ยาง ‘บีเอฟกู๊ดริช’ นำ Stéphane Peterhansel และ Edouard Boulanger ทะยานคว้าชัยในการแข่งแรลลีสุดหฤโหด ‘ดาการ์’ ครั้งที่ 17
ยาง ‘บีเอฟกู๊ดริช’ นำ Stéphane Peterhansel และ Edouard Boulanger คว้าชัย ‘ดาการ์’ ครั้งที่ 17
ในการแข่งแรลลีสุดหฤโหด ‘ดาการ์’ (Dakar) ประจำปี 2564 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ระหว่างวันที่ 3-15 มกราคม ที่ผ่านมา ภายใต้มาตรการด้านสุขอนามัยอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ‘สเตฟาน ปีเตอร์อองเซล’ (Stéphane Peterhansel) เจ้าของฉายา “เมอซิเออร์ ดาการ์” (Monsieur Dakar) ควบรถบั๊กกี้ เอ็กซ์-เหรด มินิ ขุมพลังดีเซล ขับเคลื่อน 2 ล้อ สังกัดทีมเจซีดับเบิลยู (JCW) คว้ารางวัลชนะเลิศไปครอง พิสูจน์ให้เห็นว่าทักษะในการขับขี่ทั้งด้านความเร็ว ความสม่ำเสมอ และการควบคุมรถของนักขับชาวฝรั่งเศสผู้นี้ เป็นปัจจัยสำคัญสู่ความเป็นแชมป์บนเส้นทางวิบากที่ต้องขับขี่ด้วยความเร็วสูงระยะทาง 4,500 กิโลเมตร รวม 12 สเตจ ของการแข่งขันปีนี้ โดยทีมงาน รถแข่ง และยางรถ ต่างต้องผ่านบททดสอบอย่างหนัก
ซองดรีน กอมโบ (Sandrine Combeaux) ผู้จัดการ ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ประจำภาคพื้นยุโรป กล่าวว่า “ยาง ‘บีเอฟกู๊ดริช ออล เทอร์เรน ที/เอ เคดีอาร์2+’ (BFGoodrich All Terrain T/A KDR2+) ที่ใช้ในการแข่งขัน ‘ดาการ์’ ประจำปี 2564 ไม่เพียงอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสำหรับยางแรลลีที่ดีที่สุด แต่ยังเป็นยางที่เกิดจากการทุ่มเทพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามแนวทางที่ได้จากการรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้เข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขัน”
การแข่งขัน ‘ดาการ์’ ประจำปี 2564 เป็นการแข่งขันครั้งที่ 2 ที่จัดขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยสเตจสำหรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงพิเศษมีความทุรกันดารมากกว่าสเตจในภูมิภาคอเมริกาใต้ ดังนั้น รถบั๊กกี้ยางล้อใหญ่จึงมีข้อได้เปรียบด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่ง ขณะที่รถขับเคลื่อน 4 ล้อซึ่งใช้ยางล้อขนาดเล็กกว่ามีโอกาสที่จะประสบปัญหาในการแข่งขันได้มากกว่า
“นอกจากทักษะด้านทิศทางที่แม่นยำและความชำนาญในการแข่งแรลลีสไตล์แอฟริกาแล้ว รูปแบบการขับขี่ ตลอดจนเทคนิคการขับขี่ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ ซึ่งผลงานการคว้าแชมป์ของ สเตฟาน ปีเตอร์อองเซล คือข้อพิสูจน์ได้อย่างดี” มิสกอมโบ กล่าวเสริม
ผู้เชี่ยวชาญด้านยางของ ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ไม่เพียงอยู่เคียงข้างคอยให้การสนับสนุนช่วยเหลือนักแข่งที่ใช้ยาง ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ตั้งแต่เริ่มจนสิ้นสุดการแข่งขัน แต่ยังให้คำแนะนำเรื่องการเลือกยาง รูปแบบการติดตั้ง และแรงดันลมยางด้วย ทั้งนี้ ตลอด 12 ช่วงการแข่งขัน (Leg) ศูนย์บริการ ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ได้ติดตั้งและถอดเปลี่ยนยางให้กับนักแข่งรวมทั้งสิ้นกว่า 3,800 เส้น
การแข่งรถรายการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ‘ดาการ์’ หรือ ‘บาฮา’ (Baja) ซึ่งเป็นการแข่งขันสไตล์อเมริกาเหนือล้วนมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้ยาง ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ประเภทที่ใช้ได้ทั้งทางเรียบและออฟโรด (All Terrain) มีศักยภาพที่โดดเด่น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างความเชี่ยวชาญอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ที่สั่งสมมายาวนานถึง 150 ปี ทั้งนี้ กีฬามอเตอร์สปอร์ตเปรียบเสมือนห้องทดลองขนาดใหญ่สำหรับทดสอบการใช้งานยางในสภาพสุดหฤโหดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยมีเป้าหมายมุ่งเก็บเกี่ยวความรู้อย่างรอบด้านเพื่อให้สามารถถ่ายทอดสมรรถนะยางรถแข่งไปสู่ยาง ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ที่วางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์สำหรับยานยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อได้ต่อไป
สมรรถนะและประสิทธิภาพของยาง ‘บีเอฟกู๊ดริช มัด เทอร์เรน เคเอ็ม3 เอสเอสวี/ยูทีวี’ (BFGoodrich Mud Terrain KM3 SSV/UTV) รุ่นล่าสุด คือจุดเด่นของการแข่งขัน ‘ดาการ์’ ประจำปี 2564 โดยในการแข่งขันประเภทยานพาหนะขนาดเล็ก (Light Vehicle)คริสตินา กูเตียร์เรซ (Cristina Gutierrez) นักแข่งจากสเปนที่ใช้ยาง ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ทำเวลาได้เร็วที่สุดเป็นจ่าฝูงของกลุ่มในวันแรกของการแข่งขัน จึงกลายเป็นนักแข่งหญิงคนแรกที่คว้าชัยชนะระดับสเตจในการแข่งขัน ‘ดาการ์’ นับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา นอกจากนี้ เซธ ควินเตโร (Seth Quintero) นักแข่งอายุ 18 ปี ซึ่งลงแข่งเพื่อป้องกันแชมป์ให้กับทีม ‘เรดบูล จูเนียร์ โอที3’ (Red Bull Junior Team OT3) เช่นเดียวกับ คริสตินา กูเตียร์เรซ ยังถือเป็นนักแข่งอายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยลงแข่งในการแข่งขัน ‘ดาการ์’ อีกด้วย