Acura NSX Type S … “สั่งลา” สายผลิต ด้วยเวอร์ชั่น “โหดที่สุด”
Acura NSX Type S คือ เวอร์ชั่นสุดท้ายที่ถูกปล่อยออกมา หลังจากที่มีการประกาศแผนยุติสายการผลิต NSX เป็นที่เรียบร้อย เพราะฉะนั้น Type S ที่เห็นอยู่นี้ คือ ผลงานที่ผ่านการอัพเกรดมาสู่ความสมบูรณ์แบบ ซึ่งมีการการันตีว่า “สมรรถนะ” เหนือกว่า NSX เวอร์ชั่นที่ผ่านๆ มา “หลายขั้น” แถมยังทรงคุณค่าด้วยจำนวนการผลิตเพียง 350 คันอีกด้วย
โดยการปรับโฉมสู่เวอร์ชั่น Type S ได้เริ่มต้นจากการอัพเกรดรูปลักษณ์ เพื่อยกระดับความสามารถด้านอากาศพลศาสตร์ (Total Airflow Management) ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากสนามแข่ง ประกอบด้วย ช่องดักอากาศในชุดกันชนหน้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เสริมด้วยช่องดักอากาศมุมกันชน และ Splitter คาร์บอนไฟเบอร์ดีไซน์ใหม่ รับกับชุดสเกิร์ตข้าง ตลอดจนความดุดันที่เกิดจากสปอยเลอร์ และ Diffuser หลังใหม่ ซึ่งหยิบยมืมสไตล์การออกแบบมาจากรถแข่ง NSX GT3 Evo ทั้งยังรวมไปถึงหลังคาที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งในเรื่องของงานดีไซน์ และวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อใช้ลดน้ำหนัก
และเพื่อนำเสนอความดุดันให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้รายละเอียดต่างๆ จึงถูกเปลี่ยนเป็นโทนสีดำเงา Gloss Berlina Black เช่น ชุดไฟหน้า, ไฟท้าย, กระจกมองข้าง, มือจับเปิดประตู, ปลายท่อไอเสีย ตลอดจนตราสัญลักษณ์ Acura ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ที่เลือกใช้โทนสีดำเงา Gloss Berlina Black เป็นครั้งแรกอีกด้วยเช่นกัน ขณะที่ฝาครอบเครื่องยนต์นั้นเลือกใช้เป็นโทนสีแดง
สำหรับห้องโดยสารยังคงความคุ้นเคยด้วยสไตล์ ที่มาจากแรงบันดาลใจแห่ง NSX เจนเนอเรชั่นแรก ซึ่งให้ความสำคัญในส่วนของผู้ขับขี่เป็นหลัก จากนั้นก็ยกระดับความพรีเมี่ยมด้วยบรรดาวัสดุคุณภาพสูง ก่อนจะบ่งบอกความสำคัญด้วยตราสัญลักษณ์ NSX และ Type S ไว้ในส่วนต่างๆ
Acura NSX Type S ยังคงขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน ขนาด 3.5 ลิตร แบบ V6 เสริมแรงด้วยระบบอัดอากาศ Twin Turbo พร้อมทั้งมีการอัพเกรดใหม่เต็มระบบ ซึ่งเริ่มจากระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงใหม่ที่มีประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น 25% ต่อเนื่องด้วยระบบอัดอากาศ (Turbochargers) ลูกใหม่แบบเดียวกับ NSX GT3 Evo ที่ช่วยเพิ่มอัตราการบูสต์ดีขึ้นอีกราว 5.6% ก่อนปิดท้ายด้วยอินเตอร์คูลเลอร์ใหม่ซึ่งระบายความร้อนได้ดีขึ้น 15% ประกอบกันเป็นพละกำลังที่ไต่ขึ้นจากเดิม 500 แรงม้าเป็น 520 แรงม้า พร้อมแรงบิดที่ขยับจาก 550 นิวตันเมตรไปเป็น 600 นิวตันเมตร จากเดิม 550 นิวตันเมตร
ทำงานร่วมระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid SH-AWD® ที่ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว แยกติดตั้งด้านหน้า 2 ตัว และด้านหลัง 1 ตัว ซึ่งมากับการปรับแต่งขึ้นใหม่เช่นกัน คือ ความจุแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้น 20% และสามารถบริหารจัดการจ่ายไฟได้ดีขึ้นอีก 10% รวมแล้วทั้งหมด NSX Type S มีเรี่ยวแรงในระบบให้ใช้ถึง 600 แรงม้า
นอกจากนี้ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ DCT คลัทช์คู่ 9 สปีด ก็ได้รับการอัพเกรดให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้นราว 50% แถมด้วยระบบช่วงล่างใหม่ที่ปรับแต่งให้รองรับกับสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น และลงตัวกับแต่ละโหมดการขับขี่ ซึ่งมีให้เลือก 4 รูปแบบ คือ Quiet Mode, Sport Mode, Sport+ Mode และ Track Mode
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะในส่วนของล้ออัลลอยด์ยังมากับงานออกแบบใหม่ เพื่อเพิ่ม Offset ให้ล้อหน้ามีความกว้างขึ้นอีก 0.4 นิ้ว และล้อหลังกว้างขึ้นไปอีก 0.8 นิ้ว ก่อนจะสวมใส่ยางมาตรฐาน Pirelli P-Zero ออกแบบพิเศษด้วยขนาดยางด้านหน้า 245/35ZR19 และด้านหลัง 305/30ZR20 เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัว และการยึดเกาะถนนมากขึ้น
ปิดท้ายด้วยความมั่นใจในการขับขี่ ด้วยระบบเบรกที่เลือกใช้บริการจากแบรนด์ Brembo ซึ่งมีคาลิปเปอร์ด้านหน้า 6 Pot และด้านหลัง 4 Pot โดยหากยังไม่สะใจก็สามารถเลือกออพชั่น Lightweight Package เพื่อเปลี่ยนเป็นจานเบรกแบบ Carbon Ceramic จับคู่กับคาลิปเปอร์ที่เลือกสีได้