Audi A3 Sedan 2021 คอมแพ็ก ซีดาน น้องเล็กจากค่ายสี่ห่วง
นับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของ A3 ที่ทำตลาดได้ดีมาต่อเนื่อง หลังจาก Audi A3 รถยนต์ขนาดคอมแพ็ก ได้ปล่อยรุ่น Sportback ตัวถังแนวแฮทช์แบ็กออกมาก่อนหน้า โดยมุ่งหมายว่าจะเข้ามาเพิ่มทางเลือกให้กับตลาดในเซ็กเม้นท์นี้ ที่มีคู่แข่งสัญชาติเยอรมันอย่างเมอเซเดสเบนซ์ และบีเอ็มดับเบิ้ลยู
หน้าตาคมคายในแบบฉบับออดี้ ถอดแบบมาจากตัวถังในรุ่น Sportback แต่มีความยาวกว่า 15 ซม.เน้นความเฉียบคมของตัวถัง และความหรูดูดีมีระดับ เนื่องจากกลุ่มลูกค้านั้นเป็นตลาดจีน และสหรัฐอเมริกา โดยความลู่ และเพรียวลมนั้นทำได้ดีกว่าเจนฯ แรกราว 0.04 หรือง่ายๆ ก็คือ รุ่นนี้มีค่า CD อยู่ที่ 0.25
ถึงจะเป็นน้องเล็ก แต่ออปชั่นไม่ธรรมดา เมื่อเข้ามาดูในส่วนของภายในห้องโดยสาร แม้จะดูเรียบง่าย หน้าตาเหมือนกับในรุ่น Sportback แต่ทุกอย่างแฝงไปด้วยความทันสมัย และเฉียบ แม้จะถูกจำกัดด้วยเนื้อที่ก็ตาม หน้าจอมาตรวัดแบบ Virtual Cockpit ขนาด 10.25 นิ้ว ดูไฮเทคทันสมัยให้อรมณ์สปอร์ต
หน้าจอสำหรับเอนเตอร์เทนเม้นท์ตรงกลางขนาด 10.1 นิ้ว ได้รับการปรับปรุงให้ตอบสนองการทำงานที่ไวขึ้น นอกจากนี้ออดี้ยังให้ myAudi app มาให้เพื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ซึ่งจะมีแอพพลิเคชั่นจากออดี้ อย่าง แผนที่ และอื่นๆ เป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้ใช้งานได้อย่างสะดวก
Audi A3 Sedan เครื่องยนต์มีทุกแบบให้เลือก
ถ้าจะถามหาถึงขุมพลัง จัดว่ามีหลายทางเลือกให้กับลูกค้าอย่างมาก แต่ขอว่ากันถึงที่ทำตลาดในยุโรปกันก่อน ซึ่งมีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน TFSi และดีเซล TDI และในอนาคตน่าจะมีในแบบ Plug-in Hybrid ด้วย รวมไปถึงในแบบใช้ก๊าซ CNG ก็มีแผนเช่นกัน
รุ่นเริ่มต้นกับ 1.0 TFSI เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร แบบ 3 สูบ เทอร์โบ กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดขนาด 200 นิวตัน-เมตรที่ 2,000-3,000 รอบ/นาที ถึงแม้จะเครื่องเล็กมีน้ำหนักเบาเพียง 88 กก.แต่อุดมไปด้วยเทคโนโลยี
1.5 TFSI เครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบ มาพร้อมกับ Mild-Hybrid จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ S-Tronic แบบคลัทช์คู่ 7 จังหวะ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร
ส่วนใครที่ชอบแรงบิดหนักหน่อย คงต้องคบหากับเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 TDI แถมยังมีให้เลือกอีก 2 เวอร์ชั่นคือ เวอร์ชั่นแรงน้อยกว่า กับรุ่น 116 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตัน-เมตร ส่วนรุ่นแรงกว่า จะได้มีม้าถึง 150 แรงม้า
สำหรับในตลาดยุโรปถ้าเป็นรุ่น 35TFSI (150 แรงม้า) จะสตาร์ทที่ 29,800 ยูโร แต่ถ้าใครที่ชอบเล่นรุ่นเล็กกว่า จะมีรุ่นราคาเริ่มต้นที่ 27,700 ยูโร ส่วนเมืองไทยรอไปก่อนนะ หวังว่าถ้าโอกาสดีปีหน้าอาจจะได้เจอหน้าค่าตากัน
