เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เตรียมเปิดตัว Flying Spur Speed ใหม่กับขุมพลัง Ultra Performance Hybrid ที่ทรงสมรรถนะที่สุด กันยายนนี้

Flying Spur Speed

เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เตรียมเปิดตัว Flying Spur Speed สุดยอดแกรนด์ทัวเรอร์แบบ 4 ประตู กับขุมพลังแบบ Ultra Performance V8 Hybrid ใหม่ ที่จะมอบพละกำลังกว่า 782 แรงม้า ในเดือนกันยายนนี้ โดยขุมพลังรุ่นดังกล่าวจะทำให้ Flying Spur เป็นแกรนด์ทัวเรอร์แบบ 4 ประตู ที่ทรงสมรรถนะที่สุด ไดนามิกที่สุด และมีประสิทธิภาพสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ 105 ปีของแบรนด์ สำหรับ Flying Spur รุ่นใหม่นี้จะมาต่อยอดความสำเร็จในรุ่นปัจจุบัน ที่เปิดตัวไปในปี 2562

Flying Spur Speed

สำหรับสมรรถนะของเครื่องยนต์แบบ Ultra Performance Hybrid ที่มาพร้อมกับพละกำลังกว่า 782 แรงม้า และแรงบิด 1,000 นิวตันเมตร จากขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น V8 ทวินเทอร์โบ ขนาด 4.0 ลิตรใหม่ พร้อมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง จะนิยามอนาคตของเบนท์ลีย์ ด้วยความลงตัวระหว่างสมรรถนะระดับซุปเปอร์คาร์ และความหรูหรา ด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เงียบสงบ และการขับขี่ที่สะดวกสบาย

โดยขุมพลัง Ultra Performance Hybrid เมื่อติดตั้งเข้ากับ Flying Spur ใหม่ เครื่องยนต์อันทรงพลังจะสร้างสุดยอดอัครยนตรกรรมแบบซีดานที่ทรงสมรรถนะ และเงียบสงบ พร้อมด้วยประสิทธิภาพในการขับขี่ จากมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน ที่จะมอบพิสัยการเดินทางกว่า 80 กิโลเมตร ซึ่งรุ่น Flying Spur ใหม่ มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่า 40 กรัม ต่อ กิโลเมตร โดยมีพิสัยการเดินทางรวมแล้วกว่า 800 กิโลเมตร ตอกย้ำความเป็นสุดยอดแกรนด์ทัวเรอร์แห่งยุคได้อย่างแท้จริง

ขุมพลัง Ultra Performance Hybrid

ขุมพลังเครื่องยนต์รุ่นใหม่ เป็นไปตามแบบแผนอันยาวนานของ เบนท์ลีย์ ในการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปสมรรถนะสูง ด้วยเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการใช้ระบบซูเปอร์ชาร์จในช่วงทศวรรษปี 1920 ได้ถือเป็นยุคแรกๆ จนถึงการใช้ระบบแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ตั้งแต่ช่วงปี 1980 ถึงปัจจุบัน ซึ่งเบนท์ลีย์ก็ได้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเพิ่มสมรรถนะที่สูงขึ้น ผ่านการใช้ระบบ “อิเล็กโทรชาร์จ” กับระบบไฮบริดที่ทรงพลัง เพื่อสร้างระบบส่งกำลังที่ล้ำสมัย และทรงสมรรถนะที่สุดในประวัติศาสตร์ 105 ปี ของแบรนด์ ขุมพลังเครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้ มอบพละกำลังมากกว่าเครื่องยนต์รุ่น W12 ใน Flying Spur Speed รุ่นปัจจุบัน เกือบ 150 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดที่เพิ่มขึ้น 100 นิวตันเมตร

ผลจากการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์รุ่น V8 และมอเตอร์ไฟฟ้า Flying Spur Speed ใหม่ จึงสามารถส่งมอบพละกำลัง และแรงบิดที่ได้รับการพัฒนาตลอดทุกช่วงรอบ ซึ่งรวมถึงการเสริมพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อการเร่งความเร็วที่มีเสถียรภาพ ตั้งแต่ย่านความเร็วต่ำ และตลอดช่วงกลาง พร้อมด้วยสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นจากเครื่องยนต์รุ่น V8 ที่ย่านความเร็วที่สูงขึ้น

[bsa_pro_ad_space id=19]

[bsa_pro_ad_space id=15]
[bsa_pro_ad_space id=16]