
วันศุกร์ที่ 21 ความเร้าใจของมหกรรมทางเรียบเริ่มต้นด้วย “Toyota Bangsaen Endurance” การแข่งขันมาราธอนของรถยนต์ที่ท้าทายความอึดของรถและนักแข่ง ทั้งหมด 4 ชม. โดย นักแข่งแต่ละทีมสามารถมีได้เพียง 2-3 คน และกฏความปลอดภัยที่บังคับให้นักขับใช้เวลาการขับในสนามได้เพียง 45 นาที ต่อคน เท่านั้น งานนี้มีรถเข้าการแข่งกว่า 40 คัน เมื่อทุกอย่างพร้อมรถทุกคัน Rolling Start หลังจากธงเขียวโบกสะบัดเป็นสัญญาณเริ่มต้นความมันส์ และความอึด ผ่านไปได้เพียงไม่ถึง 10 นาทีของชั่วโมงแรก รถทีมหมายเลข 72 คือ ต้องวนกลับเข้าพิท เพราะ อ่ำ-อัมรินทร์ 1 ใน 3 นักแข่งบาดเจ็บลงแข่งไม่ไหว
ผ่านมาถึงชั่วโมง 2 ของการแข่งขัน ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางรถทุกคันวิ่งอย่างเป็นระเบียบ แต่รถจากทีมหมายเลข 59 ออกอาการวิ่งมาแผ่วๆ จนมาจอดเสียแถวๆ วงเวียน ซ่อมไป ซ่อมมา ก็พอไหวพยายามไหลๆ มาเข้าพิทจนสำเร็จ ด้านหัวแถวรถทีมหมายเลข 2 ยังคงตั้งหน้า ตั้งตานำแบบทิ้งห่างด้วยจำนวนรอบที่นำคันอื่นราว 1-2 รอบ ส่วนอันดับ 2 ในชั่วโมงแรก คือ รถทีมหมายเลข 45 นั้นคาดว่าจะมีปัญหาบางอย่างทำให้ร่วงลงไปหลายอันดับ จนทีมรถหมายเลข 14 ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 แทน
ก้าวเข้าสู่ชั่วโมงที่ 3 ทั้งรถทั้งคนอ่อนล้าไปตามๆ กัน ทำให้ต้องบอกลาความโหดของสนามบางแสนไปหลายคัน รถหมายเลข 14 ที่อยู่ในอันดับ 5 ก็ใช้ความสามารถไล่กวดขึ้นมาอย่างเต็มที่ จนขึ้นมาเป็นอันดับที่ 4 ได้สำเร็จ ส่วนรถหมายเลข 65 หวังชิงความได้เปรียบเพิ่มความเร็วเต็มที่ซัดจนรถพังคาเท้าไปอีกราย ตามมาด้วยรถหมายเลข 41 ที่อ่อนแรงล้าเกินจะเลี้ยว เลยพุ่งเข้ากองยางไปเต็มๆ จนออกจากการแข่งขันไปเช่นกัน
ชั่วโมงสุดท้ายของการแข่งขันหัวแถวหมายเลข 38 นั้น ถูกรถหมายเลข 45 และหมายเลข 47 สอยหล่นมาอยู่ในอันดับ 3 แต่โชคไม่ดีที่รถหมายเลข 45 เพิ่งจะรับตำแหน่งจ่าฝูงไปหมาดๆ ก็เกิดพลาดท่าหลุดเข้าแปะกำแพง ขวางอยู่ในแทรค ซึ่งอาจจะมีอันตราย ทำให้ธงเหลืองพร้อมป้าย SC ปลิวว่อนทั่วสนาม รถ Safety Car ต้องออกนำขบวนเรียงตามลำดับ โดยมีรถหมายเลข 47 กลายเป็นผู้นำไปในทันที กว่าจะปล่อยสตาร์ทอีกครั้งในรถ Safety Car วิ่งวนมาถึงรอบที่ 5 ซึ่งถือเป็นโอกาสสุดท้ายที่รถแข่งแต่ละคันจะร่นระยะ เหมือนกันการออกสตาร์ทครั้งแรก และหลังจากผ่านไปไม่กี่รอบสนาม รถหมายเลข 47 ที่เพิ่งครองตำแหน่งจ่าฝูงก็จำใจต้องเข้าพิท เลยโดนรถหมายเลข 38 สอยเอาตำแหน่งผู้นำไปครอง อีกทั้งจำนวนรอบสนามในชั่วโมงสุดท้ายนี้ก็เดินทางมาเกือบจะถึง 100 รอบแล้วด้วยเช่นกัน
ผ่านไปครบ 4 ชั่วโมงเต็ม รถคันแรกที่รับธงตาหมากรุกนั้นเป็นไปตามคาดหมาย คือ หมายเลข 38 ที่ประกอบด้วยนักแข่ง 3 คน คือ Iguchi และ Oshima จับมือกับ ต้น-มานัต กุละปาลานนท์ ทำรอบไปทั้งหมด 106 รอบสนาม ทำเวลาดีสุด 2:04.763 นาที ในรอบที่ 33 ส่วนอันดับ 2 เป็นรถหมายเลข 47 ที่กัดฟันสู้กันเพียง 2 นักแข่ง คือ พฤฒิรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ และ ชาริยะ ทำรอบได้ทั้งหมด 106 รอบเท่ากัน มีเวลาดีสุด 2:07.294 นาที ในรอบที่ 84 และอันดับที่ 3 เป็นรถหมายเลข 2 กับนักแข่ง 3 คน คือ Umars, บวริสร์ สวาวสุ และบูม-กันตธีร์ กุศิริ ทำรอบได้ 106 รอบ ทำเวลาดีสุด 2:03.243 นาที ในรอบที่ 99