10 Years BMW i … ฉลอง 10 ปี บนเส้นทางรถยนต์ไฟฟ้า
“Project i” คือ แผนโครงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของ บีเอ็มดับเบิลยู ที่ถูกเริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่ปี 2008 ก่อนเผยความสำเร็จสู่สายตาชาวโลกเป็นครั้งแรก ในเดือนกุมภาพันธ์ 2011 พร้อมม็อตโต (Motto) “Born Electric” เพื่อเปลี่ยนความคิดสาธารณะชนสู่มิติใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล ที่ส่งให้ปัจจุบันไอคอน “BMW i” ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการขับเคลื่อนแห่งอนาคตไปเป็นที่เรียบร้อย
สำหรับแนวคิดการพัฒนาตามแบบฉบับ BMW i นั้นเรียกได้ว่าเป็นการขับเคลื่อนสู่อนาคตอย่างยั่งยืนแบบองค์รวม ภายใต้การคิดคำนึงถึงทุกองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องอย่างถี่ถ้วน ซึ่งประกอบไปด้วย ระบบการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า, การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ในการผลิต รวมถึงลดการใช้น้ำในการผลิตน้อยลง 70%
ตลอดจนการใช้พลังงานสะอาด 100% เพื่อการผลิต BMW i ที่ออกแบบมาให้ลูกค้าสะดวกในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไม่ว่าจะที่บ้าน หรือระหว่างการเดินทาง ทั้งยังรวมไปถึงการเลือกใช้วัสดุรีไซเคิล และวัตถุดิบทดแทนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการผลิต ควบคู่ไปกับการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ CFRP น้ำหนักเบา พร้อมด้วยการผสมผสานบริการดิจิตอล (Digital service) เข้าไปในตัวรถ
และด้วยรายละเอียดทั้งหมดที่พัฒนาร่วมกัน และเดินทางมาจนสุดสายปลายทาง สู่การก่อกำเนิดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าผลิตจริงคันแรกในชื่อรุ่นว่า BMW i3 ที่ออกจำหน่ายในปี 2013 ในฐานะยานยนต์พลังงานไฟฟ้าคันแรกที่ผลิตด้วย CFRP และสามารถขับขี่ได้ไกลถึง 130-160 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
แม้จะผ่านมาแล้วเกือบ 10 ปีก็ตาม i3 ก็ยังคงได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงรุ่นปัจจุบันที่อัพเกรดประสิทธิภาพขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการใช้แบตเตอรี่ขนาด 42.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่มีความจุมากกว่ารุ่นแรกเกือบสองเท่า จนสามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางที่ไกลขึ้นถึง 245 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้งเลยทีเดียว
ก่อนจะเปิดตัว BMW i8 ขึ้นในปี 2014 ด้วยฐานะของซุปเปอร์คาร์ เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดคันแรกของโลก และเป็นรถที่รวมสุดยอดเทคโนโลยีของโลกในเวลานั้นเข้าไว้ด้วยกัน จากนั้นจึงตามมาด้วยเวอร์ชั่นเปิดประทุน Roadster ในปี 2018 ซึ่งมาการใช้เทคโนโลยีไฟหน้าแบบเลเซอร์เป็นรุ่นแรกของโลก รวมถึงการสร้างชิ้นส่วนด้วยกระบวนการพิมพ์ 3 มิติแบบใหม่ที่เรียกได้ว่าล้ำสมัยสุดๆ ในทุกด้าน จนทำให้ i8 สามารถคว้ารางวัลระดับโลกไปครอบครองมากมาย ก่อนจะสร้างตำนานด้วยการตัดสินใจปิดสายการผลิตลงในเดือนมิถุนายนปี 2020 ที่ผ่านมา
ซึ่งจุดเริ่มต้นอย่าง i3 ที่หล่อหลอมสู่ i8 คือ สิ่งที่สร้างความมุ่งมั่นให้บีเอ็มดับเบิลยูพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง จนเกิดเป็นยนตรกรรมสุดล้ำที่ดูราวกับมาจากโลกอนาคต อาทิ BMW Vision i NEXT ในปี 2018, BMW i Hydrogen Next ในปี 2019 ก่อนจะสั่นสะเทือนวงการยานยนต์ระดับพรีเมี่ยม ด้วย SUV (Sport Utility Vehicle) พลังงานไฟฟ้า 100% อย่าง BMW iX3 ที่เปิดตัวพร้อมขายในปี 2020
รวมแล้วเป็นระยะเวลาถึง 10 ปีจากก้าวแรกจนถึงปัจจุบัน ที่เทคโนโลยีต่างๆ ได้ถูกพัฒนา และส่งต่อมาถึงมือของ BMW iX ใหม่ ยานยนต์พลังไฟฟ้าแห่งอนาคต ซึ่งมีกำลังเทียบได้กับรถสปอร์ตระดับ 500 แรงม้า ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่สามารถขับได้มากกว่า 600 กิโลเมตร เมื่อชาร์จแบตจนเต็ม หรือเทียบเท่ากับรถยนต์ที่เติมน้ำมันจนเต็มถัง
โดยผลลัพธ์แห่งการพัฒนามาเป็นระยะเวลาร่วม 10 ปี สู่การนำเสนอประสิทธิภาพที่เหนือชั้นผ่าน BMW iX ใหม่ ณ ปัจจุบัน คือ สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นตัวแทน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจุดยืนอย่างชัดเจนในการสร้างมาตรฐานใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้าแห่งแบรนด์ BMW ที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ต่อไปในอนาคตนั่นเอง