Audi RS4 Avant 2018 ดูเป็นรถครอบครัว ตัวแรงกว่า 450 ม้า
Audi RS4 Avant จัดเป็นรถยนต์ในแบบสเตชั่นแวก้อน ที่ได้สร้างสมประวัติศาสตร์อันยาวนาน แบบหาตัวจับยาก รุ่นนึงในรูปแบบ RS ซึ่งกว่า 17 ปีที่ผ่านของ RS4 Avant รุ่นล่าสุดนี้นับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ของ RS4 Avant และถึงแม้รูปทรงที่เห็นจะเป็นแนวแวก้อนที่ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่เชื่อมั้ยว่า เจ้า อาร์เอสโฟร์ นี้พกม้ามาถึง 450 ตัว และทำความเร็วสูงสุดในรุ่นเริ่มต้นได้ถึง 250 กม./ชม. กับ ราคารถยนต์ใหม่ ในรุ่นเริ่มต้นที่ราว 2,800,000 บาท
ภายนอกตระกูล A4 แต่ปรับแต่งเป็น Audi RS4 Avant
ด้วยรูปทรงโดยรวมนั้นคือ A4 แต่ถูกดีไซน์ ในสไตล์ RS ที่สร้างความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่ด้านหน้า ด้านข้า และด้านหลัง จนมีสไตลืของตัวเองที่ดูไม่เหมือน A4 Avant
ไฟหน้าแบบ Matrix LED ที่ต่างจาก LED มาตรฐาน กระจังมีขนาดใหญ่ และแบนราบมากขึ้น และโลโก้ Quattro กับ RS4 สามมิติแบบใหม่
ขนาดมิติของตัวรถยาว 4,781 มม.ความกว้าง 1,866 มม.แบกน้ำหนักตัวที่ 1,715 กก.เบากว่าเดิม 80 กก.และจะมาพร้อมชุดแต่งของพาร์ทด้านนอกต่างเป็นสีดำ ในรุ่นมาตรฐาน และถ้าเป็นรุ่นท้อปจะเป็นใช้วัสดุคาร์บอน
เครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ 2.9 ลิตร
ในรุ่นเจนเนอเรชั่นก่อนหน้า จะคุ้นเคยกับบล็อก V8 แต่สำหรับรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ลดจำนวนกระบอกสูบลงเป็น V6 เทอร์โบ ขนาด 2.9 ลิตร TFSi ช่วยให้การกระจายน้ำหนักทำได้สมดุลได้ดียิ่งขึ้น เพราะเครื่องยนต์บล็อกใหม่ มีน้ำหนักลดลงไปถึง 31 กก.และมีสัดส่วนที่เล็กกว่ามากพอสมควร
ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic 8 สปีด ที่รวดเร็ว และคล่องตัว รวมถึงระบบขับเคลื่อนอันลือชื่ออย่าง Quattro ขับเคลื่อนสี่ล้อ ในแบบปกติจะถ่ายทอดกำลังไปที่ล้อหน้า 40% และล้อหลัง 60%
ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/35 เป็นมาตรฐานทั้งสี่ล้อ หรือหากอยากหล่อกว่าเดิม ก็สามารถเลือกเป็นขนาด 20 นิ้วได้ กับไซส์ยาง 275/35
ระบบเบรกแบบ 6 พอต พร้อมสัญลักษณ์ RS ดุดัน มีให้เลือกว่าจะเอาสีดำ หรือสีแดง โดยจานด้านหน้ามีขนาด 375 มม.ส่วนด้านหลังมีขนาด 330 มม.
ด้านภายในเติมเต็มความสะดวกสบายอย่างสมบูรณ์แบบด้วย Audi MMI Connect พร้อมความบันเทิงเต็มรูปแบบ มาพร้อมกับลำโพงระดับไฮเอนด์ Bang & Olufsen แบบ 3D
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยมากกว่า 30 ระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันได้ โดยปีหน้าจะเริ่มขายในเยอรมัน และยุโรป โดยตั้งราคาเริ่มต้นไว้ที่ราว 79,800 ยูโร หรือประมาณ 2,800,000 บาท
