มือใหม่ “สายดีเซล (Diesel)” … อยากมันส์ ต้องรู้ “ดันราง” คืออะไร
นับแต่อดีตในยุคที่เครื่องยนต์ดีเซลยัง “ล้าหลัง” จะเรียกว่าเครื่องยนต์เบนซิน คือ “ตัวซิ่ง” ยอดนิยมก็คงไม่ผิดนัก แต่กาลเวลาหมุนผ่าน ไปพร้อมกับการพัฒนา ที่ทำให้เครื่องยนต์ดีเซล (Diesel) มีสมรรถนะในระดับที่ “เทียบเท่า” หรือ เหนือกว่า” จนกลายเป็นที่น่าจับตามอง และอัพเกรดกันอย่างแพร่หลาย ด้วยเทคนิคง่ายๆ ที่บ้านเรารู้จักกับคำว่า “ดันราง”
“ดันราง” จุดเริ่มความแรง “สายดีเซล (Diesel)”
“ดันราง” คือ อีกหนึ่งวิธีลัดในการเพิ่มความแรงให้กับขุมพลังดีเซล คอมมอนเรล ที่นิยมทำกันในยุคปัจจุบัน ซึ่งความหมายของมันก็คือ “การเพิ่มระดับแรงดันในรางจ่ายน้ำมันให้หัวฉีด คอมมอนเรล เพราะโดยปกติปั๊มคอมมอนเรลจะมีหน้าที่ปั่น และอัดส่งสร้างน้ำมันที่มีแรงดันสูงมากๆ ไปสู่รางคอมมอนเรล ส่งต่อไปยังหัวฉีดเพื่อจ่ายน้ำมันไปยังห้องเผาไหม้
ซึ่งอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ก็คือ “กล่องดันราง” ที่มีขายอยู่ในท้องตลาดทั่วไป โดยกล่องตัวนี้หน้าที่หลักๆ ก็คือ “ส่งสัญญาณหลอก” ไปยังกล่องหลัก หรือกล่อง ECU ของรถ ว่าขณะนั้นแรงดันน้ำมันต่ำกว่าปกติ (ทั้งที่จริงๆ ปกติ) ซึ่งทำให้กล่อง ECU ของรถ สั่งให้ปั๊มคอมมอนเรล ทำงานมากขึ้นเพื่อสร้างแรงดันเพิ่มให้กลับสู่มาตรฐานปกติ
ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คือ สมมุติว่าค่าแรงดันปกติในรางคอมมอนเรลอยู่ที่ 100% แต่ถูก “กล่องดันราง” ปรับสัญญาณหลอกล่อง ECU ของรถว่ามีค่าแรงดันอยู่ที่ 80% (ในความเป็นจริงคือ 100%) ซึ่งหมายถึง ณ ขณะนั้นรถมีค่าแรงดันที่ต่ำกว่าปกติ ฉะนั้นกล่อง ECU ของรถก็จะสั่งปั๊มคอมมอนเรลให้สร้างแรงดันเพิ่มขึ้นอีก 20% เพื่อให้เต็ม 100% ตามมาตรฐาน ซึ่งผลก็คือรถจะมีค่าแรงดันอยู่ที่ 120%
โดยข้อดีก็คือ เมื่อค่าแรงดันในระบบสูงขึ้น ทำให้การฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงสู่ห้องเผาไหม้ทำได้แรงกว่าเดิม จะส่งผลให้การเผาไหม้ดีขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพให้การเครื่องยนต์มากขึ้นทั้งในเรื่องของ “แรงม้า และแรงบิด” โดยที่หัวฉีดยังคงฉีดจ่ายน้ำมันเป็นปริมาณเท่าเดิม
ในขณะที่สิ่งที่เพิ่มเติมก็คือ “ค่าแรงดัน” ในการฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเท่านั้น ทั้งยังมีผลในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน เพราะเมื่อรถมีกำลังมากขึ้น มีการตอบสนองที่ดีขึ้น ฉะนั้นในการขับขี่ใช้งานปกติก็เลยไม่ต้อง “เค้น” หรือ “ใช้คันเร่ง” มากขึ้นเช่นกัน